BCC Go Forward Music ครั้งที่ 1 'CHICK COREA ELEKTRIC BAND LIVE IN BANGKOK'

คอนเสิร์ต

BCC Go Forward Music ครั้งที่ 1 'CHICK COREA ELEKTRIC BAND LIVE IN BANGKOK'

  • calendar-sale-white

    วันเปิดจำหน่าย วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม 2559, 10:00 น.

แชร์
BCC Go Forward Music ครั้งที่ 1 'CHICK COREA ELEKTRIC BAND LIVE IN BANGKOK'

ผังการแสดง & รอบการแสดง

วันที่แสดง
เวลา
วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม 2560

รอบ 16.30 น. จำหน่ายบัตร : ตั้งแต่  1 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 10:00 น. เป็นต้นไป

Promotion


รับส่วนลด 10% สำหรับการซื้อบัตรพร้อมกัน 2 ใบขึ้นไป ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายบัตร Thai Ticket Major ทุกสาขา* จำกัดการซื้อ 1 สิทธิ์ / การลดสูงสุด 4 ใบ 
สามารถใช้สิทธิ์ได้ถึงวันที่11 มีนาคม 2560
วิธีการรับสิทธิ์ สามารถทำได้ 3 วิธี  คือ
        - กด USSD *878*7064#  แล้วโทรออก
        - รับสิทธิ์ ผ่าน Application TrueYou
        - รับสิทธิ์ผ่าน www.trueyou.co.th

รายละเอียด

โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
เสนอ

คอนเสิร์ตจากวงฟิวชั่นแจ๊สระดับตำนานของยุค '80 ถึงปัจจุบัน กับเจ้าของรางวัลแกรมมี่ 22 ครั้ง เข้าชิง 65 ครั้ง
Chick Corea Elektric Band
1st BCC's World Class Concert Series
วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม 2560 ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศวร์ สยามสแควร์วัน
รอบการแสดง 16.30 / 19.30 น.
บัตรราคา 4,500 / 3,500 / 2,500 / 1,800 บาท

 

Chick Corea – เปียโน/ คีย์บอร์ด
Dave Weckl – กลอง
John Patitucci – เบส
Eric Marienthal – แซกโซโฟน
Frank Gambale – กีต้าร์

The Chick Corea Elektric Band เป็นหนึ่งในวงดนตรีแจ๊สไม่กี่วงที่เป็นผู้ปฏิวัติศิลปะรูปแบบนี้อย่างแท้จริง อัลบั้มเปิดตัวของพวกเขาในปี 1985 นั้นเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เป็นการผสมผสานดนตรีจังหวะอันเร่งเร้า ทั้งแจ๊ส ร็อค ละติน และฟังก์เข้าด้วยกัน เกิดเป็นการสร้างสรรค์เสียงดนตรีที่ล้ำสมัย

กล่าวได้ว่านี่คือการรวมตัวกันของสุดยอดฝีมือ ไม่ว่าจะเป็น Chick Corea- เปียโน Dave Weckl-กลอง John Patitucci-เบส Eric Marienthal-แซกโซโฟน และ Frank Gambale-กีต้าร์ โดยพวกเขาทั้งห้าได้สร้างสรรค์ผลงานมากมายตลอดช่วงปี 80 กระแสความแรงของดนตรีของพวกเขามีอิทธิพลต่อแนวดนตรีต่างๆ ตั้งแต่ ฮิปฮอป ไปจนถึง EDM และแน่นอนมีอิทธิพลต่อวงแจ๊สที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันอย่าง Snarky Puppy

ทัวร์คอนเสิร์ตของพวกเขาในปีนี้ มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากถือเป็นการฉลองครบรอบอายุ 75 ปี ให้กับ Chick Corea โดยจะเป็นหนึ่งปีเต็มของการเฉลิมฉลองด้วยการเดินสายแสดงทั่วโลก และจบลงด้ว ยการแสดงที่คลับแจ๊สอันมีชื่อเสียง Blue Note ในนครนิวยอร์คต่อเนื่องกันเป็นเวลาสองเดือน

CHICK COREA (เปียโน/ คีย์บอร์ด)
Chick Corea นั้นถือเป็น ไอคอนทางดนตรีคนหนึ่ง ในฐานะมือคียบอร์ด นักประพันธ์ และหัวหน้าวง Chick Corea ได้รับยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญทางดนตรีจากนิตยสาร DownBeat และ NEA Jazz Master นอกจากนี้ เขายังเป็นนักดนตรีที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลแกรมมี่มากที่สุดเป็นอันดับสี่ โดยได้รับการเสนอชื่อถึง 62 ครั้ง และได้รับรางวัลถึง 22 รางวัล นี่ยังไม่นับรวมรางวัลที่ได้จาก Latin Grammys ตั้งแต่เริ่มเล่นกับวงผู้แหกกฎทางดนตรีของ Miles Davis ช่วงปลายปี 60 ถึงต้นปี 70 และตลอดอาชีพการทำงานของเขามาจนถึงปัจจุบัน Chick Corea มีประสพการณ์ในการเล่นดนตรีมาแล้วทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นดนตรีแจ๊สแบบดั้งเดิม (straight-ahead) ไปจนถึงแนวล้ำยุค (Avant-garde) บีบ๊อบไปจนถึงแจ๊ส-ร๊อคฟิวชั่น เพลงกล่อมเด็กไปจนถึงดนตรีคลาสสิค
อย่างไรก็ตาม ศตวรรษที่ 21 ถือเป็นช่วงเวลาที่ Chick ได้สร้างสรรค์ผลงานมากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเปียโนอคูสติกหรือเปียโนไฟฟ้า การนำวงต่างๆมากมาย การแสดงเดี่ยว หรือการร่วมงานกับคนดังๆทั้งหลายในวงการดนตรี และเพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จทั้งหลายเหล่านี้ เขาได้รับการโหวตจากผู้อ่านนิตยสาร DownBeat ให้เป็น ศิลปินยอดเยี่ยมประจำปีถึงสามครั้งในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เขาเกิดในปี 1941 ที่เมืองแมสซาชูเซตส์ Chick ยังคงรักษาจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขายังคงสร้างตัวตนใหม่ๆอย่างต่อเนื่องผ่านเสียงดนตรี อย่างที่หนังสือพิมพ์ The New York Times ได้กล่าวไว้ว่าเขาเป็นศิลปินที่ “เจิดจ้า กระตือรือร้น และอ่อนวัยตลอดกาล”

John Patitucci (เบส)
John Patitucci เกิดที่บรู๊คลิน นิวยอร์ค ในปี 1959 และเริ่มเล่นเบสไฟฟ้าตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบ เขาเริ่มแสดงและแต่งเพลงตั้งแต่อายุ 12 เขาเริ่มเล่นเบสอคูสติกตอนอายุ 15 และเริ่มเล่นเปียโนตอนอายุ 16 ในเวลาไม่นาน เขาเปลี่ยนจาการเล่นดนตรีแนวโซลและร็อคไปเล่น บลูส์ แจ๊ส และดนตรีคลาสสิค ความนิยมในเสียงเครื่องดนตรีไฟฟ้าทำให้เขาทดลองดนตรีทุกประเภท ทั้งในฐานะนักดนตรีและนักแต่งเพลง ในฐานะนักดนตรี John ได้เคยแสดงมาทั่วโลก ไม่ว่าจะกับวงของเขาเอง หรือกับนักดนตรีที่มีชื่อเสียงอย่าง Chick Corea, Herbie Hancock, Wayne Shorter, Stan Getz, Pat Metheny, Wynton Marsalis, Joshua Redman, Michael Brecker, McCoy Tyner, Nancy Wilson และอื่นๆอีกมากมาย ในปี 2015 เขาปล่อยอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 14 Brooklyn ภายใต้บริษัท Three Faces Records ซึ่งเป็นบริษัทของเขาเอง ผลงานชิ้นนี้นำเสนอวงล่าสุดของเขา “The John Patitucci Electric Guitar Quartet " โดยมี Adam Rogers และ Steve Cardenas -กีตาร์ไฟฟ้า, Brian Blade-กลอง และจอห์นเล่นเบสอคูสติก และล่าสุดเมื่อต้นปี 2016 ก็มีหนังสารคดีที่ถ่ายทำโดย August Sky Films ออกฉาย โดยเป็นการรวบรวมฟุตเทจ การแสดงคอนเสิร์ต เบื้องหลังการซ้อมและการอัดเสียงอัลบั้ม Brooklyn

Eric Marienthal (แซกโซโฟน)
Eric เริ่มต้นอาชีพของเขาในปี 1980 กับนักทรัมเปตผู้มี่ชื่อเสียงจากนิวออร์ลีนส์ Al Hirt หลังย้ายกลับมาลอสแองเจลลิส Eric เข้าร่วมวง The Chick Corea Elektric Band เขาอัดเสียงกับวงไป 6 อัลบั้มและได้รับรางวัลแกรมมี่ 2 รางวัล Eric ยังได้ร่วมเล่นกับศิลปินมากมายอาทิ Elton John, Barbara Streisand, Billy Joel, Stevie Wonder, Dionne Warwick, Burt Bacharach, Aaron Neville, Johnny Mathis, และ B.B. King เขาออกอัลบั้มเดี่ยวมาแล้วถึง 14 อัลบั้ม โดยแปดเพลงจากอัลบั้มล่าสุดภายใต้ชื่อ Bridges ของเขา ติด 10 อันดับแรกของ National Contemporary Jazz Radio Charts สามเพลงในนั้นติดอันดับหนึ่ง Eric ได้รับการโหวตจากผู้อ่านนิตยสาร Jazziz ให้เป็นหนึ่ง นักแซกโซโฟนยอดนิยมแห่งปี ร่วมกับ David Sanborn และ Phil Woods ทุกๆหน้าร้อนตลอด 17 ปีที่ผ่านมา Eric จะจัดคอนเสิร์ตการกุศลประจำปีเพื่อหาทุนให้กับมูลนิธิ High Hopes มูลนิธิที่ไม่แสวงหากำไรซึ่งช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสทางสมอง ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนศิลปิน คอนเสิร์ตดังกล่าวหาทุนได้มากกว่า หนึ่งล้านห้าแสนเหรียญแล้ว

Dave Weckl (กลอง)
เป็นเวลากว่า 25 ปีแล้วที่ Dave Weckl ได้สร้างและรักษาชื่อเสียงในฐานะสุดยอดมือกลองที่ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งในหมู่แฟนเพลง เพื่อนฝูง และ กลุ่มคนผู้รักเสียงเพลงทั่วโลก เขาได้รับรางวัลและการยกย่องมากมาย นิตยสาร Modern Drummer ยกย่องให้เค้าเข้าอยู่ในหอเกียรติยศและขนานนามเขาว่าเป็น “หนึ่งใน 25 มือกลองยอดเยี่ยมตลอดกาล” เขาเกิดที่เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี่ ในวันที่ 8 มกราคม 1960 ในครอบครัวที่มีแม่ที่รักเสียงเพลงและพ่อที่เล่นเปียโนเป็นงานอดิเรก Dave เริ่มเล่นกลองตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ในปี 1985 Michael Brecker แนะนำ Chick Corea ให้ลองเรียก Dave เข้าร่วมวง The Chick Corea Elektric Band ที่เขาเพิ่งเริ่มตั้ง โดยนับเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ทั้งในวง Elektric และ Akoustic ซึ่งรวมไปถึงการได้รับรางวัลแกรมมี่จากอัลบั้มแรกของวง Akoustic กับวง Elektric Daveได้แสดงให้เห็นถึงการเล่นกลองที่ล้ำสมัย และการปฏิรูปการใช้กลองไฟฟ้าและกลองธรรมดา นำมาซึ่งชื่อเสียงไปทั่วโลก ในฐานะศิลปินเดี่ยว Dave ได้อัดเสียงและผลิตอัลบั้มมาแล้วถึง 9 อัลบั้ม อาทิเช่น อัลบั้ม Masterplan, Heads Up, และ Hardwired เขายังออกอัลบั้มกับวง The Dave Weckl Band 5 อัลบั้ม ล่าสุด วงเพิ่งออกอัลบั้มการแสดงสด LIVE และวิดีโอการสอน The Zone

Frank Gambale (กีต้าร์)
ชื่อเสียงของอัจฉริยะทางกีต้าร์ผู้เคยได้รับรางวัลแกรมมี่ Frank Gambale เริ่มต้น ที่ลอสแองเจลลิสช่วงต้นปี 80 การพุ่งขึ้นสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็วของเขาเป็นหลักฐานพิสูจน์ถึงการเล่นอันทรงพลังและเปี่ยมด้วยอารมณ์ เป็นรูปแบบการเล่นที่นิตยสาร Rolling Stone เรียกว่า “ดุดัน” Gambale แต่งเพลงมาแล้วถึง 250 เพลงและออกอัลบั้มมาแล้วมากกว่า 20 อัลบั้ม สไตล์การเล่นดนตรีของเขามีกลิ่นอายหลากหลายของทั้งดนตรีร็อค ฟังก์ แจ๊ส อาร์แอนด์บี ลาติน และบราซิลเลี่ยน ในฐานะศิลปินในตำนาน Gambale เป็นผู้ริเริ่มสไตล์การเล่นแบบ sweep picking ซึ่งเป็นวิธีแบบใหม่ และได้ยกระดับการเล่นแบบนี้ให้กลายเป็นรูปแบบการเล่นที่เป็นมาตรฐานในหมู่นักกีต้าร์ Pat Metheny กล่าวถึง Gambale ว่า “ผมอยากหยุดพักหนึ่งเดือนเพื่อจะไปเรียนกับ Frank Gambale” ในฐานะนักดนตรี นักแต่งเพลงผู้มีพรสวรรค์ สุดยอดผู้บุกเบิก และผู้แต่งหนังสือและดีวีดีเพื่อการสอนจำนวนมากมาย Frank ไม่หยุดยั้งที่จะไปถึงจุดสูงสุดในเรื่องเทคนิคและการสร้างเสียงที่แปลกใหม่และไม่เคยมีมาก่อน ความสามารถในการเล่นกีต้าร์และจินตนาการที่ไร้ขอบเขตของเขานำเราไปสู่อนาคตอันน่าตื่นเต้นของดนตรีในรูปแบบใหม่