เศรษฐา-ศิระฉายา-จากวันนั้น-ถึงวันนี้-เพราะมีคุณ

บันเทิง
เศรษฐา-ศิระฉายา-จากวันนั้น-ถึงวันนี้-เพราะมีคุณ

แม้ช่วง 20 ปีให้หลัง บทบาทในวงการบันเทิงของ “เศรษฐา ศิระฉายา” จะหนักไปทางด้านการเป็นดาราและพิธีกร แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับผู้ชายอบอุ่นคนนี้ก็คือ ความเป็น “นักร้อง” ซึ่งก็ทำให้เขาได้รับการประกาศยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง

       แม้ช่วง 20 ปีให้หลัง บทบาทในวงการบันเทิงของ “เศรษฐา ศิระฉายา” จะหนักไปทางด้านการเป็นดาราและพิธีกร แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับผู้ชายอบอุ่นคนนี้ก็คือ ความเป็น “นักร้อง” ซึ่งก็ทำให้เขาได้รับการประกาศยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประเภทดนตรีไทยสากล-ขับร้อง ประจำปี 2554
       
       เศรษฐา ศิระฉายา หรือที่คนรุ่นหลังเรียกขานเขาติดปากว่า “อาต้อย” เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 เริ่มเข้าวงการดนตรีตั้งแต่อายุ 16 ในตำแหน่งคนขนเครื่องดนตรีไปทัวร์ตามจังหวัดต่างๆ โดยการชักนำของน้าชาย สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ ที่หอบหิ้วไปตระเวนกันไปทั่วประเทศ
       
       ความเป็นคนสนใจดนตรี เศรษฐาจึงหัดเล่นดนตรีด้วยวิธีการครูพักลักจำ ก่อนจะจับไมค์ขึ้นเวทีครั้งแรกด้วยการขอขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีประกวดที่วัดบางไส้ไก่ จากนั้นเส้นทางดนตรีของอาต้อยก็เดินหน้าไปด้วยดี ก่อนจะมาถึงจุดพลิกผันสำคัญ เมื่อเขากับเพื่อนๆรวมทั้งหมด 5 คน ในนามวง “ดิ อิมพอสสิเบิ้ลส์”(The Impossibles) ที่เริ่มเป็นที่รู้จักจากการแสดงในบาร์แถวถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ได้เข้าร่วมประกวดวงสตริงคอมโบชิงถ้วยพระราชทานที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2512 โดยสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
       
       และด้วยฝีมือความสามารถอันโดดเด่นเป็นเอกอุผสมความแปลกใหม่ ทำให้วงดิอิมคว้าแชมป์ 3 สมัยติด(2512,13 และ 15 ส่วนปี 14 งดการประกวด)
       
       จากนั้นวงดิอิมได้เดินหน้าขับเคลื่อนนำพาดนตรีประเภทสตริงคอมโบให้โด่งดังเป็นพลุแตก กวาดมาทั้ง ชื่อเสียง เงิน กล่อง และความสำเร็จต่างๆอีกมากมายอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่เหล่าสมาชิกวงจะถึงจุดอิ่มตัว ประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตนในปี พ.ศ. 2519
       
       เศรษฐาในฐานะนักร้องนำหลังแยกย้ายจากดิอิม ได้ออกไปเป็นศิลปินเดี่ยว มีอัลบั้มเป็นของตัวเองอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะเบนเข็มไปจับงานด้านการแสดงและพิธีกรอย่างจริงจัง แต่กระนั้นเศรษฐาก็ยังไม่ทิ้งงานร้องเพลงที่เขารัก และยังคงร้องเพลงมาถึงทุกวันนี้ แม้ว่าอายุอานามจะปาเข้าไปเกือบ 70 ปีแล้ว
       
       สำหรับความสำเร็จในเส้นทางดนตรีของอาต้อยนั้น เจ้าตัวบอกว่าส่วนสำคัญมาจากปลายปากกาของเหล่าบรมครูเพลงที่ได้กลั่นอารมณ์ความรู้สึก ถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงต่างๆอันไพเราะ คงความอมตะมาจนทุกวันนี้
       
       นั่นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้เศรษฐาได้เดินหน้าเข้าห้องอัดอีกครั้ง เพื่อนำบทเพลงอมตะของบรมครูเพลงศิลปินแห่งชาติทั้ง 4 คือ พยงค์ มุกดา,สง่า อารัมภีร,สุรพล โทณะวณิก และ ชาลี อินทรวิจิตร มาขับร้องใหม่ในชื่ออัลบั้ม “จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ”

จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ เป็นการคัด 40 บทเพลงเด่น ของครูเพลงทั้ง 4 คนละ 10 เพลง มานำเสนอเป็นแพ็คเกจพิเศษที่รวมเพลงไว้ 4 ชุดด้วยกัน(4 ซีดี) โดยมี 4 ยอดโปรดิวเซอร์แห่งยุคมาร่วมดูแลการผลิตในแต่ละชุดแยกย่อยออกไป
       
       สำหรับชุดแรกเป็นผลงานรวมเพลงของครู“สง่า อารัมภีร” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(เพลงไทยสากล) ปี 2531 โปรดิวซ์โดย “ต๋อย : วิชัย ปุญญะยันต์” มี 10 บทเพลงอมตะได้แก่ 1.หนึ่งในร้อย 2.ยอดเยาวมาลย์ 3.สุดที่รัก 4.ลำนำรัก 5.เจ้าพระยา 6.วนาสวาท 7.แค่คืบ 8.ผมน้อยใจ 9.ทาสเทวี และ10.หนี้รัก 
       
       ผลงานชุดนี้โทนโดยรวมเป็นงานเพลงหวานละเมียด ฟังเพลิน มีการนำเครื่องเป่าและเครื่องสายมาช่วยเติมเสริมแต่งสร้างสีสัน บางเพลงมีกลิ่นอายของเพลงลูกกรุงผสม บางเพลงมีกลิ่นของดนตรีป็อบยุคดิอิมผสมพิงค์แพนเตอร์ ฟังแล้วชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆได้ดีทีเดียว
       
       โดยบทเพลงดังของดิอิมอย่าง “ยอดเยาวมาลย์”นั้นนำมาทำใหม่ในฟีลของจังหวะที่แตกต่างไป ฟังให้อารมณ์แนวไปจากต้นฉบับของดิอิมอยู่พอสมควร ส่วน “สุดที่รัก”ดนตรีมีสีสันกับจังหวะกระชับ มีเสียงแซกโซโฟนหวานๆมาช่วยสร้างสีสัน
       

       “แค่คืบ” ดนตรีหวานสอดรับกับเสียงนุ่มๆมีเสน่ห์ของอาต้อยที่ร้องถ่ายทอดมาได้เป็นอย่างดีไม่มีแกว่ง ขณะที่“หนี้รัก” มาหวานแบบแกรนด์ เพราะมีไลน์หนาแน่นของเค่รื่องสายเล่นแบ็คอัพ

       
       ชุดที่สองเป็นผลงานรวมเพลงของครู“พยงค์ มุกดา” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(ประพันธ์เพลงไทยสากล-ลูกทุ่ง) ปี 2534 โดยมี “อั๋น : ปธัย วิจิตรเวชการ” มาเป็นโปรดิวเซอร์ มี 10 บทเพลงอมตะคือ 1.เป็นไปไม่ได้ 2.แรมพิศวาส 3.คิดถึงเธออยู่ทุกลมหายใจ 4.คนจะรักกัน 5.ชั่วนิจนิรันดร์ 6. สกุณา 7.คอยน้อง 8.นกขมิ้น 9.คีรีบูนบิน และ 10.ฉันเป็นของเธอ 
       
       ชุดนี้เป็นป็อบแจ๊ซหวานๆ ภาคดนตรีอัดแน่นไปด้วยทีมเครื่องสายและเครื่องเป่า เพลง “เป็นไปไม่ได้”ขึ้นนำมาด้วยเสียเปียโนอันหวานพลิ้ว ก่อนส่งเข้าซุ่มเสียงคุ้นเคยในแบบดิอิมกับเสียงร้องของอาต้อยที่ยังดีไม่มีตกฟังไม่ต่างจากเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว
       
       “ชั่วนิจนิรันดร”หวานละมุน มีกลิ่นใหม่กับกีตาร์มาเล่นไลน์แจ๊ซ ส่วน“สกุณา” เป็นบอสซ่าฟังเพลิน พร้อมเปิดพื้นที่ให้แซกโซโฟนโซโลอย่างรื่นไหล “คอยน้อง” มาในทางบลูส์ มีเครื่องเป่าแน่นๆมาเป็นกำลังหลัก ฟังแล้วฉีกอารมณ์หวานเนิบ จากต้นฉบับของเพื่อนเก่า “วินัย พันธุรักษ์” ได้ดีทีเดียว
       
       ส่วน“ฉันเป็นของเธอ” มาแนวอะคูสติกแจ๊ซได้ “ชีพชนก ศรียามาตย์”มาเล่นกีตาร์ ได้ “โก้ แซ็กแมน : เศกพล อุ่นสำราญ” มาอิมโพรไวซ์โซโลแซกโซโฟนอย่างละเมียดหวานพลิ้ว

       และนั่นก็คือ 40 บทเพลงอมตะ จากบรมครูเพลงศิลปินแห่งชาติ ที่นำมาขับร้องใหม่โดยยอดนักร้องศิลปินแห่งชาติ ซึ่งท่วงทำนองแต่ละเพลงล้วนต่างไพเราะ อุดมไปด้วยภาษาสวยงาม ยากยิ่งที่จะหาได้ในบทเพลงสมัยนิยมของยุคนี้ ที่สำคัญคือการร้องถ่ายทอดบทเพลงเหล่านี้ออกมา ถ้านักร้องตีความอารมณ์เพลงไม่ถึง บทเพลงที่ออกมาจะด้อยคุณค่าลงไปมากโข แต่นั่นดูจะไม่ใช่ปัญหาของอาต้อย เพราะเขาคุ้นเคยกับบทเพลงเหล่านี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับบทเพลงของดิอิมที่เขาเคยร้องไว้เป็นมาสเตอร์พีช
       
       โดยในภาคเสียงร้องของอาต้อยนั้น ไม่น่าเชื่อว่าคนอายุเกือบ 70 ยังร้องเพลงได้เสียงดีไม่มีตก ไม่มีแกว่ง อีกทั้งยังเป็นไปตามธรรมชาติ ฟังรื่นหู มีการเลือกคีย์ที่เหมาะเจาะกับน้ำเสียง ไม่ต้องบีบเค้น ดันขึ้นสูง อีกทั้งยังร้องเพลงได้อย่างชัดเจน ถูกอักขระ เป็นธรรมชาติของตัวเอง ไม่ดัด(จริต)ร้องเพลงไทยให้เป็นสำเนียงฝรั่ง ไม่ใส่ลูกเอื้อนลากยาวยานเฟือยเกินไป เหมือนอย่างการร้องเพลงแบบพิมพ์นิยมของนักร้องส่วนใหญ่ในยุคนี้ โดยเฉพาะพวกนักร้องประกวดผลโหวตทั้งหลาย ที่ฟังแล้วเหมือนออกมาจากบล็อกเดียวกัน สำนักเดียวกัน
       
       ขณะที่ในส่วนภาคดนตรีนั้น ชุดนี้ทำดนตรีได้ค่อนเนี้ยบ ละเมียดละไม ใส่ใจในรายละเอียด มีการผสมผสานกันระหว่างอารมณ์เพลงแบบเก่ากับซาวนด์ร่วมสมัยที่ฟังแล้วไม่ทำให้ต้นฉบับของเก่าด้อยค่าลงไปและก็ไม่เชย
       
       เดิมอัลบั้มชุดนี้ อาต้อยตั้งใจที่จะทำเพื่อยกย่องบรมครูเพลงศิลปินแห่งชาติทั้ง 4 เป็นสำคัญ โดยเจ้าตัว ได้เข้าห้องอัด บันทึกเสียง มาตั้งแต่ก่อนที่จะได้รับเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ แต่เมื่อเขาได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ อัลบั้มชุด “จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ” จึงกลายเป็นผลงานเพลงที่ศิลปินแห่งชาติทำขึ้นเพื่อคารวะแด่ศิลปินแห่งชาติไปโดยปริยาย
       
       จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ เป็นผลงานเพลงที่อาต้อยเปิดเผยว่า นี่ถือเป็นอัลบั้มแรกในชีวิตที่เขาลงมือทำเองทุกขั้นตอน ทั้งทำดนตรีใหม่ ลงเสียงร้องใหม่ ติดต่อขอลิขสิทธิ์เพลง เลือกโปรดิวเซอร์ และดูแลการผลิตในทุกขั้นตอน เพราะนี่น่าจะเป็นอัลบั้มสุดท้าย ท้ายสุดในชีวิต ของการเป็นนักร้อง นักดนตรี โดยเขาบอกว่า
       
       “ชีวิตนี้คงมีแรงทำได้เพียงเท่านี้แล้วล่ะ ก่อนที่จะไม่มีแรงร้องอีก”