David Foster ป๋าดันแห่งวงการเพลงโลก ตำนานคีตกวีที่ยังไม่ตาย กับการแสดงสดอันยิ่งใหญ่ในเมืองไทย

บันเทิง

เต็มอิ่มกับทุกบทเพลงกันไปแล้ว สำหรับค่ำคืนแห่งความสุขและความไพเราะจับใจ ใน Singha Corporation and Music One Present Hit Man David Foster and Friends Live in Bangkok

เต็มอิ่มกับทุกบทเพลงกันไปแล้ว สำหรับค่ำคืนแห่งความสุขและความไพเราะจับใจ ใน Singha Corporation and Music One Present Hit Man David Foster and Friends Live in Bangkok งานนี้ป๋าดัน David Foster จัดคิวขนทัพนักร้องตัวเอ้ของวงการเพลงมาบรรเลงเสียงร้องให้คนไทยได้ปลื้มจิตสราญใจเต็มอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น สาวเสียงเสน่ห์แห่งเพลง Jazz - Natalie Cole, สาวน้อยมหัศจรรย์ผู้ได้รับพลังเสียงจากสวรรค์  - Charice, หนุ่มใหญ่ดาวค้างฟ้าแห่งวงการเพลงและอดีตสมาชิก Chicago - Peter Cetara, อเมริกัน ไอดอล ปี 2 เจ้าของเสียง R&B อันนุ่มลึกสุดใจ Ruben Studdard และ 4 นักร้องหนุ่มจากแคนาดา วงรับเชิญมากความสามารถ The Canadian Tenors

เลยเวลากำหนดการแสดงมาเล็กน้อย ผู้ชมเริ่มเต็มความจุอิมแพ็ค อารีน่า (งานนี้ได้ข่าวมาว่าบัตรขายเกลี้ยงก่อนคอนเสิร์ตเริ่ม 2 วัน ) ก็ได้เวลาเบิกโรงของบรมครูเพลง David Foster ด้วยการฉายภาพจากมอนิเตอร์กับผลงานเพลงสุดฮิตสุดเดช ที่ผ่านๆมา กับภาพ เสียง เนื้อร้องจากศิลปินชั้นนำระดับโลก ที่เคยผ่านหูชาวไทยมาแล้วนับต่อนับ หลังจากนั้นป๋าดันมือฉมัง ก็เดินออกมาแทรกแถวกลางคอนเสิร์ต ทำเอาแฟนเพลงตกอกตกใจกันยกใหญ่ (นานพอควรกว่าจะขึ้นเวทีได้ ฝ่าด่านทั้งมือ กล้อง การ์ด สารพัด)

ทันทีที่ขึ้นเวทีป๋า David ก็บรรจงกรีดนิ้วบนเปียโนบรรเลงเพลงแรกกับ St Elmos Love Theme เพลงรักสุดโรแมนติคยุค 80 ที่รุ่นใหญ่หลายคนจำกันได้ดี และต่อด้วย Winter Games เพลงบรรเลงอีก 1 บทประพันธ์ เพลงนี้ถูกใช้ประกอบการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาว ที่ เมืองแคลการี่ ประเทศแคนาดา ปี 1988 ซึ่ง David Foster ได้สร้างสรรค์ไว้ให้คนทั้งโลกจดจำทั้งดนตรีและประเทศบ้านเกิดของเขาอีกด้วย เรียกเสียงปรบมืออย่างกึกก้องทีเดียว ถือได้ว่าเป็นความภูมิใจของป๋าคนนี้จริงๆ ถึงแม้ 2 บทเพลงที่บรรจงเรียบเรียงขึ้นมา ผ่านเวลาอันยาวนานมากกว่า 20  ปี เพลงเหล่านี้ยังคงตราตรึงในใจแฟนเพลงทั่วโลกมิเสื่อมคลาย

จากนั้นก็เป็นการแนะนำตัวของป๋า David ด้วยการสวัสดีเป็นภาษาไทย เรียกเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือดังลั่น ก่อนจะเข้าสู่ช่วงของ my friends ของเขา สำหรับแขกรับเชิญวงแรก The Canadian Tenors วงสุดยอดน้ำเสียงที่ไพเราะเหมือนนั่งฟังอยู่ในโบสถ์คริสตร์ 4 หนุ่มกับดนตรี Pop-Classic ประกอบไปด้วย Remigio Pereira, Victor Micallef, Fraser Walters, Clifton Murray พวกเขาติดสอยห้อยตามเอเชียทัวร์ของ David Foster มาตลอดปีนี้และปีที่แล้ว ทำให้หลายคนทั่วโลกรู้จักบทเพลงกินใจหลายบทเพลงของพวกเขา โดยเฉพาะเพลงแรกที่เป็นซิงเกิ้ลชุดล่าสุด Because We Believe กับดนตรีและเสียงร้องที่ฟังแล้วประหนึ่งนั่งฟังอยู่บนชั้นฟ้า จากนั้นต่อด้วย Hallelujah และ The Prayer กับความสามารถทางการร้องเพลงของพวกเขา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม David Foster ถึงนำพวกเขามาทัวร์คอนเสิร์ตด้วย

ศิลปินคนต่อมา Natalie Cole เจ้าของรางวัลแกรมมี่ 9 สาขา หญิงผิวสีที่คลุกคลีอยู่ในวงการเพลงตั้งแต่ 5 ขวบ กับเพลง R&B / Soul / Jazz ที่ได้รับมาจากพ่อของเธอเต็มๆ (Nat King Cole) คอนเสิร์ตครั้งนี้เธอพกเอาเพลงระดับ World Class มาสร้างความประทับใจให้กับแฟนเพลงชาวไทย ไม่ว่าจะเป็น Fever, Miss You Like Crazy, Unforgettable สำหรับ Unforgettable หลายคนซึ้งไปกับจอมอนิเตอร์ ที่มีภาพคุณพ่อผู้ล่วงลับมาร้องเพลงคู่กับเธอ และปิดท้ายกับเพลงจังหวะสนุกๆ ที่โด่งดังมากในช่วงกลางทศวรรษที่ 70 This will Be ได้ยินเมื่อไหร่คึกคักเมื่อนั้น

ต่อมาก็ถึงเวลาของหนุ่มอเมริกัน ไอดอล ปี 2 จากอลาบาม่า Ruben Studdard หลายคนกำลังรอฟังเสียงนุ่มๆของพ่อหนุ่มคนนี้อยู่เยอะเลยก็ว่าได้ และเมื่อได้สัมผัสกับเสียงร้องของเขาในงานนี้ ก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวัง ทั้งบุคลิก คำพูด และน้ำเสียงอันนุ่มลึก เล่นเอาสาวๆกรี๊ดไม่หยุดเลยทีเดียว ทั้งเพลง Mornin’ หรือจะเป็น I Swear ที่พากันร้องได้เต็มปากเต็มเสียง, After The Love Has Gone เพลงคลาสสิคที่ป๋า David แต่งไว้ให้กับวง Earth, Wind & Fire เพลงนี้ไต่ขึ้นอันดับ 2 Billboard Hot 100 ในปี 1979 และเป็นเพลงที่อยู่ในใจแฟนเพลง R&B ทั่วโลก ต่อด้วยเพลงกระชากใจสาวๆทั้งหลายแหล่ Home ที่วันนี้เจ้าของเสียง Michael Bublé ไม่ได้บินมาร่วมคอนเสิร์ตด้วย แต่ก็ได้เสียงเพราะๆของ  Ruben มาละลายใจสาวแทน กินกันไม่ลงจริงๆ และปิดท้ายกับการ Featuring ของ Ruben Studdard และ Natalie Cole กับเพลงสุดคลาสสิค When I Fall in Love ที่ Nat King Cole เคยร้องไว้เมื่อกว่า 60 ปีก่อน

และก็มาถึงช่วง David Foster เดินมาเอนเตอร์เทนคนดูกันบ้าง วันนี้ป๋า David คงอยากได้ยินเสียงแฟนเพลงชาวไทยร้องเพลงของเขา ถ้าร้องดีจะมีรางวัลแจก(หรือเปล่า) เดินหาแฟนเพลงร้องเพลงซะเกือบครึ่งชั่วโมง จนเกือบจะสุดท้ายก่อนขึ้นเวทีป๋า David คงจะไม่รู้จัก(หรือเปล่า) ซุปเปอร์สตาร์ของเมืองไทย ทาทา ยัง ถึงกับส่งไมค์ให้ร้อง แล้วทาทาก็ไม่รอช้า ร้องเพลง Because You Love Me ของ Celine Dion ต่อหน้า David ทำเอาป๋าดันยกนิ้วให้เลย เสียงดีอย่างนี้จะได้ไปร้องกับป๋าหรือเปล่านะ

เข้าสู่ช่วงท้ายของคอนเสิร์ต กับนักร้องและนักดนตรีผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการเพลงมายาวนาน และถือได้ว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่ป๋า David เคารพ Peter Cetera กับบทเพลงทั้งหมดที่มาร้องในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ถือได้ว่า ลุง Perter ยังคงไฟแรงเช่นเดิม ไม่รู้ว่าไปเติมพลังด้วยอะไร ... งานนี้ Peter Cetara ประเดิมเพลงแรกด้วยซิงเกิ้ลฮิตเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว กับเพลง Hard To Say I'm Sorry ต่อด้วย You're the Inspiration, If You Leave Me Now และปิดท้ายแห่งความประทับใจกับซิงเกิ้ลที่ขึ้นสู่อันดับ 1 พีคที่สุดบน Billboard Hot 100  ในปี 1986 Glory of Love เป็นการส่งท้ายความสุขให้กับแฟนเพลงอย่างอบอุ่น

 

คิวต่อมาของคอนเสิร์ตครั้งนี้น่าจะเป็นไฮไลท์ในค่ำคืนนั้นของใครหลายๆคนกับ Charice สาวน้อยมหัศจรรย์จากแดนตากาล็อก ผู้หญิงตัวเล็กๆที่กระชากใจคนทั้งโลกด้วยเสียงร้องจากสวรรค์ เธอเรียกเสียงปรบมือเกรียวกราวตั้งแต่เดินขึ้นเวที ภาพของสาวน้อยที่ไม่มีใครคิดว่าจะร้องเพลงได้เยี่ยงนักร้องมืออาชีพระดับโลก ถูกบันทึกด้วยกล้องถ่ายภาพจำนวนมากอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่แปลกใจเลยที่คนทั้งฮอลล์กำลังรอเธอ  Charice ประเดิมเพลงแรกที่ต้องทำให้ลุกยืนปรบมือกับ The Power of Love เพลงระดับมืออาชีพของ Celine Dion เจ้าแม่แห่งวงการเพลง Pop อีกคนที่ป๋า David แต่งเพลงให้ ต่อกันด้วย To Love You More, Pyramid ซิงเกิ้ลแรกของเธอในฐานะนักร้องเต็มตัว และมาถึงเพลง Bodyguard บทเพลงที่ทุกคนต้องยกนิ้วให้เธอ ยิ่งเมื่อถึงท่อนฮุค “And I...Will always Love you...” (สำหรับคนเคยฟังคงไม่ต้องบรรยาย) ทำเอาขนลุกพรึ่บเลยทีเดียว ก่อนปิดท้ายด้วยเพลง All By Myself ของ Celine Dion เป็นอันจบช่วงของ Charice เพชรเม็ดงามแห่งวงการเพลงเอเชีย

ท้ายสุดกับช่วง Finale ที่บรรดานักร้องไม่ว่าจะเป็น - Natalie Cole, Charice, Peter Cetara, Ruben Studdard และ 4 หนุ่ม The Canadian Tenors ก็พร้อมหน้าออกมาปิดท้ายคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ด้วยเพลง The Earth Song ที่ป๋า David โปรดิวซ์ไว้กับ micheal Jackson ผู้ล่วงลับ ถือเป็นการจบคอนเสิร์ตอย่างสุดประทับใจ

เกือบ 3 ชั่วโมงและผู้ชมกว่าหมื่นคน ที่ได้มีโอกาสดื่มด่ำกับความสุขแห่งโลกดนตรีของ David Foster และเหล่าผองเพื่อนนักร้องของเขา แน่นอนว่าไม่มีเพลงไหนหรือตัวโน้ตใดๆ ที่ผู้ชมจะไม่ยอมรับ มีเพียงแต่เสียงปรบมือและเสียงเป่าปากแสดงความยินดีดังก้องไปทั่วอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เราหวังว่าไม่นานนี้ทัวร์ของ David Foster จะกลับมาพบแฟนเพลงชาวไทยให้ได้สุขใจกันอีกครั้ง แล้วพบกัน...กับสุดยอดคอนเสิร์ตแห่งความประทับใจและคุ้มค่าที่สุดแห่งปี Hit Man David Foster and Friends Live in Bangkok

แก้วตาขาเป๋