ศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง จังหวัดสุพรรณบุรี

ข่าวประชาสัมพันธ์

ศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง จังหวัดสุพรรณบุรี

 

สุพรรณบุรี…เมือง นี้ใครก็รู้ว่าถนนหนทางดีขนาดไหน? ริ้วรอยแตกร้าวของพื้นผิวการจราจรแทบไม่มีปรากฏให้เห็น แม้กระทั่งเส้นทางชนบทอันห่างไกล การเดินทางในพื้นที่จังหวัด สุพรรณบุรีจึงค่อนข้างสะดวกมาก แหล่งท่องเที่ยวสำคัญแทบทุกแห่งมีถนนลาดยางอย่างดีเข้าไปถึง รถวิ่งเพลินๆไม่นานก็ถึงจุดหมาย

จากกรุงเทพ เป็นระยะทางร้อยกิโลเมตรเศษๆ ก็จะเข้าถึงตัวจังหวัดสุพรรณบุรี ถึงแม้ตัวเมืองจะเจริญไปด้วยวัตถุ สิ่งปลูกสร้างอันทันสมัย แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นของกระดูกสันหลังของชาติ ตลอดสองข้างทางโดยส่วนมากจึงเป็นพื้นที่ท้องทุ่งนาที่มองเห็นเขียวขจีกว้าง ไกลสุดสายตา

จุดหมายในการเดินทางของเราในรอบนี้อยู่ที่"ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร (พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง)" ต.พลับพลาชัย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเราได้รับทราบข่าวมาว่าเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ศูนย์ฯ แห่งนี้ได้มีการจัดแสดงดอกทิวลิปขึ้น ทำให้สงสัยอยู่ครามครันว่าดอกทิวลิปซึ่งเป็นดอกไม้เมืองหนาวจะมาบานอยู่ใน พื้นที่เมืองร้อนได้อย่างไร? กาลก็ปรากฏว่าได้ผ่านสายตานักท่องเที่ยวไปแล้วนับแสนจากฝีมือการเพาะเลี้ยง ของศูนย์ฯ แห่งนี้

ข้อมูล ที่ได้รับในลำดับถัดมาก็คือ ที่นี่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับสวยงามขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่น่า สนใจ ซึ่งดอกไม้กับกล้องก็ดูจะเป็นอะไรที่เข้าคู่กันได้ดีอยู่แล้ว เราจึงมิรอช้ารีบเดินทางไปพิสูจน์ด้วยตาตนเอง

อย่าง ที่บอกไปแล้วว่าถนนหนทางของเมืองสุพรรณนั้นดีมาก ประกอบกับระยะทางใกล้นิดเดียวจากกรุงเทพฯเพียงแค่ชั่วโมงเศษๆ เราก็มาถึงหน้าศูนย์ฯ แห่งนี้ ดูจากสภาพที่เห็นก็รู้ได้ว่ายังมีอายุไม่มากนักแม้กระทั่งถนนที่ตัดผ่านด้าน หน้าเลียบคลองส่งน้ำชลประทานก็ยังไม่มีหมายเลขให้เห็น ยังดีที่ทางศูนย์ฯ ได้มีการทำป้ายประชาสัมพันธ์บอกเส้นทางมาเป็นระยะ การเดินทางจึงไม่ได้ยากเย็นแต่อย่างใด

 

ภาย ในศูนย์มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวางมาก แต่ส่วนจัดแสดงดอกไม้ใช้พื้นที่บางส่วนของทั้งหมดเท่านั้น (แต่ก็ยังนับว่ากว้างมากอยู่ดี) ซึ่งจากการบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ทำให้เรารู้ว่าพื้นที่ส่วนจัดแสดงดอกไม้จะ ถูกขยายออกไปอีก ซึ่งเราก็เห็นหลักฐานการขยายพื้นที่เตรียมตัวรองรับอนาคตจริงๆ ซึ่งบอกได้เลยว่าต้องน่าสนใจแน่ๆ

จาก ประตูทางเข้ามาไม่ไกล ก็จะเห็นป้ายบอกให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่พื้นที่จัดแสดง สิ่งที่ทำให้ต้องทึ่งก็คือ โรงเรือนขนาดใหญ่ที่ปลูกสร้างเรียงรายบนพื้นที่โล่งและยิ่งอึ้งเข้าไปอีก เมื่อรู้ว่าในโรงเรือนเหล่านั้นเต็มไป ด้วยไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์จนนับไม่ถ้วน เพียงแค่มองเข้าไปก็อดยิ้มกับสีสันหลากหลายที่เหมือนจะโบกมือทักทายออกมาจาก ในโรงเรือนเหล่านั้นแล้ว

 

ปัญหา ก็คือเราไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากจุดไหนดี (เพราะเยอะมาก) แต่ละจุดก็ล้วนแต่น่าสนใจทั้งนั้น ที่สุดแล้วเราจึงได้เริ่มจาก "เรือนพรรณไม้งาม" ทรงโค้งขนาดใหญ่ที่คงจะเปรียบเสมือนห้องรับแขกของที่นี่ภายในเรือนพรรณไม้ งามเต็มไปด้วยไม้ดอกนานาชนิดเรียงรายรับแสงรำไรที่ลอดลงมาจากวัสดุกรองแสง ด้านบนแลดูละลานตา บางชนิดก็เป็นสายพันธุ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ทั้งหมดล้วนแล้วแต่สวยงามทั้งสิ้น จากการพูดคุยได้ ความว่าดอกไม้ที่นำมาจัดแสดงนี้จะมีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ ตามความเหมาะสมของการเพาะขยายพันธุ์ นัยว่าครั้งต่อไปที่มาเยือนก็อาจจะไม่ได้พบดอกไม้เดิมแต่จะได้พบชนิดใหม่แทน พืชพรรณดอกไม้ที่เห็นก็จะมีทั้งพันธุ์พื้นบ้านที่มีชื่อเรียกแบบไทยไปจนถึง สายพันธุ์ต่างแดนที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาแพร่ขยายพันธุ์ ที่นี่มีทั้งแบบเน้นสีสันและ แบบเน้นรูปทรง และที่ถูกใจจริงๆ ก็คือการทำป้ายชื่อของแต่ละชนิดบอกเอาไว้ ทำให้ได้รู้ชื่อของต้นไม้และดอกไม้หลายๆชนิดที่คุ้นหน้าคุ้นตาแต่ไม่รู้จัก ชื่อสักที

ถัด มาคือ "โรงเรือนสิบไร่" ที่มีความกว้างขวางใหญ่โตสมชื่อจริงๆ ถ้าจะว่าไปแล้วใช้เวลาเดินทั้งวันก็อาจจะยังไปไม่ทั่ว ยิ่งเป็นคนถ่ายภาพด้วยแล้วคงจะไปได้ไม่ถึงไหนก็หมดวันเสียก่อนแล้วแน่ๆที่ นี่ไม่ได้ห้ามถ่ายภาพ ไม่มีปัญหาในการเก็บบันทึกภาพแต่อย่างใด เราสามารถเดินเข้าเดินออกอาคารโน้นอาคารนี้ได้ตามชอบใจและเท่าที่จะมีแรง เดิน นอกจากดูเพลินๆแล้วอยากจะซื้อหากลับบ้านก็ยิ่งสะดวกโยธินเพราะพืชพันธุ์ที่ นี่สามารถซื้อติดมือกลับบ้านได้ในราคาที่จัดว่าถูกจริงๆ มีตั้งแต่ต้นละบาทไปจนถึงเป็นพันเป็นหมื่น บางสายพันธุ์หาซื้อที่อื่นไม่ได้ก็มี

ที่ ต้องขอแนะนำก็คือที่ "ครัวพรรณไม้งาม" ศูนย์อาหารและเครื่องดื่มของทางศูนย์ฯ เดินเหนื่อยๆ ก็สามารถแวะพักรับประทานอาหารหรือสั่งเครื่องดื่มมาได้ในราคาไม่แพง และจากการสำรวจของเราจึงได้รู้ว่าร้านอาหารตามสั่งของที่นี่จานละแค่ 20-25บาท แต่รสชาติเด็ดขาดนักหนักไปทางเข้มข้นนิดๆ ตามสไตล์ชาวทุ่ง ใครไม่ถนัดทานเผ็ดก็แอบกระซิบบอกเขาเสียหน่อยว่าอย่าเผ็ดมาก ไม่อย่างนั้นมีไฟแลบแน่ๆ

อีก สิ่งหนึ่งที่ต้องขอชมเชยแบบออกหน้าออกตาก็คือ"ห้องน้ำ"ที่นี่มีการดูแลเรื่องความสะอาดเป็นอย่างดีมีรองเท้าให้เปลี่ยนก่อนเข้าห้อง น้ำซึ่งช่วยเรื่องความสะอาดได้มาก อัตราค่าบริการครั้งละ  3บาท คุ้มเกินคุ้มสำหรับห้องน้ำสะอาดๆ ที่เปิดให้บริการกันอย่างนี้ นอกจากดอกไม้นานาชนิดที่เปิดให้ชมและจำหน่ายในช่วงเวลาปกติแล้ว ในช่วงโอกาสสำคัญๆ ของปีก็ยังมีการจัดกิจกรรมเป็นพิเศษด้วย ก็คือ "ดอกทิวลิปบานที่สุพรรณบุรี" อันสร้างเสียงฮือฮา ไปทั่ว ในแต่ละปีก็จะมีการจัดเทศกาลใหญ่ๆ ถึง 4 ครั้งดังนี้
1.  ดอกทิวลิป สำหรับในช่วงปีใหม่ของ ทุกปี ปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่มีการจัดแสดง
2. ดอกกุหลาบ สำหรับในช่วงเทศกาล วาเลนไทน์ ทางศูนย์ฯ จะทำการประดับและตกแต่งสวนกุหลาบด้านข้างให้เป็นลานขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยกุหลาบเพราะในแต่ละปีจะมีผู้ให้ความสนใจจดทะเบียนสมรสที่สวนกุหลาบแห่งนี้เป็นจำนวนมาก สำหรับในปีนี้ ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ ก็เห็นจะมีคู่บ่าว-สาว ไม่ต่ำกว่า 100 คู่
3. ดอกกระเจียว ในช่วงวันแม่ ในปีนี้กำลังปรับพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อทำเป็นทุ่งดอกกระเจียวในช่วงเดือน สิงหาคมที่จะมาถึงนี้
4. ดอกทานตะวัน ในวันพ่อจะเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งศูนย์เมื่อเดือนธันวาคมมาถึง กิจกรรมทั้งหมดนี้เพิ่งจะมามีเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมานี้เอง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเราจะไม่เคยรู้มาก่อนว่า เมืองสุพรรณฯ ก็มีแบบนี้ด้วย ทั้งหมดนี้เข้าชมฟรี ไม่มีต้องเสียสตังค์แม้แต่แดงเดียว


ที่มา : tiewpakklang