รู้ทันมะเร็งปากมดลูก

ไลฟ์สไตล์
รู้ทันมะเร็งปากมดลูก

หลายประเทศกำลังตื่นตัวกันมากสำหรับการให้ข้อมูลความรู้เรื่อง มะเร็งปากดมดลูก ให้แก่ประชาชน เพื่อให้เกิดการป้องกันและรักษาตัวได้อย่างทันท่วงที

เรื่องโดย ชมนภัส วังอินทร์ team content www.thaihealth.or.th
ข้อมูลจาก : รอ.นพ.อดุลย์ชัย แสงเสริฐ  ทีมแพทย์จิตอาสา แพทย์เฉพาะทางบาทเดียว และหนังสือ ทำอย่างไรให้ห่างไกลมะเร็ง
 
แม้มะเร็งเต้านมจะเป็นเนื้อร้ายที่ผู้หญิงเป็นมากที่สุด แต่มะเร็งที่คร่าชีวิตสาวไทยมากเป็นอันดับ 1 คือ “มะเร็งปากมดลูก”หรือ เอชพีวี HPV (Human Papilloma Virus)  ที่เป็นไวรัสตัวร้าย ก่อมะเร็งปากมดลูก
 
ซึ่งต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูกนั้น มีตั้งแต่สารเคมีที่ทำให้เกิดการระคายเคืองเรื้อรัง หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บของเซลล์ แต่รู้ไหมว่าตัวการหลักของมะเร็งปากมดลูกนั้นก็คือ เชื้อไวรัส เอชพีวี HPV (Human Papilloma Virus) และช่องทางหลักของการติดเชื้อ HPV คือ การมีเพศสัมพันธ์แบบธรรมดาๆ นั่นเอง ซึ่งในเวลานี้หลายประเทศกำลังตื่นตัวกันมากสำหรับการให้ข้อมูลความรู้เรื่อง มะเร็งปากดมดลูก ให้แก่ประชาชน เพื่อให้เกิดการป้องกันและรักษาตัวได้อย่างทันท่วงที
 

มะเร็งปากมดลูก
 
มาทำความรู้จัก ไวรัส เอสพีวี กันดีกว่า
 
รอ.นพ.อดุลย์ชัย แสงเสริฐ  หรือ หมอเกมส์ ทีมแพทย์จิตอาสา แพทย์เฉพาะทางบาทเดียว ให้ข้อมูลว่า เอสพีวี บางชนิดเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคผิวหนังที่เราสังเกตเห็นได้ เช่น หูดบริเวณมือและเท้า แต่บางชนิดนำไปสู่การเกิดเซลล์มะเร็งในบริเวณอวัยวะเพศ หรือมะเร็งปากมดลูกได้อย่างไร อธิบายได้ดังนี้ เซลล์ในร่างกายจะมีการแบ่งตัวอยู่เสมอโดยธรรมชาติ แต่เมื่อร่างกายเกิดการติดเชื้อ เอสพีวี ที่ทำให้เกิดเซล์มะเร็งนั้นจะเข้าไปรบกวนกระบวนการแบ่งตัวของเซลล์ทำให้เกิดความผิดปกติ เมื่อเวลาผ่านไปโครงสร้างทางพันธุกรรมของเซลล์บางส่วนที่มีการแบ่งตัวผิดปกตินั้น จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรและไม่สามารถแก้ไขให้คืนเดิมได้ และจะเริ่มกลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด
 
“โดยเฉพาะคนที่ติดเชื้อส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัว เพราะแทบไม่มีอาการใดๆ ปรากฏให้เห็นเลย ยกเว้นในบางรายที่อาจเกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศ ทั้งภายในและภายนอกช่องคลอด บริเวณปากมดลูก และรอบๆ ทวารหนัก ส่วนในผู้ชายมักพบบริเวณส่วนปลายของอวัยวะเพศ หรือผิวหนังรอบๆ อวัยวะเพศ ถุงอัณฑะ หรือทวารหนักเช่นกัน หากเป็นหูดเราสามารถรักษาได้ แต่ถ้าป็น เอชพีวี ที่ไม่แสดงอาหารใดๆ ออกมา เราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าติดเชื้อนี้ เว้นแต่จะไปตรวจเป็นเฉพาะโรคเท่านั้น วิธีการสังเกตอาการผู้ที่เสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูก คือ 1. มีเลือดออกกระปริบกระปอย ในช่วงที่ไม่ได้เป็นประจำเดือน 2.ตกขาวมีสีเหลือง น้ำตาล เขียว มีกลิ่นเหม็น หากมีอาการเบื้องต้นเหล่านี้ควรไปตรวจเฉพาะทาง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นมะเร็งปากมดลูกเสมอไป อาจจะเป็นเพียงแค่หูด อย่างไรก็ตามอย่านิ่งนอนใจ เพราะอาการของมะเร็งนั้นจะไม่ได้แสดงให้เห็นตั้งแต่แรกเริ่ม หากตรวจพบไวก็รักษาได้ทันท่วงที ที่สำคัญผู้ที่อยู่ในช่วงอายุตั้งแต่ 9-26 ปี สามารถฉีดวัคซีน HPV เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้” รอ.นพ.อดุลย์ชัย กล่าวเน้นย้ำ
 
มะเร็งปากมดลูก
 
ปัจจัยโดยรวมที่เป็นองค์ประกอบในการก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ดังนี้
 
1.คนที่มีคู่นอนติดเชื้อมาก่อน
 
2.คนที่มีคู่นอนหลายคน
 
3.คนที่มีคู่นอน และคู่นอนมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นมากกว่า 1 คน
 
4.คนที่มีระบบภูมิต้านทานในร่างกายอ่อนแอ (เช่น ในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์หรือคนที่มีเชื้อ เอช ไอ วี)
 
5.สูบบุหรี่เป็นประจำ
 
6.กินอาหารที่เป็นโทษกับร่างกาย อาหารที่มีสารเคมีประกอบ
 
7.ใช้ยาฮอร์โมนเป็นประจำ เช่น การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดติดต่อกันนาน 5 ปี
 
8.มีลูกคนแรกตอนอายุน้อยมาก
 
9.มีลูกหลายคน
 
10.ติดเชื้อ เอช ไอ วี/เอดส์ ซึ่งมีผลให้ภูมิต้านทานของร่างกายอ่อนแอลง
 
11.พฤติกรรมทางเพศของฝ่ายชายที่มีคู่นอนหลายคนทำให้มีโอกาสจะนำเชื้อ เอช พี วี มาติดฝ่ายหญิงได้มากขึ้น
 
12.แม่ หรือพี่สาว น้องสาว เคยเป็นมะเร็งปากมดลูก
 
* หากมีเพศสัมพันธ์ วิธีป้องกันการติดเชื้อ เอชพีวี  คือ ต้องใส่ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ การใช้ถุงยางอนามัยจะช่วยให้ห่างไกลการติดเชื้อ เอชพีวีได้
 
มะเร็งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับอาหาร วิถีชีวิต การป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกนั้นไม่ได้มีขั้นตอนออะไรที่ยาก แต่เน้นไปที่การหลีกเลี่ยงและปฏิบัตตนให้อยู่บนพื้นฐานการมีสุขภาวะที่ดี ซึ่ง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้เน้นย้ำให้ประชาชน ออกกำลังกาย รับประทานผักผลไม้ 400 กรัมต่อวัน หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ห่างไกลจากสุราและสิ่งเสพติด เช่น บุหรี่ เพราะนอกจากจะช่วยในเรื่องการป้องกันมะเร็งปากมดลูกแล้ว ยังช่วยให้ห่างไกลจาก โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs หรือ non-communicable diseases ได้ดี เท่านี้ประชาชนก็จะมีสุขภาพที่ดีตามมา


ขอบคุณข้อมูลจาก สสส