9 วิธีรักษาผิวระคายเคือง ปวดแสบปวดร้อน

ไลฟ์สไตล์
9 วิธีรักษาผิวระคายเคือง ปวดแสบปวดร้อน

มาดู 9 วิธีดูแลผิวระคายเคือง ปวดแสบปวดร้อน ด้วยวัตถุดิบที่หาง่ายๆ ได้จากธรรมชาติ

ผิวระคายเคือง ปวดแสบแวดร้อน จากการถูกเสียดสีบ่อยๆ เกิดขึ้นได้กับทุกส่วนของร่างกาย แต่ที่พบเป็นบ่อยๆ คือบริเวณต้นขา หัวนม ขาหนีบ และใต้วงแขน มักเกิดกับผู้ที่ชอบออกกำลังกายและมีน้ำหนักตัวเยอะ
 
แต่วันนี้เรามี 9 วิธีในการรักษาเพื่อบรรเทาอาการแดง ระคายเคือง ปวดแสบปวดร้อน ด้วยวัตถุดิบง่ายๆ ที่หาได้จากธรรมชาติ ไปดูกันเลย..

 
น้ำแข็ง
 
1. ลูกประคบเย็น
 
การศึกษาจาก American Academy of Dermatology พบว่าปัญหาผิวหนัง เช่น อาการระคายเคือง และแสบคัน เพียงใช้ลูกประคบเย็นหรือผ้าที่ห่อน้ำแข็ง นำมาประคบไปเรื่อยๆ จนกว่าอาการจะดีขึ้น

ผิวระคายเคือง
 
2. แป้งฝุ่น หรือ แป้งข้าวโพด
 
Georgianna Donadio, Ph.D. กล่าวว่าแป้งข้าวโพดช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง โดยให้โรยแป้งข้าวโพดบางส่วนลงไปบนผิวโดยตรง หรือ ผสมเข้ากับน้ำมันปิโตเลียมเจลเพื่อเพิ่มความหล่อลื่น อีกวิธีคือ การใช้แป้งเด็กแทนได้ เพื่อป้องกันการสกปรก ให้นำไปโรยบนผ้าเช็ดหน้า แล้วเช็ดอย่างนุ่มนวลบนผิวที่ได้ระคายเคือง

ข้าวโอ๊ต
 
3. น้ำ กับ ข้าวโอ๊ต
 
การศึกษาเมื่อปี 2555 พบว่า ผลิตภํณฑ์ดูแลร่างกายที่มีธัญพืชเป็นส่วนผสม มักไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองและไม่เกิดอาการแพ้ วิธีที่ง่ายในการดูแลผิวระคายเคือง คือผสมข้าวโอ๊ตบด 2 ถ้วยลงไปอ่างน้ำอุ่น และแช่ผิวที่เกิดการระคายเคืองไว้ประมาณ 20 นาที ทำวันละครั้งจะช่วยลดปัญหาผิวหนังได้

น้ำมันดาวเรือง
 
4. น้ำมันดาวเรือง, ดอกคาโมไมล์แห้ง, ชาเขียว และน้ำ 
 
การศึกษาที่เกิดขึ้นเมื่อปีพ. ศ. 2552 พบว่าน้ำมันดาวเรืองมีคุณสมบัติต่อต้านการอักเสบต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราได้ดี วิธีทำ คือ หยอดน้ำมันดอกดาวเรืองลงไปบนผิวที่ระคายเคือง หรืออีกวิธีคือ การนำดอกคาโมไมล์แห้ง ชาเชียว ต้มในน้ำ จากนั้นผสมลงไปในอ่างน้ำอุ่น แช่ผิวไว้ประมาณ 20 นาทีเช่นกัน
 
5. ว่านหางจระเข้
 
การศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าสาร "ไกลโคโปรตีน" ใน "ว่านหางจระเข้" มีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดและการอักเสบ แถมยังช่วยสมานแผลผิวหนัง นอกจากนี้ยังช่วยให้เซลล์ผิวใหม่เติบโตขึ้น เนื่องจากมีความเป็นพิษต่ำ ซึ่งสามารถเจลว่านหางคระเจ้สดๆ จากต้น หรือ ซื้อเจลว่านหางจระเข้บริสุทธิ์ ก็ได้

เบกกิ้ง โซดา
 
6. เบกกิ้งโซดา กับ น้ำ
 
ตามที่ ดร. Mercola กล่าวไว้คือ โซดาอบมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านเชื้อแบคทีเรียที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถช่วยคนที่มีปัญหาด้านสุขภาพต่างๆ ได้ สำหรับปัญหาผิวพรรณรวมถึงผิวที่ชุ่มชื้น เพียงนำเบกกิ้งโซดาผสมลงไปในน้ำ แล้วนำส่วนผสมทาบนผิวที่มีผื่นแดงและระคายเคือง หรือิดวิะคือ การผสมเบกกิ้งโซดา และ น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ลงไปในอ่างอาบน้ำ แช่ตัวเพลินๆ 

Tea tree oil
 
7. ขมิ้น
 
การศึกษาด้านโมเลกุลพบว่า ขมิ้น มีสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต่อสู้กับโรคมะเร็งและโรคหลอดเลือด สำหรับผิวช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น เพียงผสมขมิ้นผงลงไปในน้ำ นำมาทาบนผิวระคายเคืองหนาๆ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออก

Tea tree oil
 
8. Tea tree oil
 
Tea Tree Oil คือ น้ำมันที่ได้มาจากการสกัดจากส่วนใบต้นไม้พื้นเมืองของออสเตรเลีย มีคุณสมบัติในการรักษาผิวและสิว นอกจากนั้นยังฆ่าเชื้อโรค ต้านเชื้อแบคทีเรีย และต้านการอักเสบ โดยการรักษาผิวระคายเคือง ทำได้โดย หยดน้ำมัน Tea tree oil ลงไปบนสำลีก้อน แล้วนำมาทาบริเวณผิวที่ระคายเคือง วันละ 2 ครั้ง จนกว่าจะหาย

น้ำมันมะกอก
 
9. น้ำมันมะกอก
 
น้ำมันมะกอกนิยมใช้เป็นส่วนผสมในหลาย ๆ มอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อรักษาผิวแห้ง ต้านการอักเสบ และให้ความชุ่นชื้น ดังนั้น จึงสามารถนำมาทาลงบนผิวที่ระคายเคือง และยังช่วยซ่อมแซมผิวที่เสียหายได้ด้วย
 
 

หวังว่าเคล็บลับการดูแลผิวระคายเคือง ปวดแสบปวดร้อนข้างต้น จะทำให้อาการทุเลาลง และผิวกลับมาเป็นปกติในเร็ววันนะคะ ^^