น้ำมา พาโรค

ไลฟ์สไตล์
น้ำมา พาโรค

ช่วงนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและตกหนักในบางแห่ง ส่งผลให้บางพื้นที่เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และสิ่งที่มักตามมาคือโรคและภัยสุขภาพที่มากับน้ำท่วม

เรื่องโดย ชมนภัส วังอินทร์ team content www.thaihealth.or.th 
ข้อมูลบางส่วนจาก: มูลนิธิหมอชาวบ้าน
 
อุทกภัย คือ ภัยและอันตรายที่เกิดจากสภาวะน้ำท่วมหรือน้ำท่วมฉับพลัน มีสาเหตุมาจากการเกิดฝนตกหนักหรือฝนต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายพื้นที่เกิดเหตุภัยพิบัติจากน้ำท่วม ประชาชนได้รับผลกระทบจากด้านปัจจัยหลายด้าน และที่สำคัญส่งผลไปถึงสุขภาพ
 
ซึ่งในช่วงนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและตกหนักในบางแห่ง ส่งผลให้บางพื้นที่เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และสิ่งที่มักตามมาคือโรคและภัยสุขภาพที่มากับน้ำท่วม ดังนั้นประชาชนจึงจำเป็นต้องมีการเพิ่มความรู้ความเข้าใจในเรื่องความเสี่ยงด้านสุขภาพและโรคที่มากับน้ำท่วม
 
1.โรคติดต่อทางเดินหายใจ  ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ
 
อาการ
 
-มีอาการไข้ ตัวร้อน เจ็บคอ มีน้ำมูก ไอ
 
-สำหรับไข้หวัดใหญ่ มักมีอาการปวดเมื่อยมากและเบื่ออาหารร่วมด้วย
 
-สำหรับปอดอักเสบ มักมีอาการไอมีเสมหะเหลืองหรือเขียว เจ็บหน้าอก หายใจหอบร่วมด้วย
 
วิธีป้องกัน
 
-ดูแลร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำหรือแช่น้ำเป็นเวลานาน ไม่สวมเสื้อผ้าที่เปียกชื้น เช็ดตัวให้แห้งอยู่เสมอ และสวมเสื้อผ้าให้หนาพอหากอากาศเย็น
 
-หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัด ปิดปากและจมูกด้วยผ้าหรือกระดาษทิชชูหากจำเป็นต้องเข้าใกล้หรือเดินผ่านผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัด ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วย
 
-ในช่วงที่มีไข้หวัดเกิดขึ้น ทั้งผู้ป่วยและคนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ชโลมมือ
 
-สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น อายุมากกว่า 64 ปี ผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคหัวใจ หืด ถุงลมปอดโป่งพอง โรคตับเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง เอดส์ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือมีภาวะอ้วน ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ป้องกัน
 
โรคหน้าฝน
 
2.โรคติดต่อทางเดินอาหาร ท้องเดิน อาหารเป็นพิษ บิด อหิวาต์ ไข้ไทฟอยด์
 
อาการ
 
-ถ่ายอุจจาระเหลว หรือถ่ายเป็นน้ำ หรือถ่ายมีมูกเลือด ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และอาจมีไข้ร่วมด้วย
 
-สำหรับไข้ไทฟอยด์ มักมีไข้สูงตลอดเวลา นานเป็นสัปดาห์ๆ ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร นอนซม
 
วิธีป้องกัน
 
-กินอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด ไม่บูดเสีย ไม่กินอาหารที่มีแมลงวันตอมหรือทิ้งค้างคืน หรือมีกลิ่นบูด
 
-ดื่มน้ำสะอาด เช่น น้ำขวด น้ำต้มสุก
 
-ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำกับสบู่ก่อนปรุงและเตรียมอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร และหลังการขับถ่าย (ทั้งผู้ป่วยและคนทั่วไป)
 
-ห้ามถ่ายอุจจาระลงน้ำโดยตรง ควรถ่ายลงส้วมที่ดัดแปลงเฉพาะ หรือให้ถ่ายลงในถุงพลาสติก แล้วใส่ปูนขาวจำนวนพอสมควร ปิดปากถุงให้แน่น แล้วนำไปใส่ในถุงดำ (ถุงขยะ)
 
3.โรคติดต่อจากยุง : ไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย
 
อาการ
 
-มีไข้สูง ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร นอนซม มักไม่มีน้ำมูกหรือไอ
 
-สำหรับไข้เลือดออก (เกิดจากยุงลายกัด พบในชุมชนทั่วไป) มักมีไข้สูงตลอดเวลา หน้าแดงตาแดง ปวดท้อง อาเจียน มีผื่นขึ้น หรือมีจุดแดงจ้ำเขียวตามผิวหนัง
 
-สำหรับไข้มาลาเรีย (เกิดจากยุงก้นปล่องกัด พบในเขตป่าเขา) มักมีอาการจับไข้หนาวสั่นเป็นเวลา ทุกวันหรือวันเว้นวัน
 
วิธีป้องกัน
 
-ระวังอย่าให้ยุงกัดทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน โดยนอนในมุ้ง ใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว ห่มผ้าหนาๆ ใช้กับดักยุง ทายากันยุง หรือใช้ตะไคร้หอมหรือใบกะเพราตำ คั้นน้ำนำมาทาตัว
 
-กำจัดลูกน้ำและแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในบริเวณบ้าน โดยปิดฝาภาชนะเก็บน้ำ คว่ำหรือทำลายภาชนะไม่ให้มีน้ำขัง ใช้ผงซักฟอกโรยในภาชนะ/วัสดุที่มีน้ำขัง เช่น กระถาง จานรองตู้กับข้าว ในสัดส่วน 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.) ต่อน้ำ 2 ลิตร หรือปล่อยปลาหางนกยูงหรือปลากัดลงในบ่อน้ำและภาชนะที่ใส่น้ำที่ไม่ได้ใช้ดื่มกิน
 
-กำจัดยุงโดยใช้ผงซักฟอก สบู่เหลว แชมพู หรือน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.) ผสมน้ำ 1 ลิตร ค่อยๆ คนอย่าให้เป็นฟอง แล้วใส่กระบอกฉีดน้ำ นำไปฉีดยุงที่เกาะตามบริเวณบ้าน
 
โรคหน้าฝน
 
4.กลุ่มโรคติดต่อ ไข้ฉี่หนู โรคตาแดงระบาด
 
ไข้ฉี่หนู (เล็ปโตสไปโรซิส)
 
อาการ
 
-มีไข้สูง ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อน่อง ตาแดง ตาเหลือง
 
วิธีป้องกัน
 
-หลีกเลี่ยงการแช่น้ำ ลุยน้ำย่ำโคลนโดยไม่จำเป็น
 
-หากจำเป็นต้องย่ำน้ำ ควรสวมรองเท้าบู๊ตยางกันน้ำ โดยเฉพาะผู้ที่มีบาดแผลต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
 
-หากจำเป็นต้องแช่น้ำ อย่าแช่นาน เมื่อขึ้นจากน้ำ ควรรีบชำระร่างกายให้สะอาดและซับให้แห้งทันที
 
-เก็บอาหารในภาชนะที่ปิดมิดชิด และเก็บกวาดขยะใส่ถุงพลาสติกหรือถังขยะที่ปิดมิดชิด ไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของหนู
 
-ดูแลที่พักให้สะอาด ไม่ให้เป็นที่พักของหนู
 
โรคตาแดงระบาด (เยื่อตาขาวอักเสบเกิดจากเชื้อไวรัส)
 
อาการ
 
-ระคายเคืองตา ปวดตา น้ำตาไหล กลัวแสง มีขี้ตา หนังตาบวม ตาแดง อาจเริ่มที่ตาข้างหนึ่งก่อน แล้วจึงลามไปตาอีกข้างหนึ่ง บางคนอาจมีไข้ร่วมด้วย มักพบว่ามีการระบาด
 
วิธีป้องกัน
 
-หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำกับสบู่
 
-ไม่ควรขยี้ตา อย่าให้แมลงตอมตา
 
-ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับคนอื่น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคตาแดง
 
5.โรคเชื้อรา เกิดจากการติดเชื้อรา
 
โรคน้ำกัดเท้า เกิดจากการแช่เท้าในน้ำนานๆ คือครั้งละเกิน 1 ชม. และบ่อยๆ ผิวหนังที่ง่ามนิ้วเท้าเปื่อยยุ่ย มีการติดเชื้อตามมา
 
อาการ
 
ผื่นคัน : มีผื่นหรือตุ่มคันที่บริเวณที่สัมผัสน้ำ หรือถูกยุงกัด มักขึ้นพร้อมกันหลายจุด
 
โรคเชื้อรา : มีอาการเป็นผื่นเปื่อยยุ่ย สีขาวที่ง่ามนิ้วเท้า ฝ่าเท้า อาจมีอาการคันร่วมด้วย
 
โรคน้ำกัดเท้า : ผิวหนังเปื่อยยุ่ย ลอกเป็นขุยหรือเป็นแผ่น คันตามซอกนิ้วเท้า ต่อมามีผื่นพุพอง ผิวหนังอักเสบบวมแดง เป็นหนอง (ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน)
 
วิธีป้องกัน
 
-หลีกเลี่ยงการลุยน้ำย่ำโคลนโดยไม่จำเป็น กำจัดยุง ระวังอย่าให้ยุงกัด
 
-ถ้าจำเป็นควรสวมรองเท้าบู๊ตยางกันน้ำ
 
-หากต้องย่ำน้ำโดยไม่สวมรองเท้าบู๊ต ก่อนลงน้ำควรใช้ขี้ผึ้งวาสลิน ขี้ผึ้งรักษากลากเกลื้อน หรือจาระบีทาเท้าและง่ามนิ้วเท้าให้ทั่วทั้งสองข้าง เมื่อขึ้นจากน้ำ ควรล้างเท้าให้สะอาดด้วยน้ำกับสบู่และซับให้แห้งทันที
 
ส่วนโรคเชื้อรา โรคน้ำกัดเท้า
 
-ทาด้วยขี้ผึ้งรักษากลากเกลื้อน หรือครีมฆ่าเชื้อรา วันละ 2-3 ครั้ง นาน 2-4  สัปดาห์
 
-ควรพบหรือปรึกษาแพทย์ ถ้ามีอาการปวด บวม แดงร้อน เป็นหนอง ไข่ดันบวม หรือมีไข้ หรือไม่ทุเลาใน 1 สัปดาห์ ถ้าพบว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน แพทย์อาจต้องให้ยาฆ่าเชื้อ (ยาปฏิชีวนะ) เช่น อะม็อกซีซิลลิน หรือ ไดคล็อกซาซิลลิน
 
โรคหน้าฝน
 
6.โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ
 
-เกิดจากการติดเชื้อ เนื่องจากการอั้นปัสสาวะเพราะความไม่สะดวก การพะวงกับงาน การสู้ภัยหรือเดินทางไกล หรือความกลัวจากสัตว์ร้ายที่หนีเข้าในห้องน้ำ พบในผู้หญิงได้บ่อยกว่าผู้ชาย
 
อาการ
 
-ถ่ายปัสสาวะแสบขัด กะปริดกะปรอย ปวดท้องน้อย อาจมีไข้ร่วมด้วย
 
วิธีป้องกัน
 
-ไม่อั้นปัสสาวะ ถ้ากลางคืนไม่สะดวกเข้าห้องน้ำ ควรถ่ายลงกระโถน
 
-รักษาบริเวณก้นให้สะอาด เช็ดชำระก้นให้สะอาดหลังถ่ายอุจจาระ
 
-ดื่มน้ำมากๆ ถ่ายปัสสาวะบ่อย อย่าอั้นปัสสาวะ
 
การรู้จักวิธีการป้องกันตนเอง หรือการสร้างสุขภาพวะที่ดี เป็นพื้นฐานของการมีสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งเป็นเรื่อง สสส.ได้ผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมีองค์ความรู้ด้านสุขภาพ สามารถดูแลตนเองได้ ที่สำคัญเรื่องที่ยังเน้นย้ำอยู่เสมอ คือ ให้ประชาชนกินอาหารที่มีประโยชน์ถูกหลักอนามัย มีการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพราะสุดท้ายแล้วการดำเนินชีวิตของทุกคน ไม่ว่าจะมีเป้าหมายชีวิตเกี่ยวกับการทำงาน เป้าหมายทางการเงิน จะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย หากสุดท้ายเรามีสุขภาพที่แย่ลงในทุกๆ วัน
 
ขอบคุณข้อมูลจาก สสส