แม้ ทีมเรือใบสีฟ้า จะได้ประตูขึ้นนำไปอย่างรวดเร็วจาก กาเบรียล เฆซุส ในนาที่ที่ 2 แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้จนจบครึ่งแรก

 

และเมื่อเริ่มขึ้นหลังมา กลับเป็น ลิเวอร์พูล ที่บุกใส่เจ้าถิ่นจากการสวนกลับได้มากขึ้น จนมาได้ประตูอะเวย์โกลที่ต้องการจาก โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ ตามมาด้วยประตูดับความหวังเจ้าถิ่นของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่

 

จบเกม เป็น ลิเวอร์พูล ที่บุกมาชนะซิตี้ได้ 1-2 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปด้วยสกอร์รวม 5-1 ส่วนผลอีกคู่ที่ลงเตะในคืนเดียวกันปรากฎว่า โรม่า สามารถพลิกสถานการณ์ด้วยการเอาชนะ บาร์เซโลน่า ไปได้ด้วยกฎประตูทีมเยือน หลังจากที่จบเกมด้วยสกอร์เสมอกัน 4-4

 

5 ประเด็นเก็บตก หลังเกม ลิเวอร์พูล บุกคว่ำ แมนฯซิตี้  

 

1. ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมเดียวในตอนนี้ที่สามารถเอาชนะทีมซึ่งมี เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นผู้จัดการทีมได้ถึง 3 ครั้งในฤดูกาลเดียวกัน โดย ลิเวอร์พูล ชนะ แมนฯซิตี้ ในเกมลีก 4-3 ชนะในแชมเปี้ยนลีกทั้งสองเกม 3-0 และ 1-2

 

2. นอกจากนั้น ชัยชนะในนัดนี้ของ ลิเวอร์พูล ที่มีต่อ แมนฯซิตี้ ทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำทีมแพ้ 3 นัดติดต่อกันในทุกรายการที่แข่งขันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2015 เมื่อครั้งที่เขาเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีม บาเยิร์น มิวนิค

 

3. นี่คือการพาทีมข้ามาเล่นในถ้วยใบใหญ่ที่สุดของยุโรปเป็นครั้งแรกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในฐาะผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล และเขาก็พา ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ทันที 

 

4. โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ซึ่งทำประตูในแชมเปี้ยนลีกปีนี้ไปแล้วคนละ 8 ลูก กลายเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล ที่ยิงประตูในแชมเปี้ยนลีกในซีซั่นเดียวได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร 

 

5. ลิเวอร์พูล ทำประตูรวมในแชมเปี้ยนลีกซีซั่นนี้ไปแล้วถึง 33 ลูก ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมจากอังกฤษที่ทำประตูในถ้วยนี้รวมกันได้มากที่สุดในฤดูกาลเดียว