แก่งคุดคู้ สถานที่ดื่มด่ำกับธรรมชาติ @จ.เลย

กินเที่ยว
แก่งคุดคู้ สถานที่ดื่มด่ำกับธรรมชาติ @จ.เลย

การมาพักผ่อนที่แค่งคุดคู้ แนะนำให้มาในช่วงเวลาประมาณ 16.00-18.00 น. เพราะแดดไม่ร้อนมากนัก และเหมาะกับการเดินเล่นชมความงามของแม่น้ำโขง หรือจะนั่งรับประทานอาหารริมแม่น้ำโขงก็มีร้านให้เลือกมากมายเช่นกัน

 

   

ราวต้นเดือนกุมภาฯ ความเย็นจากลมฤดูหนาวที่ยังไม่สิ้นสุด ณ “แก่งคุดคู้” อ.เชียงคาน จ.เลย ดูจะพลุกพล่านไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะตรงกับวันหยุด จึงทำให้ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และร้านขายของฝากต่างๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบบริเวณจุดชมวิวในวันนี้ ดูคึกคักเป็นพิเศษ….

 

แก่งคุดคู้ เปรียบได้กับสถานที่ตากอากาศของคนเชียงคาน รวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่พิสมัยในความงามตามธรรมชาติ ทำให้สัมผัสแรกที่มาเยือนจึงไม่แปลกใจนักว่าทำไมสถานที่แห่งนี้ ถึงมีแรงดึงดูดให้ใครต่อใคร ใคร่อยากมาสัมผัสกันบ้างสักครั้ง ทั้งนี้ก็เพราะวิวของชายหาดที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ทอดตัวยาวขนานไปกับสายน้ำโขงที่ไหลแทรกผ่านเกาะแก่งน้อยใหญ่ต่างๆ โดยมีภูเขาลูกยักษ์ที่ชื่อ “ภูควายเงิน” ตั้งตระหง่านเป็นฉากหลังอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างลงตัวนั่นเอง และที่สำคัญความงดงามนั้นจะทวีคูณขึ้นไปอีกหลายเท่า หากใครขยันตื่นเช้ามาเฝ้าชมพระอาทิตย์ขึ้นเหนือสันเขาแห่งนี้

ในครั้งแรกที่ได้ยินชื่อของ “แก่งคุดคู้” ก็ให้รู้สึกว่าช่างสะดุดหูซะจริงๆ และคงไม่ใช่เพราะใครมานอนคุดคู้อยู่ในแก่งแม่น้ำโขงเป็นแน่ ดังนั้น เมื่อความสงสัยใคร่รู้เริ่มก่อตัว เราจึงได้ดั้นด้นค้นหาจนรู้ถึงแหล่งที่มาว่า อ.เชียงคานแห่งนี้ มีนิทานพื้นบ้านที่เล่าสืบทอดกันมาถึงแก่งคุดคู้อยู่เรื่องหนึ่งว่า

 

มีพรานป่าคนหนึ่งชื่อ ตาจึ่งขึ่งดังแดง ผู้ซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ ชนิดที่เด็กๆ สามารถเข้าไปวิ่งเล่นในฮูดัง (จมูก) ได้ วันหนึ่งแกตามล่าควายเงินมาจากฝั่งลาว และเฝ้ามองจนกระทั่งควายเงินมานอนแช่น้ำอยู่ที่แก่งคุดคู้ในปัจจุบัน ระหว่างที่ยกหน้าไม้หมายจะยิง บังเอิญมีพ่อค้าถ่อเรือผ่านมาพอดี ทำให้ควายเงินตื่นตกใจวิ่งหนีขึ้นไปบนภูเขา ภูเขาลูกนั้นจึงได้ชื่อว่า “ภูควายเงิน” ทำให้พรานป่าแค้นเคืองคนที่นั่งเรือไปมาตามแม่น้ำโขงเป็นอย่างมาก จึงได้แบกเอาก้อนหินมาถมกั้นแม่น้ำไว้ จนสร้างความเดือนร้อนให้ชาวบ้านในละแวกนั้นไปทั่ว เมื่อพระอินทร์ที่อยู่บนสวรรค์เห็นดังนั้น ก็ทรงแปลงกายลงมาเป็นเณรน้อย และได้ออกอุบายให้ใช้ไม้ไผ่หรือไม้เฮี้ยะมาทำเป็นคานแบกก้อนหินแทน และด้วยน้ำหนักของหินที่มากเกินไป เลยทำให้ไม้คานหักบาดคอตาจึ่งขึ่งดังแดงตายอยู่ในท่าคุดคู้ แก่งแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “แก่งคุดคู้” ตามนิทานพื้นบ้านเรื่องนี้นี่เอง

สำหรับการมาเที่ยวแก่งคุดคู้แห่งนี้ แนะนำว่าถ้าเป็นไปได้ ควรมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม เพราะระดับน้ำโขงจะลดตัวลง จนเห็นเกาะแก่งและหาดทรายสีขาวขนาดใหญ่ ที่แซมด้วยหินก้อนกลมเงานับร้อยนับพันก้อนนอนเรียงรายอยู่เต็มชายหาด ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเยือน สามารถเดินลงบันไดจากจุดชมวิว ไปเหยียบเล่นและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันได้ หรือใครที่อยากล่องเรือชมแม่น้ำโขง ก็สามารถใช้บริการเรือยนต์ที่อยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งจะใช้เวลาในการล่องเรือไป-กลับประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนสนนราคาก็ตามแต่จะต่อรองกันจนพอใจ

นอกจากนี้ บริเวณรอบๆ จุดชมวิว ยังมีพ่อค้าแม่ขายมาจับจองพื้นที่เปิดซุ้มจำหน่ายอาหาร ซึ่งมีทั้งปลา กุ้ง หอย ที่ต่างก็มีชื่อแม่น้ำโขงห้อยท้าย ไปจนถึงส้มตำ ไก่ย่าง ลาบ น้ำตก ฯลฯ ซึ่งดูแล้วนักท่องเที่ยวที่มาแก่งคุดคู้ส่วนใหญ่ ก็นิยมมานั่งรับประทานอาหารกันที่หาดแห่งนี้ เพราะบรรยากาศในการรับประทานอาหารริมแม่น้ำโขงแบบใกล้ชิด ชนิดที่เรียกได้ว่าติดริมฝั่งแบบนี้คงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว และก่อนกลับอย่าลืมแวะซื้อของฝากขึ้นชื่ออย่าง “มะพร้าวแก้ว” แสนอร่อย ที่ทำมาจากมะพร้าวกะทิเนื้อหนานุ่มหรือมะพร้าวน้ำหอมรสละมุนเคี่ยวกับน้ำตาล สูตรเฉพาะ กลับไปฝากคนที่คุณรักกันด้วยนะครับ…

 

ที่อยู่ : ถ.เชียงคาน – ปากชม ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย
GPS : N17 54 21.60, E101 42 11.52
ช่วงเวลาแนะนำ : กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม เพราะเป็นช่วงที่น้ำแห้งจะมองเห็นแก่งได้ชัดเจน
ไฮไลท์ : แก่งหินขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่กลางลำน้ำโขงบริเวณช่วงโค้งพอดี ทำให้เกิดกระแสน้ำเชี่ยวไหลผ่านแก่ง ในหน้าน้ำ น้ำจะท่วมจนมองไม่เห็นแก่ง
กิจกรรม : ล่องเรือหางยาวชมทิวทัศน์สองฝั่งไทย-ลาว / เดินเล่นพักผ่อนชมความงามของแก่งหิน / ชมวิถีชีวิตชาวบ้านที่ล่องเรือหาปลาในแม่น้ำโขง


 

แก่งคุดคู้ห่างจากตัวอำเภอเชียงคานประมาณ 4 กิโลเมตร บนถนนเชียงคาน-ปากชม จากตลาดสดเทศบาลตำบลเชียงคาน ใช้ทางหลวงหมายเลข 211 ประมาณ 2 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทางอีก 2 กิโลเมตร สุดทางที่ “แก่งคุดคู้” พอดี

ข้อมูลเเละภาพประกอบจาก