9 ที่เที่ยวหนองคาย เที่ยวชิลๆ แบบสโลว์ไลฟ์

กินเที่ยว
9 ที่เที่ยวหนองคาย เที่ยวชิลๆ แบบสโลว์ไลฟ์

นอกจากจังหวัดหนองคาย จะเป็นเมืองชายแดนที่มีความเข้มแข็งทางด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจการค้าแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองชายแดนริมแม่น้ำโขงแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ

a

นอกจากจังหวัดหนองคาย จะเป็นเมืองชายแดนที่มีความเข้มแข็งทางด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจการค้าแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองชายแดนริมแม่น้ำโขงแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ แถมยังเป็นตัวเลือกที่ดีให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์กันได้ไม่ยากเลย วันนี้เราเลยแวะไปรวบรวมเอาที่เที่ยวหนองคายมาแนะนำกัน ส่วนจะมีที่ไหนน่าสนใจบ้างนั้นตามไปชมพร้อม ๆ กันเลย

1. วัดโพธิ์ชัย


ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง) จังหวัดหนองคาย
 
วัดโพธิ์ชัย หรือวัดหลวงพ่อพระใส วัดดังที่มีชื่อเสียงของจังหวัดหนองคาย ตั้งอยู่ที่ 873 ถนนประจักษ์ศิลปาคม ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดนิกายมหานิกาย ภายในประดิษฐานหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัยหล่อด้วยทองสีสุก หน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว ส่วนสูงจากพระชงฆ์เบื้องล่างถึงยอดพระเกศ 4 คืบ 1 นิ้วของช่างไม้ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ชาวเมืองหนองคายนับถือกันมาก

โดยมีตำนานเล่าว่า พระธิดา 3 องค์ของกษัตริย์ล้านช้างได้หล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ และขนานนามพระพุทธรูปตามพระนามของตนเอง คือ พระเสริมประจำพี่ใหญ่ พระสุกประจำคนกลาง และพระใสประจำน้องสุดท้อง เดิมประดิษฐานที่กรุงเวียงจันทน์ สำหรับผู้ที่สนใจต้องการเข้าเยี่ยมชมวัดโพธิ์ชัย ทางวัดจะเปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโดยผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 042-461123, 042-413723, เว็บไซต์ Watphochai.net และ เฟซบุ๊ก วัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง) จังหวัดหนองคาย


2. สะพานมิตรภาพไทย-ลาว


ภาพจาก ททท.
 
ถือเป็นสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งแรกในประเทศไทยที่ตัวสะพานข้ามแม่น้ำโขง จากจังหวัดหนองคายไปยังเมืองท่าเดื่อ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงเวียงจันทน์ (เมืองหลวงของประเทศลาว) ประมาณ 20 กิโลเมตร นับเป็นสะพานที่สร้างความสัมพันธ์ไทย-ลาว ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยตัวสะพานมีความยาว 1,174 เมตร กว้าง 12.7 เมตร แบ่งช่องจราจรออกเป็น 2 ช่องทาง พร้อมทั้งออกแบบช่องตรงกลางสำหรับให้รถไฟ  ใช้เวลาการก่อสร้าง 3 ปี แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2537 ด้วยความร่วมมือจาก 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย, ลาว, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น

สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถเดินชมความสวยงามได้ถึงกลางสะพานทางฝั่งชายแดนไทยเท่านั้น ส่วนการเดินทางข้ามไปท่องเที่ยวยังฝั่งประเทศลาวต้องใช้ใบตรวจคนเข้าเมืองหรือพาสปอร์ต โดยการเดินทางข้ามไปเที่ยวยังฝั่งประเทศลาวนั้นจะเปิดทำการทุกวันในเวลา 06.00-22.00 น. สำหรับในการนำรถยนต์ออก-เข้าประเทศนั้นจะต้องทำเอกสารนำรถออกและเสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนด ทั้งนี้สามารถชมข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ด้านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย


3. น้ำตกธารทอง


น้ำตกสวย ๆ ที่ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านผาตั้ง หมู่ 1 ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย เป็นธารน้ำไหลไปตามลานหิน เป็นระยะลดหลั่นกันไปประมาณ 30 เมตร ปลายทางของแม่น้ำไหลลงสู่ลำน้ำโขง เหมาะแก่การมาเที่ยวชมในช่วงฤดูฝน คือระหว่างเดือนมิถุนายน-ตุลาคม ซึ่งจะมีแอ่งน้ำให้เล่น ส่วนบริเวณโดยรอบเป็นสวนรุกขชาติที่มีต้นไม้หลากหลายชนิดขึ้นอยู่หนาแน่น และในบริเวณใกล้เคียงยังมีร้านค้านำสินค้าการเกษตรมาจำหน่าย รวมไปถึงร้านอาหารที่ตั้งอยู่ก่อนเดินทางไปเที่ยวยังน้ำตก ทั้งนี้บริเวณน้ำตกห้ามนำอาหารลงไปรับประทาน

4. พระธาตุบังพวน


ภาพจาก ททท.

พระธาตุบังพวน เป็นพระธาตุเจดีย์ที่เก่าแก่และสำคัญยิ่งของจังหวัดหนองคาย ตั้งอยู่วัดพระธาตุบังพวน หมู่บ้านดอนหมู ตำบลพระธาตุบังพวน อำเภอเมือง อีกทั้งยังเป็นพระธาตุที่สำคัญองค์หนึ่งของภาคอีสาน ส่วนเจดีย์เก่านั้นสร้างด้วยอิฐดินเผา ส่วนปัจจุบันมีการบูรณะเจดีย์ขึ้นใหม่ มีฐานทักษิณ 5 ชั้น กว้าง 17.20 เมตร สูงถึงยอดฉัตร 34.25 เมตร รูปปรางค์สี่เหลี่ยมต่อกันเป็นบัวปากระฆังชั้นที่ 6 เป็นรูประฆังคว่ำ ชั้นที่ 7 เป็นรูปดาวปลี และเหนือชั้นไปเป็นที่ตั้งฉัตรและบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ นอกจากนี้ภายในบริเวณใกล้เคียงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง ทั้งสถูปเจดีย์เก่าแก่ พระพุทธรูปโบราณศิลปะล้านช้าง, พิพิธภัณฑ์พระธาตุบังพวน ซึ่งเป็นห้องเล็ก ๆ อยู่ใกล้กับองค์พระธาตุ ซึ่งภายในจะเก็บซากเศษหิน ใบเสมา ศิลาจารึก ตลอดจนโบราณวัตถุของพระธาตุองค์เก่า รวมทั้งประวัติขององค์พระธาตุ และสระพญานาค อยู่ในบริเวณใกล้ ๆ องค์พระธาตุ ซึ่งในสมัยโบราณเมื่อมีการแต่งตั้งผู้เป็นเจ้าเมืองก็จะนำน้ำจากสระนี้ไปสรงเพื่อเป็นสิริมงคลอีกด้วย

5. ตลาดท่าเสด็จ (ตลาดอินโดจีน)

มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวเอาใจนักช้อปกับ ตลาดท่าเสด็จ หรือตลาดอินโดจีนหนองคาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ในเขตเทศบาลเมือง แหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย เพราะด้วยการค้าขายสำหรับคนท้องถิ่นเอง, พ่อค้า-แม่ค้า และนักท่องเที่ยวจากประเทศลาว รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจากหลายเชื้อชาติ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวต่างมาจับจ่ายซื้อของที่ระลึกและของฝากกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งตลาดแห่งนี้มีครบครันทั้งเสื้อผ้า, ของใช้, กระเป๋า, เสื้อผ้า, รองเท้า, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องครัว, อาหาร, สินค้า OTOP และร้านอาหารอร่อย ๆ มากมายที่ชวนละลายตังค์ในกระเป๋าไม่น้อย สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาช้อปตัวตลาดจะเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-18.30 น. แถมบริเวณริมแม่น้ำโขงยังมีบริการที่พัก, ร้านอาหาร, ร้านกาแฟให้นั่งเพลิน ๆ รับลมเย็น ชมวิวริมแม่น้ำโขงได้อีกด้วย

6. อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ


ภาพจาก ททท.

เป็นอนุสาวรีย์คู่บ้านคู่เมืองแห่งเดียวในจังหวัดหนองคาย ตั้งอยู่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่า ภายในบรรจุอัฐิของผู้ที่เสียชีวิตในการปราบกบฏฮ่อ เมื่อปี ร.ศ. 105 หรือ พ.ศ. 2429 เสด็จในกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมซึ่งเป็นแม่ทัพปราบกบฏฮ่อในครั้งนั้น รับสั่งให้สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนความดีของผู้ล่วงลับที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อชาติบ้านเมืองในการปราบฮ่อ เดิมสถานที่ตั้งอยู่บริเวณหลังสถานีตำรวจภูธร จังหวัดหนองคาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2492 ทางจังหวัดหนองคายได้รับงบประมาณในการบูรณะให้อนุสาวรีย์ปราบฮ่อนั้นมีความสวย สง่างาม สมกับเป็นอนุสาวรีย์ของผู้ที่ได้เสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง จึงย้ายมาสร้างใหม่ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด โดยอนุสาวรีย์ทั้ง 4 ทิศ มีคำจารึกภาษาไทย, จีน, ลาว และอังกฤษ ซึ่งทุกปีทางจังหวัดก็จะมีการจัดงานบวงสรวงและฉลองอนุสาวรีย์ในวันที่ 5 มีนาคม ทั้งนี้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยว สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
 

7. วัดหินหมากเป้ง


ภาพจาก ททท.

ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านไทยเจริญ หมู่ 4 ตำบลพระพุทธบาท อำเภอศรีเชียงใหม่ บริเวณของวัดรายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด เงียบสงบ เหมาะกับการใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมเพื่อสงบจิตใจ บำเพ็ญเพียรฝึกจิตนั่งวิปัสสนา ทำสมาธิ หรือเดินจงกรม ส่วนพื้นที่ด้านหนึ่งติดกับลำน้ำโขง ซึ่งจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพสวยงามได้เป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่สนใจต้องการเข้าเยี่ยมชมวัดหินหมากเป้งแห่งนี้นั้นสามารถทำการติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ วัดหินหมากเป้ง โดยทางวัดจะเปิดให้เข้าชมในทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.

ส่วนชื่อของวัดหินหมากเป้ง เป็นชื่อหินสามก้อนซึ่งตั้งเรียงรายกันอยู่ริมฝั่งโขงที่ตั้งอยู่หน้าวัด มีรูปลักษณะคล้ายลูกตุ้มเครื่องชั่งทองคำสมัยเก่าและคำว่า หมาก ก็มาจะภาษาอีสานที่หมายถึงลูก, ผล นั่นเอง


8. ภูห้วยอีสัน


เชื่อว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่คงไม่ค่อยคุ้นหูกับแหล่งท่องเที่ยวนี้มากนัก โดย ภูห้วยอีสัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่งถูกค้นพบใหม่เมื่อ 2-3 ปี ที่ผ่านมา ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ซึ่งไฮไลท์ของการเดินทางมาเที่ยวที่แห่งนี้ ก็คือการได้ขึ้นไปชมวิวความสวยงามของทะเลหมอก ที่หลายคนขนานนามให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดอันซีนแบบไทยแท้ แถมยังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ความสวยงามของแม่น้ำโขงได้อีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ควรไปเยือนเมื่อไปถึงเมืองหนองคายกันเลยทีเดียว

9. เทศกาลชมบั้งไฟพญานาค

และปิดท้ายงานประจำปีอย่าง เทศกาลชมบั้งไฟพญานาค ลูกไฟที่ผุดขึ้นจากกลางลำน้ำโขงที่เป็นความเชื่อของชาวบ้าน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ความมหัศจรรย์ที่ลูกไฟสีแดงอมชมพูพวยพุ่งขึ้นจากลำแม่น้ำโขง เหนือผิวน้ำตั้งแต่ระดับ 1-30 เมตร แล้วพุ่งแหวกอากาศขึ้นไปสูงประมาณ 50-150 เมตร นานประมาณ 5-10 วินาที แล้วก็จะดับหายวับไปในอากาศ โดยไม่มีลักษณะโค้งตกลงมาเหมือนดอกไม้ไฟ ลูกไฟที่เกิดขึ้นจะไม่มีกลิ่น ไม่มีควัน ไม่มีเสียง ขนาดของลูกไฟมีตั้งแต่เท่าหัวแม่มือจนถึงขนาดเท่าฟองไข่ไก่ และจะเริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินจนถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันออกพรรษา ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี โดยสามารถดูได้จากสถานที่ดัง ๆ เช่น อำเภอเมือง, อำเภอโพนพิสัย, อำเภอท่าบ่อ, อำเภอศรีเชียงใหม่, อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย และอำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ เป็นต้น

ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดหนองคาย เมืองเล็กริมแม่น้ำโขงที่หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นทางผ่านเดินทางข้ามประเทศเท่านั้น แต่เมื่อลองได้ไปชื่นชมและใช้ชีวิตเที่ยวที่นี่แล้วก็จะรู้ว่าหนองคายมีอะไรมากกว่าที่คิดแน่นอนค่ะ


ที่มา :