เดินเที่ยว ปีนัง สัมผัสมนตร์เสน่ห์เมืองเก่าสุดฮิป

กินเที่ยว
เดินเที่ยว ปีนัง สัมผัสมนตร์เสน่ห์เมืองเก่าสุดฮิป

ปีนัง เมืองที่เคยรุ่งเรืองในอดีต ด้วยเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศมาเลเซีย ทำให้ปีนังได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากชาติอื่นๆ โดยเฉพาะยุโรป เมื่อผสมผสานกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนท้องถิ่น จึงทำให้ปีนังมีเอกลักษณ์ของตัวเอง


"ปีนัง" เมืองที่เคยรุ่งเรืองในอดีต ด้วยเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศมาเลเซีย ทำให้ปีนังได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากชาติอื่น ๆ โดยเฉพาะยุโรป เมื่อผสมผสานกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนท้องถิ่น จึงทำให้ปีนังมีเอกลักษณ์ของตัวเอง เวลาผ่านไปเทคโนโลยีก้าวเข้ามา การค้าขายทางเรือจึงโดนลดบทบาทลงไป ปีนังก็เช่นกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เมืองนี้มีไม่เคยเลือนหาย ก็คือวัฒนธรรมดั้งเดิมและวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย สถาปัตยกรรมเก่าแก่ในย่านจอร์จทาวน์ก็ยังคงได้รับการดูแลอย่างดี เป็นสิ่งล้ำค่าที่ทำให้เมืองปีนังยังมีมนตร์เสน่ห์ และในย่านจอร์จทาวน์ก็ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก

วันนี้ปีนังกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่ารัก เต็มไปด้วยผลงานศิลปะที่สอดแทรกอยู่กับสถาปัตยกรรมของอาคารเก่าแก่ เที่ยวได้แบบชิล ๆ คุณ gagagigy สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เป็นหนึ่งในนักเดินทางที่มีโอกาสไปเยือนปีนัง และได้ถ่ายทอดมนตร์เสน่ห์ของปีนังออกมาผ่านภาพถ่ายของเธอ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ทำให้เธอหลงรักปีนังเข้าอย่างจัง แล้วคุณล่ะ...อยากรู้จักปีนังไหม ถ้าอยากรู้ว่าปีนังงดงามและมีเสน่ห์แพรวพราวแค่ไหน ไปดูกันเลยค่ะ

 
          สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเมืองสุดฮิปและยังเป็นมรดกโลกอีกด้วย ที่ Georgetown ปีนังกันค่ะ

          จอร์จทาวน์ (George Town) เมืองหลวงของรัฐปีนัง (Penang) ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยอาคารสวย ๆ สไตล์ชิโน-โปรตุกีสทั่วทั้งเมือง นอกจากนั้นยังมีภาพวาดบนกำแพงสวย ๆ ให้ชมกันตลอดเส้นทาง ถือว่าเป็นอีกเมืองที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบการถ่ายรูปมากค่ะ มาเมืองนี้ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ถ่ายรูปสวย ๆ ได้ทุกมุม อีกทั้งยังมีร้านอาหารต่าง ๆ ให้ลองชิมเยอะมาก ๆ การเดินทางท่องเที่ยวในเมืองนี้ก็สะดวก มีรถเมล์หลายสายไปยังจุดต่าง ๆ มีจักรยานให้เช่าปั่นเที่ยวรอบเมืองได้สบาย ๆ แต่ทริปนี้เราอยากเดินชมแบบชิล ๆ เลยใช้วิธีการเดินค่ะ อาจจะเหนื่อยสักนิดแต่ถือว่าสนุกมาก ๆ และที่สำคัญเลยทริปนี้ค่าใช่จ่ายถูกมาก ๆๆ ทั้งที่เที่ยวแบบไม่ประหยัด ถือว่าคุ้มค่าและประทับใจกับทริปนี้มากค่ะ

          ตามไปเดินเที่ยวเมืองสุดฮิปด้วยกันเลยนะคะ

          หากสนใจทริปอื่น ๆ หรือมีคำถามใด ๆ สามารถเข้าไปชมได้ที่ เฟซบุ๊ก gagagigy       

          การเดินทาง


ทริปนี้เราเดินทางโดยแอร์เอเชีย ไปลงที่หาดใหญ่ด้วยโปรโมชั่น 0 บาท แล้วต่อรถตู้ของ KST Travel เพื่อไปปีนัง รถตู้ที่ออกจากหาดใหญ่ไปปีนังจะมี 3 รอบ คือ 09.30 น., 12.30 น. และ 15.30 น. ค่าโดยสารขาเดียว 400 บาท ไป-กลับ 750 บาท รถจะไปส่งที่หน้าโรงแรมเลย และข้อดีของการซื้อตั๋วไป-กลับนอกจากราคาจะถูกลงแล้ว เรายังสามารถให้รถตู้ไปรับเราถึงโรงแรมได้ด้วยค่ะ สะดวกมาก ๆ

เที่ยวบินของเราถึง 11.00 น. จะทันรถเที่ยว 12.30 น. ก่อนเดินทาง 1 วัน เราก็โทรจองที่นั่งไว้ก่อนเลยค่ะ แจ้งแค่ชื่อ, เบอร์โทร พอวันที่เดินทางก็คอนเฟิร์มกับทางรถตู้อีกที จากสนามบินแนะนำให้นั่งแท็กซี่ไปเลยนะคะ ค่าแท็กซี่ที่เราขึ้น 250 บาท ไปลงที่โรงแรม Aloha สาย 1 รถตู้จะอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงกว่า ๆ รถตู้ก็วนมาส่งเราถึงโรงแรมเลยค่ะ

โรงแรมคืนแรก Cititel Express โรงแรมนี้ Location ค่อนข้างดีใกล้กับตึก Komtar ใกล้ร้านอาหาร, ห้างต่าง ๆ 7 Eleven ภายในห้องพื้นที่ค่อนข้างเล็กนิดหนึ่ง ตกแต่งโทนสีไม้ดูเก๋ โรงแรมใหม่ สะอาด มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน





          บริเวณโดยรอบโรงแรมเป็นอาคารเก่า ๆ แต่ดูปลอดภัยดี


 
 

เนื่องจากวันนี้เรามาถึงจนเย็นแล้ว ที่แรกที่ไปก็เลยเป็นตลาดโต้รุ่งที่ Gurney Drive ที่นี่ตั้งอยู่ริมทะเล มีห้างสรรพสินค้าและร้านค้ามากมายเลย

การเดินทาง : ขึ้นรถที่ Komtar ท่ารถจะอยู่ใต้ตึกเลยค่ะ นั่งรถสาย 101 ไปลงที่ Gurney Plaza ค่ารถคนละ 1.4 RM เดินทะลุด้านหลังห้างออกมาจะเป็นถนนเลียบหาด ก็จะเจอกับตลาดโต้รุ่งที่มีร้านอาหารอยู่เยอะพอสมควรเลยค่ะ



ตลาดโต้รุ่งที่ Gurney Drive เป็นตลาดที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีร้านอาหารต่าง ๆ เยอะพอสมควร เสียดายว่ามามืดแล้วเลยไม่ได้ชมวิวริมทะเลเลยค่ะ





มื้อเย็นของเราวันนี้เป็นของทอดค่ะ ราดด้วยซอสคล้าย ๆ น้ำจิ้มสะเต๊ะและมะม่วงซอย รสชาติแปลก ๆ ไม่ค่อยอร่อยเท่าไร


วันนี้เป็นวันที่ตั้งใจจะเที่ยวทั่ว ๆ เมืองจอร์จทาวน์เลยค่ะ เริ่มจากเดินเที่ยวใกล้ ๆ โรงแรมก่อนเลย แม้ว่าแถวนี้จะไม่ใช่จุดท่องเที่ยวเด่น ๆ แต่ก็มีอาคารสวย ๆ ให้ชมโดยรอบเช่นกันค่ะ





ใกล้ ๆ โรงแรม Cititel Express จะมีร้านอาหารเล็ก ๆ อยู่ค่ะ ดูน่าสนใจ คนท้องถิ่นมาทานกันเยอะพอสมควร เมนูก็จะเป็นประมาณนี้ ชามละประมาณ 2 RM ทั้งหมดมื้อนี้ประหยัดมาก ๆ ไม่ถึง 100 บาท รสชาติอร่อยใช้ได้เลย



มาต่อด้วยร้านกาแฟเก๋ ๆ Bricklin Bar Cafe จะตั้งอยู่ด้านหน้าของ Hin Company Art Center ซึ่งด้านในนี้ก็จะมีภาพเขียนให้ชมด้วยนะคะ


เรามาชมด้านในกันก่อน




Bricklin Bar Cafe เป็นร้านที่บรรยากาศดีมาก ตกแต่งเก๋ ๆ เครื่องดื่มและเค้กอร่อย ราคาเครื่องดื่มและขนมแพงนิด ๆ รวมทั้งหมดมื้อนี้ 37 RM




และด้วยความที่ชอบเปลี่ยนที่นอนหลาย ๆ ที่ วันนี้เราก็ย้ายโรงแรมมานอนกันที่ Hotel Neo Plus

Hotel Neo Plus อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเดิม Cititel Express เท่าไรเดินไปได้สบาย ๆ เลย และอยู่ตรงข้ามกับ Hin Company Art Center เลยค่ะ ทั้ง 2 โรงแรมนี้ถือว่าเดินทางได้สะดวกพอ ๆ กัน ราคาก็ใกล้เคียง จะต่างกันที่ดีไซน์และ Cititel Express เป็นโรงแรมใหญ่กว่าแค่นั้นเองค่ะ

Hotel Neo Plus โรงแรมนี้จะตกแต่งค่อนข้างทันสมัย สีสันสดใส พนักงานบริการดีมาก ๆ




วิวจากห้องพักจะมองเห็นตึก Komtar เดินไปไม่ไกลเช่นกันค่ะ


เก็บของเรียบร้อยแล้ว เริ่มตะลุยจอร์จทาวน์กันเลยค่ะ เราเริ่มด้วยการนั่งแท็กซี่ไปที่ Armenian Street กันค่ะ (ค่าแท็กซี่ประมาณ 100 บาท) ซึ่งย่านนี้จะเป็นย่านฮิป ๆ ที่มีร้านอาหาร ร้านกาแฟเก๋ ๆ เยอะเลยค่ะ เราจะเริ่มเดินเก็บภาพ Street Art กันที่จุดนี้ด้วยการเดินเที่ยวรอบเมืองจอร์จทาวน์ค่ะ ระยะทางค่อนข้างไกลพอสมควร แต่เดินเพลิน ๆ สบาย ๆ หรือถ้ากลัวเหนื่อยเกินไปก็อาจจะเช่าจักรยานปั่นก็ได้นะคะ

ข้อแนะนำ : เมื่อถึงปีนังแล้วสิ่งแรกที่ควรหาเลยก็คือแผนที่ค่ะ จะมีแผนที่ท่องเที่ยวส่วนต่าง ๆ และแผนที่ Street Art ภาพต่าง ๆ ว่าอยู่จุดไหนบ้าง จะได้ง่ายต่อการวางแผนเที่ยวของเราค่ะ

Armenian Street





จะใช้บริการรถแบบนี้ชมเมืองก็ดูน่าสนุกดี


เติมความหวานเพิ่มพลังกันก่อนเลย เป็นเมนูยอดฮิต ถือกันแทบทุกคนเลยค่ะ เป็นการคลายร้อนได้ดีมาก


ศิลปะ บนผนังกำแพงถือเป็นเอกลักษณ์ในย่านเมืองเก่าจอร์จทาวน์เลยค่ะ จะมีให้เห็นเยอะมากทุกตรอกซอกซอย มีทั้งแบบภาพวาดและเหล็กดัดที่มีลวดลายต่าง ๆ ที่สวยเก๋ต่างกันไป สังเกตดี ๆ จะมีมากกว่าในแผนที่อีกเยอะเลยค่ะ

เจอภาพที่ตามหาแล้วภาพแรก ภาพนี้ตั้งอยู่ที่ Lebuh Armenian ถนนนี้จะมีภาพวาดสวย ๆ ให้ชมหลายจุดเลยค่ะ


เดินต่อมาอีกไม่ไกลก็จะพบภาพน้องเหมียว







 
ภาพศิลปะแบบเหล็กดัดเป็นรูปต่าง ๆ ก็มีให้เห็นเยอะมาก ๆ แต่ละจุดก็จะมีลายแตกต่างกันไป


ทั่วทั้งย่านนี้จะเป็นตึกแบบเก่า ๆ รูปทรงสไตล์ชิโนโปรตุกีส ที่มีทั้งแนวยุโรป จีน และอินเดีย ผสมผสานกัน
 



มัสยิด Kapitan Keling Mosque


The Camera Museum

เปิดทำการเวลา 10.00 am.-06.00 pm. ค่าเข้าชมคนละ 20 RM



ชั้นบนจะเป็นกล้องถ่ายภาพเก่า ๆ ที่มีให้ชมเยอะมาก สำหรับเราที่ชอบกล้องถ่ายรูปมาก ๆ ถือว่าคุ้มสุด ๆ ค่ะที่ได้มาชมกล้องแต่ละรุ่นเยอะขนาดนี้






หรือถ้าใครไม่อยากเสียค่าเข้าชมชั้นบนก็สามารถชมแค่ชั้นล่างได้ มีมุมน่ารัก ๆ ของที่ระลึกและร้านกาแฟค่ะ


ไปเดินชมภาพ Street Art กันต่อ ย่านนี้ก็มีภาพให้ชมเยอะหลายจุดทีเดียวค่ะ


ในขณะที่เรากำลังเดิน น้องหมาสองตัวนี้ก็มีคนขี่รถให้นั่งเพลิน ๆ น่ารักน่าอิจฉามาก


ภาพนี้สวยมาก


ศิลปะจากเหล็กก็มีให้ชมเยอะมาก บางจุดก็ไม่มีในแผนที่นะคะ




ย่านนี้จะเป็น China Street มีร้านอาหารและร้านขายของต่าง ๆ


ใกล้ ๆ กันก็เป็น Little India ทั้งสองโซน รูปร่างอาคารต่าง ๆ ก็จะคล้าย ๆ กัน


Beach Street ย่านนี้อาคารต่าง ๆ จะดูทันสมัยขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารสำนักงานและธนาคารต่าง ๆ



ภาพ Street Art ก็ยังมีตลอดทาง



ภาพนี้หลายคนคงคุ้นตามาก ๆ เป็นอีกภาพยอดฮิตเลย ทั้ง 2 ภาพนี้ตั้งอยู่ที่ Lebuh Chulia



หมู่บ้านประมงริมทะเล (Chew Jetty) จุดนี้เป็นหมู่บ้านที่ยื่นลงไปในทะเล แต่ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไร บ้านเรือนต่าง ๆ จะเป็นร้านค้าขายของที่ระลึกซะส่วนใหญ่ แต่ก็ถือว่าได้มาชมบรรยากาศริมทะเลชิล ๆ ดีค่ะ




Juicylicios เป็นร้านขายเครื่องดื่มที่ตกแต่งได้น่ารักมาก ๆ ราคาแอบแพงนิด ๆ แต่ก็ถือว่ารสชาติใช้ได้



แล้วเราก็เดินเก็บภาพ Street Art สวย ๆ กันต่อ



เราชอบภาพนี้และย่านนี้มากเป็นพิเศษ ภาพเหล่านี้จะอยู่ที่ Lebuh Ah Quee แถว ๆ นี้ก็จะมีภาพวาดหลายจุดใกล้ ๆ กันนะคะ สังเกตดี ๆ ตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ จะมีภาพวาดเยอะมาก ๆ




ภาพนี้เป็นภาพฮิตอีก ภาพเริ่มลอกเยอะแล้ว


เราใช้เวลาในการเดินเก็บภาพต่าง ๆ ตั้งแต่บ่ายสองจนถึงหกโมงเย็น บอกเลยค่ะว่าเมื่อยมาก เดินไกลแล้วยังเดินวนไปวนมาด้วย แทบอยากตัดขาทิ้งแล้วค่ะ แต่สนุกมาก ๆ


The Twelve Cups ร้านนี้อยู่ที่ Beach Street เป็นร้านขนมน่ารัก ๆ ที่มีจุดเด่นคือจะมีการวาดภาพลงบนจานด้วย น่ารักมาก ๆ ค่ะ

บรรยากาศร้านก็กว้างขวางดี ตกแต่งน่ารัก ราคาไม่แพงมากและอร่อยด้วยค่ะ



อิ่มของหวานแล้วมาต่อของคาว Red Garden Food Paradise ที่นี่เป็นศูนย์อาหารขนาดใหญ่ มีอาหารนานาชนิดให้เลือกชิม ในบรรยากาศแสงสีและเสียงดนตรีสด ๆ ที่ขับกล่อมอยู่บนเวที ราคาอาหารอาจจะสูงกว่าที่อื่น ๆ เล็กน้อย แต่ก็ถือว่าไม่แพงค่ะ เปิดบริการตั้งแต่เวลา 17.00-02.00 น. ทุกวัน



เมนูวันนี้ของเราเป็นติ่มซำค่ะ รสชาติอาหารกลาง ๆ ไม่ถึงกับอร่อยเท่าไร


ปิดท้ายด้วยเนื้อสะเต๊ะ


เช้านี้เรามีเวลาเดินเที่ยวอีกเล็กน้อยค่ะ เนื่องจากนัดรถมารับที่โรงแรมเวลาเที่ยงตรง ช่วงเช้านี้ก็เลยชิล ๆ หาอาหารอร่อย ๆ ทานใกล้ ๆ ค่ะ

Loke Thye Kee ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากตึก Komtar จากโรงแรมเดินตรงมาจนเจอสี่แยก ตรงตึก Komtar เดินตรงอย่างเดียวเลยค่ะ จะเจอร้านอาหารอยู่ซ้ายมือ


ร้านนี้จะมีเมนูเด็ดเป็น Hainanese Chicken Pie แต่เราไม่ได้ลองชิมนะคะ


Nasi Goreng จานใหญ่มาก อร่อยมาก แต่ราคาสูงไปนิดหนึ่ง จานนี้ 20 RM ค่ะ


และก๋วยเตี๋ยวจานใหญ่มาก ๆ อีก 1 จาน


และเครื่องดื่ม


ดูเหมือนอาหารจะเยอะแล้ว แต่เรายังไม่อิ่มค่ะข้ามมาอีกฝั่งต่อ เป็นร้านอาหารค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว มีร้านติ่มซำน่าอร่อยมาก เรามาแวะชิมกันต่อเลยค่ะ





สรุปค่าใช้จ่าย

แอร์เอเชีย กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ โปรโมชั่น 0 บาท = 214 บาท

ค่าแท็กซี่สนามบิน 250 บาท คนละ = 125 บาท

ค่ารถตู้ไป-กลับ หาดใหญ่-ปีนัง = 750 บาท

ค่าโรงแรม 2 คืน 2,800 บาท คนละ = 1,400 บาท

แลกเงิน 2,000 บาท ใช้ไปประมาณคนละ 1,400 บาท

ค่ารถสองแถวจากตลาดกิมหยง-สนามบินหาดใหญ่ คนละ 30 บาท

รวมแล้ว 3,919 บาท


จอร์จทาวน์ ปีนัง เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีความเก๋อยู่ทั่วทั้งเมือง ถือว่าเป็นอีกจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากเที่ยวต่างประเทศใน ราคาที่ไม่แพงมากนักค่ะ เพราะที่นี่ค่าครองชีพพอ ๆ กับบ้านเรา ด้วยความที่เป็นเมืองเล็ก ๆ เราสามารถปั่นจักรยานหรือเดินเที่ยวได้แบบชิล ๆ ในเมืองนี้ที่ถือว่าปลอดภัยพอสมควรเลย

ขอบคุณที่แวะมาชมนะคะ ^___^

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ gagagigy สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก gagagigy


ที่มา :