Mr.BIG Farewell World Tour<br>The BIG Finish Live in Bangkok

คอนเสิร์ต

Mr.BIG Farewell World TourThe BIG Finish Live in Bangkok

  • calendar-sale-white

    วันเปิดจำหน่าย วันอังคารที่ 25 เมษายน 2566, 10:00 น.

  • price
    ราคาบัตร2,500
แชร์

ผังการแสดง & รอบการแสดง

วันที่แสดง
เวลา
วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2566

รายละเอียด

The last tour of Mr.BIG
Mr.BIG Farewell World Tour
The BIG Finish Live in Bangkok
 
August 7th, 2023
MCC Hall (The Mall Ngamwongwan)
 
There is nothing to be said about the musical excellence of Eric Martin, Billy Sheehan and Paul Gilbert.
Get ready and let's rock together at the Farewell World Tour of “Mr.Big .. Big Finish”
 
And The Olarn Project best metal band of Thailand
 
Ticket prices
Early Bird : 2,100 Baht April 25-30, 2023 (500 tickets only)
Regular Ticket : 2,500 Baht (May 1, 2023 or after Early Bird tickets are sold out.)
**If you buy tickets within April 25 - June 15, 2023, you will have a chance to win a Lucky Draw for an Ibanez Paul Gilbert Signature guitar.**
 
Get your tickets at
- Line official: @prart https://lin.ee/l6DaSBV 
 
For more information please contact
OVD
02-203-0423
08-12345-207
Line @prart
 
การกลับมาในทัวร์ครั้งสุดท้ายของวง Mr. BIG กับ Farewell World Tour : The BIG Finish Live in Bangkok สุดยอดวงฮาร์ดร็อคระดับตำนาน กับทุกๆ บทเพลงร็อกขึ้นหิ้ง เผื่อสาวกชาวร็อก
 
พิเศษสุดกับการร่วมฉลอง Overdrive ครบรอบ 25 ปี กับโชว์จาก The Olarn Project เต็มวง บนเวทีเดียวกันกับ Mr.Big พร้อม Special Guest และกิจกรรมการแสดง Overdrive 25 ปี หน้างานมากมาย
 
ซื้อบัตรได้ที่
1. Line Official : @prart : https://lin.ee/l6DaSBV 
2. Thaiticketmajor : www.thaiticketmajor.com
 
รายละเอียดเพิ่มเติม
OVD
02 203 0423
08-12345-207
fb.me/odbkk 
Line official: @prart 
 
MR.BIG
วงร็อกระดับแนวหน้าของโลก Mr.Big ยุค 80’s ที่รวบรวม ยอดฝีมือ Paul Gilbert มือกีตาร์, Billy Sheehan เบส, Pat Torpey กลอง และ Eric Martin ร้องนำ ที่ต้องบอกว่าเป็น Super Group
พวกเขารวมตัวกันในปี 1985 เล่นดนตรีในแนว Heavy Metal, Ballad และ Blues Rock
จุดเด่นของวง Mr. BIG อยู่ที่พวกเขามีความสามารถทางดนตรีอย่างล้นเปี่ยม และมีความเป็นร็อกและป๊อปผสมอยู่ด้วยอย่างลงตัว จึงแตกต่างจากวง ร็อกในยุคนั้นพอสมควร
 
Paul Gilbert เป็นมือกีตาร์ที่รู้จักกันดี จากความเร็วและเทคนิคอันยอดเยี่ยม จากผลงานวง Racer X และงานเดี่ยวของเขาเอง
Billy Sheehan มือเบสระดับเทพ โด่งดังมาจาก David Lee Roth และเคยร่วมงานกับ นักดนตรี ระดับเทพอีกมากมาย
Pat Torpey เป็นมือกลองที่ตีและมิกซ์ดนตรีระดับหัวแถว
Eric Martin เป็นนักร้องดาวรุ่ง ที่มีน้ำเสียงชวนฝันและกร้าวในตัว
 
ทั้งสี่มารวมตัวกันสร้างผลงานอันเป็นตำนานบทหนึ่งของวงการเพลงร็อก ด้วยซิงเกิ้ลสุดฮิตอย่าง To Be With You ที่ขึ้นอันดับ 1 ของ Billboard Chart รวมถึงเพลงฮิตอื่นๆ อย่าง Wild World, Green Tinted Sixtes Mind เป็นต้น
 
อัลบั้มแรก ของ Mr.BIG ออกในปี 1989 ใช้ชื่อ Mr.BIG ชื่อเดียวกับวง ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไรใน USA ในส่วนของ Mainstream Rock แต่ประสบความสำเร็จ ในญี่ปุ่น และพวกเขาก็ออกทัวร์โดยเล่นเป็นวงเปิดให้วง Progressive Rock รุ่นใหญ่ อย่าง Rush
ในปี 1991 อัลบั้มที่ สอง Lean into it ที่มีเพลง To Be With You, Just Take My Heart สร้างความสำเร็จอย่างมากให้กับวง อัลบั้มนี้ขายได้หลายล้านก็อปปี้ และพวกเขาก็เริ่มมี World Tour เป็นของตนเอง งานชิ้นนี้ทำให้พวกเขากลายเป็น Super Star ขึ้นมาชั่วข้ามคืน โดยเฉพาะ Mainstream Rock คนฟังทั่วไปรู้จักชื่อ Mr.BIG
อัลบั้มที่สาม Bumb Ahead ในปี 1993 ก็มีเพลงฮิต ที่พวกเขาเอาเพลงของ Cat Steven มาทำใหม่ ในแบบของเขา Wild World ก็ขึ้นอันดับหนึ่งอีกเช่นกัน และปี 1996 ก็ออกอัลบั้ม Hey Man เป็นอัลบั้มสุดท้ายของวงที่มี Paul Gilbert เพราะในปี 1997 เขาก็ออกจากวง เพราะสาเหตุจากทิศทางดนตรีไม่ตรงกัน เขาไปออกงานเดี่ยวของตนเอง
Mr.BIG ได้ Richie Kotzen มือกีตาร์มาดเข้มมาแทน และได้ทำผลงานออกอีกสองอัลบั้ม
ในปี 2000 ออกอัลบั้มที่ชื่อว่า Get over it และ ปี 2001 ออก Actual size ที่ออกเฉพาะในญี่ปุ่น ขายได้หลายล้านก็อปปี้เช่นกัน
วง Mr.BIG ก็ต้องหยุดลงเพราะความไม่เข้าใจและทิศทางดนตรีที่ไม่ตรงกันในวง สร้างความผิดหวังให้กับแฟนเพลง โดยเฉพาะแฟนๆ ในญี่ปุ่น
ในปี 2009 ทางวง Mr.BIG ก็ประกาศว่า จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อฉลอง 20 ปีของ Mr.BIG นับจากอัลบั้มแรกเพื่อออกทัวร์ร่วมกัน โดยเริ่มจาก 6 คอนเสิร์ตในญี่ปุ่น และทั้ง 6 คอนเสิร์ต ขายหมดภายในไม่กี่นาทีหลังจากเปิดขายบัตร และในปีเดียวกันนี้ก็ได้มาทำการแสดงที่ประเทศไทยด้วย
 


“ดิ โอฬาร โปรเจ็คต์” เป็นสุดยอดศิลปินระดับตำนานที่สร้างผลงานเพลงมาตั้งแต่ปี 2528 และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกดนตรีเฮฟวี่เมทัล
ฉบับภาษาไทย หลากหลายบทเพลงของ “ดิ โอฬาร โปรเจ็คต์” กลายเป็นเพลงอมตะ แม้นจะเป็นเพลงมันส์ก็มันส์สุดขีด
หากเป็นเพลงช้าก็ซึ้งกินใจ เนื้อหาเพลงสวยงาม ภาคดนตรียอดเยี่ยมสมกับเป็นสุดยอดศิลปินรุ่นใหญ่
และแน่นอน...การร่วมตัวของพวกเขาครั้งนี้กับการร่วมฉลองครบรอบ Overdrive 25 ปี ถือเป็นสิ่งที่คุ้มเกินคุ้มสำหรับแฟนเพลง
โอกาสสำคัญนี้ไม่มีใครควรพลาดแม้แต่นาทีเดียว!
 
Discography
(1989) Mr. Big
อัลบั้มแรกของ Mr.Big ที่ใช้ชื่อตามชื่อวงของตัวเอง ซึ่งได้รับการโปรดิวส์โดย Kevin Elson และ Val Garay อัลบั้มนี้ได้ประกาศศักดาโดยการติดอันดับ 46 ใน Billboard 200 chart ด้วยซิงเกิ้ลสุดฮิต "Addicted to that Rush"
 
 
(1991) Lean into It
เป็นอัลบั้มที่สองจาก Mr. Big ซึ่งปล่อยออกมาในวันที่ 26 มีนาคม 1991 อัลบั้มนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ โดยการครองอันดับที่ 15 บน Billboard 200 charts ในขณะที่ซิงเกิ้ล "To Be with You" เป็นเพลงเแรก และเพลงเดียวของวงที่ขึ้นไปถึงอันดับที่ 1 บน Billboard Hot 100

 
(1993) Bump Ahead
อัลบั้มที่สามจาก Mr. Big ที่เป็นอัลบั้มของเพลงที่มีริฟฟ์กีต้าร์ที่เกรี้ยวกราด และมีเอกลักษณ์ ”Colorado Bulldog”

 
(1996) Hey Man
เป็นอัลบั้มที่สี่ Mr. Big. ซึ่งเป็นอัลบั้มสุดท้ายก่อนที่ Paul Gilbert จะแยกออกจากวง

 
(1999) Get Over It
อัลบั้มที่ห้าจาก Mr. Big.ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกหลังจากที่ Paul ได้ออกไป และในอัลบั้มนี้ก็ได้ Richie Kotzen มาเป็นมือกีต้าร์แทน
 
 
(2001) Actual Size
ถึงตอนนี้ Mr. Big ได้มีอัลบั้มถึงหกอัลบั้มแล้ว เป็นอัลบั้มที่สองและอัลบั้มสุดท้ายที่ทำร่วมกับ Richie Kotzen อีกทั้งยังมีเพลง "Shine" ที่ภายหลังถูกนำมาเป็นเพลงประกอบอนิเมชั่นเรื่อง Hellsing

 
(2011) What If...
อัลบั้มที่เจ็ดของ Mr. Big, ซึ่งปล่อยออกมาในปี ค.ศ. 2011 เป็นอัลบั้มแรกนับจากการรวมตัวกันในปี ค.ศ.2009 อัลบั้มแรกในรอบสิบปี และยังเป็นอัลบั้มแรกที่มีสมาชิกดั้งเดิมทั้งหมดรวมถึง Paul Gilbert ที่กลับมาร่วมวงนับจากปี 1996
 
 
(2014)...The Stories We Could Tell
อัลบั้มที่แปดโดย Mr. Big ซึ่งทำการบันทึกเสียงกับ Pat Regan (Kiss, Deep Purple, Warrant, Keel), โดยเป็น13 เพลงใหม่ที่มีเพลง "Gotta Love the Ride", "The Man Who Has Everything", "Just Let Your Heart Reside" และ "I Forget to Breathe"

 
(2017) Defying Gravity
อัลบั้มล่าสุดจาก Mr. Big เป็นอัลบั้มที่เก้า อัลบั้มนี้ได้มือกลองมาร่วมงานด้วยนั่นคือ Matt Starr ซึ่งมาร่วมงานตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 ด้วยสาเหตุจาก Pat Torpey ไม่สามารถเล่นกลองได้เพราะโรคประจำตัว แต่ยังรับหน้าที่ มีส่วนร่วมในฐานะ "drum producer" Defying Gravity เป็นอัลบั้มสุดท้ายของ Pat Torpey ซึ่งเขาได้จากไปในวันที่ 7กุมภาพันธ์ 2018


สมาชิก
Eric Martin (ร้องนำ)
Paul Gilbert (กีต้าร์,ร้องประสาน)
Billy Sheehan (เบส, ร้องประสาน)
Nick D'Virgilio (กลอง) ร่วมทัวร์สนับสนุน
 
 
สมาชิกในอดีต
Matt Starr (กลอง,ร้องประสาน) 2014-2018
Richie Kotzen (กีต้าร์) 1999-2001
Pat Torpey (กลอง,ร้องประสาน) 1989-2018
 
Eric Martin
Eric Lee Martin นักร้อง Hard rock ชาว อเมริกัน ที่เป็นที่รู้จักในช่วงปี 1980s, 1990s และ 2000s เขามีทั้งผลงานเดี่ยว และผลงานในการร่วมวงกับผู้อื่น เขาได้รับชื่อเสียง รวมทั้งเป็นที่รู้จักอย่างมากจากการเป็นนักร้องนำให้กับ Mr. Big
 

 
Paul Gilbert
Paul Brandon Gilbert มือกีต้าร์ชาวอเมริกัน ที่มีความสามารถและเป็นที่รู้จัก เขาเป็นที่รู้จักในนามสมาชิกผู้ก่อตั้งวง Mr. Big อีกทั้งยังเคยเป็นสมาชิกของวง Racer X กับการออกอัลบั้มมาหลายอัลบั้ม บวกกับการแยกวงของ Mr.Big ในปี 1996 จึงทำให้ Paul Gilbert มีโอกาสได้ออกผลงานเดี่ยวมามากมาย, นอกจากนี้ยังได้ไปร่วมงานกับศิลปินมากมายอีกด้วย
Gilbert ยังถูกโวตให้เป็นมือกีต้าร์ที่ดีที่สุดในอันดับที่สี่ใน Guitar One magazine's "Top 10 Greatest Guitar Shredders of All Time" และเขายังติดอันดับใน Guitar World's “50 มือกีต้าร์ที่เล่นเร็วที่สุดตลอดกาล”

 
 
Billy Sheehan
William "Billy" Sheehan มือเบสชาวอเมริกัน ที่เป็นที่รู้จักจากการร่วมงานกับ Talas, Steve Vai, David Lee Roth, Mr. Big, Niacin และ The Winery Dogs
Sheehan ยังได้รับตำแหน่ง "มือเบสร้อคที่ดีที่สุดใน" readers' poll จาก Guitar Player magazine ถึงห้าครั้งด้วยกันจากการเล่นเบสของเขา เรามักเห็นวิธีการเล่นคอร์ดบนเบส แทปปิ้งสองมือ และการใช้สามนิ้วในการดีดเบสจากการเล่นของ Sheehan
 
 
 
Nicholas D'Virgilio
เป็นมือกลอง นักร้อง และนักกีตาร์ชาวอเมริกัน เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะสมาชิกวง Spock's Beard วงโปรเกรสซีฟร็อก เขายังเป็นหนึ่งในสองมือกลองที่ได้รับเลือกให้มาแทนที่ Phil Collins ในวง Genesis ในอัลบั้ม Calling All Stations เขายังเคยร่วมงานกับศิลปินหลายคนรวมถึง Tears for Fears และ Mystery และเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของ Big Big Train
 
 
 
เพลงฮิต
To be with You
 
Green tinted sixties Mind
 
Wild World
 
Take Cover
 
และอีกมากมาย