[Interview] Death Cab For Cutie ตื่นเต้นพบแฟนเพลงชาวไทยครั้งแรก 3 มี.ค.นี้

บันเทิง
[Interview] Death Cab For Cutie ตื่นเต้นพบแฟนเพลงชาวไทยครั้งแรก 3 มี.ค.นี้

อีกไม่กี่วันแฟนเพลงเมืองไทยจะได้พบกับศิลปินวงร็อคระดับแนวหน้าของโลก Death Cab For Cutie วันนี้พวกเขาจะมาระเบิดความันส์ให้คอเพลงร็อคชาวไทยได้ชมกันอย่างเต็มที่


อีกไม่กี่วันแฟนเพลงเมืองไทยจะได้พบกับศิลปินวงร็อคระดับแนวหน้าของโลก Death Cab For Cutie วันนี้พวกเขาจะมาระเบิดความันส์ให้คอเพลงร็อคชาวไทยได้ชมกันอย่างเต็มที่ และเชื่อเลยว่าแฟนเพลงที่ติดตามและชื่นชอบ Death Cab For Cutie คงไม่มีใครพลาดการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้ใน Death Cab For Cutie Live in Bangkok วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 2559 ที่ มูนสตาร์ สตูดิโอ โรง 1 ซึ่งจะมีวง Polycat ศิลปินดังเมืองไทยเล่นเป็นวงเปิดในคอนเสิร์ตครั้งนี้อีกด้วย งานนี้เรามีบทสัมภาษณ์พิเศษของ Death Cab For Cutie มาให้แฟนเพลงได้เต็มอิ่มกันพร้อมเผยว่าตื่นเต้นกับการมาแสดงคอนเสิร์ตที่เมืองไทยครั้งนี้เป็นอย่างมาก

จากที่ Chris Walla ได้ออกไปจากวง แน่นอนว่าส่งผลกระทบอย่างมากกับพวกคุณ แต่ตอนที่พวกคุณกำลังทำอัลบั้ม “Kintsugi” พวกคุณรู้รึเปล่าว่าเขามีแผนที่จะออกไปจากวง และ ทำงานร่วมกับ Rich Costey เป็นอย่างไรบ้าง?
Nick: คริสบอกพวกเราในระหว่างที่พวกเรากำลังทำอัลบั้ม “Kintsugi” ว่าเขาจะออกจากวงก็เมื่อได้ทำอัลบั้มนี้เสร็จแล้ว เมื่อเขาตั้งใจแล้วว่าจะทำอัลบั้มนี้กับพวกเราให้สำเร็จก่อน เราก็ตกลงกันครับว่าจะเก็บเรื่องนี้กันไว้ก่อน เราเลือกที่จะไม่บอกโปรดิวเซอร์ของเรา (Rich Costey) และคนอื่นๆที่มีส่วนร่วมในการอัดเพลงของเรา เพื่อที่เราจะได้ทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและเป็นมืออาชีพที่สุด ถึงแม้ว่าพวกเรารู้ว่าคริสจะออกจากวง แต่เราก็ตั้งใจทำอัลบั้มนี้ออกมาให้เสร็จสมบูรณ์ด้วยกันทุกคนครับ

การที่เราได้ร่วมงานกับ Rich Costey เขาเป็นเหตุผลทืทำให้อัลบั้ม Kintsugi ออกมาเยี่ยมมากครับ เขาไม่ได้มีแค่ความรู้และความสามารถที่ใช้ในห้องอัดเสียง แต่เขามีเป้าหมายที่เขาตระหนักไว้และตรงนี้มันนำไปสู่กระบวนการที่สร้างสรรค์ครับ เราวางใจเขาที่เขาสามารถบอกเราได้อย่างไม่อ้อมค้อมว่าอะไรใช่หรือไม่ใช่ เขาคอยแนะนำเราตลอดครับ

Nick รบกวนบอกเราหน่อยว่าคุณใช้เบสของอะไร มีอุปกรณ์หรือเอฟเฟกต์อะไรเพิ่มเติมไหม และในการอัดเสียงกับแสดงสดคุณใช้อะไรบ้าง
Nick:
ในการแสดงสดผมใช้อุปกรณ์ชุดเดิมมาตลอดหลายปีครับ คือ Lakland 4 สาย P-Bass ผ่าน pedal board เข้าเบสแอมป์ Ashdown ABM 500 และใช้ตู้ลำโพง Fender 2x15 pedal board ของผมมี tuner, ProCo Deucetone Rat, Reverb pedal และ Maxon Analog ดีเลย์ครับ

ส่วนในสตูดิโอผมใช้เบสของ Lakland กับตู้ของ Fender แต่ส่วนใหญ่ผมจะอัดด้วยหัว Ampeg SVT 2 ผมจะอัดไปเลยซะส่วนใหญ่ มีบางส่วนที่เราอาจจะตัดช่วงท่อนบิดเบือนหรือบางท่อนอาจใช้ effect ปรับจาก pedal board ของ Rich Costey บางอย่างเราก็หยิบอุปกรณ์จากในสตูดิโอมาใช้ จนกว่าเราจะพอใจกับเพลงที่เราทำอยู่

ตอนนี้พวกคุณปล่อยอัลบั้มออกมา 8 อัลบั้มแล้ว และแน่นอนว่าอนาคตต้องมีอีกแน่ เพราะฉะนั้นมันยากไหมที่ต้องเลือกว่าเพลงไหนคุณจะเล่นหรือไม่เล่นเวลาแสดงสด?
Nick:
มันก็ยากนิดนึงครับ เพราะเรามีหลายเพลงให้เลือก แต่แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเล่นทุกเพลงที่แฟนเพลงของเราอยากได้ยิน เราพยายามที่จะเล่นเพลงที่ทุกคนรู้จักกันแต่เราก็เล่นเพลงจากอัลบั้มใหม่ของแต่ละอัลบั้มด้วยครับ เราคงไม่สามารถแสดงสด 4 ชั่วโมงได้ แต่ถ้าหากเพลงไหนที่เราไม่ได้เล่นให้ฟัง คราวต่อไปเราจะกลับมาเล่นให้ครับ

อัลบั้มไหนของวงคุณที่คุณชอบมากที่สุด และ ทำไมถึงชอบ?
Nick:
อัลบั้ม Kintsugi ครับ ช่วงที่เราใช้เวลาทำอัลบั้มนี้ในฐานะวงดนตรีมันเยี่ยมมาก แต่ก็มีอุปสรรค์ที่เราต้องผ่านมันไปเพื่อที่จะเติบโตขึ้น เพลงจากอัลบั้มนี้มาจากการที่เราได้ออกไปทัวร์แล้วมันก็มาจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ในตัวพวกเรา พวกเรามีพลังความกระตือรือร้นว่าต่อไปจะมีอะไรมาท้ายทายความรู้สึกนี้ของพวกเราอีกบ้างในอนาคต

เราทราบมาว่าพวกคุณอยากมาประเทศไทยมากๆ พวกคุณตั้งตาคอยอะไรที่นี่เป็นพิเศษรึเปล่า? พวกคุณเคยมาเที่ยวที่ประเทศไทยรึยัง? มีอะไรจะทักทายแฟนเพลงชาวไทยที่รอดูคอนเสิร์ตของพวกคุณในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ไหม?
Nick:
ผมไม่เคยมาประเทศไทยครับ แต่ผมตื่นเต้นมาที่จะได้มาแสดงคอนเสิร์ต ผมหวังว่าจะได้ทานอาหารไทยและรู้จักวัฒนธรรมไทย ผมอยากจะเดินและเที่ยวรอบๆกรุงเทพให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ แต่แย่หน่อยครับ เพราะพวกเราจะได้อยู่ในประเทศไทยเพียงแค่สองวันเท่านั้น มันมีอะไรที่ผมอยากเจอและทำเยอะไปหมด ตั้งแต่ตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่าผมต้องกลับมาประเทศไทยให้ได้ ขอบคุณแฟนเพลงชาวไทยที่ยังสนับสนุนและรอเจอพวกเราครับ เราตื่นเต้นที่จะได้มีโอกาสแสดงให้พวกคุณดู



มีคำแนะนำสำหรับวงใหม่ๆหรือวงไหนที่กำลังทำเพลงในวงการ indie และ อยากมีชื่อเสียงแบบพวกคุณไหม?
Nick:
ผมไม่มีอะไรเจาะจงที่จะแนะนำหรอกครับ อุตสาหกรรมดนตรีมันเปลี่ยนไปมากนับตั้งแต่เราก่อตั้งวงในปี 1998 จริงๆเวลาแค่ 5 ปีมันก็เปลี่ยนไปเยอะแล้วครับ มันอาจจะยากหน่อยที่จะมองเห็นหนทาง แต่อย่างนึงที่ผมจะบอกคือ ถ้าคุณอยู่ในวงดนตรี เล่นคอนเสิร์ตครับ ออกทัวร์ เล่นคอนเสิร์ต ออกทัวร์อีกไปเรื่อยๆ แน่นอนว่ามันสนุกเวลาคุณเล่นดนตรีต่อหน้าเพื่อนๆของคุณ แต่คุณจะได้เรียนรู้อีกเยอะเมื่อคุณเล่นดนตรีต่อหน้าคนแปลกหน้าในที่ต่างๆ ผมจำได้ว่าในช่วงที่เราทัวร์ครั้งแรกๆเรายังคิดกันอยู่เลยว่ามันจะเป็นไปได้รึเปล่าที่พวกเราจะยึดสิ่งนี้เป็นอาชีพหลัก โชคดีที่สมัยที่พวกเรากำลังพัฒนาวงไม่มีใครสนใจเรามากนัก วงเราเลยเติบโตขึ้นในระดับที่ไม่ก้าวกระโดดพวกเราเลยสามารถที่จะทำสิ่งที่เราต้องการต่อไปได้เรื่อยๆ ผมสงสารวงสมัยนี้นะครับ พวกเขาต้องเจ๋งและดังในทันทีที่ออกมาสู่สายตาคนภายนอกโลกอินเตอร์เน็ตบังคับให้วงต้องใช้ชีวิตอยู่หน้าไฟ Spotlight ตั้งแต่เข้าวงการ ผมคิดว่าเราโชคดีที่ไม่เคยถูกกดดันแบบนั้น

ถ้าไม่ได้เป็นนักดนตรีคุณคิดว่าคุณจะทำอาชีพอะไร มีอะไรที่คุณอยากทำบ้างไหม
Nick:
ผมไม่รู้เหมือนกัน มีแง่มุมนึงที่ผมชอบของการเป็นนักดนตรี คือ การได้เป็นเจ้านายตนเอง ถ้าผมไม่ได้เล่นดนตรีน่ะเหรอ ผมอาจจะไปทำอะไรที่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์หน่อย หรือ ทำอาชีพที่ผมจะได้เป็นเจ้านายของตนเอง และ ตัดสินใจเกี่ยวกับอาชีพของตนเองได้ ผมอยากเป็นอะไรน่ะเหรอ? ผมไม่รู้จริงๆ ผมก็มีงานอดิเรกที่ผมชอบทำนะครับ แต่ว่าก็ไม่อยากให้มีอะไรมากดดันมัน ตอนนี้ผมยังไมรู้เลย แต่เดี๋ยวก็คงคิดออก

ในปัจจุบัน ศิลปินหลายคนหันมาจับมือทำงานร่วมกันมากขึ้น แล้วพวกคุณล่ะ มีแผนที่จะร่วมงานกับศิลปินคนไหนบ้างรึเปล่า
Nick :
เราเปิดหูเปิดตารอโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับศิลปินเสมอครับ เราโชคดีมากที่ได้รู้จักกับคนที่มีความสามารถมากมายในหลายอาชีพครับ ผมคิดว่าการร่วมงานที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือการได้ร่วมงานกับคนที่คุณคาดไม่ถึง ผมอยากจะทำงานร่วมกับ ผู้ผลิตภาพยนตร์ นักดนตรี นักเขียน และ ศิลปินมากมายคงบอกไม่หมดหรอกครับ

สัมภาษณ์และแปลโดย : Grace Haner

ห้ามพลาด!!! ประสบการณ์ดนตรีสุดพิเศษครั้งแรกในเมืองไทยของวง Death Cab for Cutie ใน Death Cab for Cutie Live in Bangkok วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 2559 ที่ มูนสตาร์ สตูดิโอ โรง 1 บัตรราคา 1,800 บาท

ที่มา :  

เเท็กที่เกี่ยวข้อง : Death Cab for Cutie Live in Bangkok Death Cab for Cutie