พลังแห่งอัลเทอร์เนทีฟร็อคจาก DEATH CAB FOR CUTIE

บันเทิง
พลังแห่งอัลเทอร์เนทีฟร็อคจาก DEATH CAB FOR CUTIE

What’s going on, Bangkok! คำทักทายแรกจากฟร้อนต์แมนสุดเท่ เบน กิบบาร์ด หลังผ่าน 3 เพลงแรกของโชว์ไปเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า Death Cab for Cutie Live in Bangkok 2016 เริ่มต้น


หลังจากเมื่อช่วงบ่ายของเมื่อวาน การสนทนาระหว่าง บิลบอร์ด ไทยแลนด์ และสองสมาชิกวง Death Cab for Cutie อย่าง นิค ฮาร์เมอร์ (เบส) และ เจสัน แม็คเกอร์ (กลอง) สิ้นสุดลง เราก็ถือโอกาสพักสักเล็กน้อย ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังมูนสตาร์ สตูดิโอ ย่านลาดพร้าว สถานที่จัดงาน “Death Cab for Cutie Live in Bangkok” ซึ่งเท่าที่คุยกับผู้จัดอย่าง VIJI Corp ก็บอกเล่าว่ามีแฟนเพลงให้ความสนใจเกินความคาดหมายเลยทีเดียว


แต่ดูเหมือนว่าเราจะกะเวลาพลาดไปสักหน่อย เพราะการจราจรแถบนั้นในช่วงเย็นช่างเป็นอะไรที่เหนือคำอธิบาย ถึงงานปุ๊บ Polycat กำลังขับกล่อมซาวนด์ดนตรีในยุค 80s อยู่บนเวทีแล้ว แว่วมาว่านำเพลงในอัลบั้มล่าสุดอย่าง 80KISSES มาเล่นหลายเพลงอยู่เหมือนกัน เสียดายที่มาฟังไม่ทัน แต่ก็ไม่เป็นไร ยังทันมาร่วมร้องท่อน “Alright” ในเพลง มันเป็นใคร กับคนอื่นเขาทัน ปิดท้ายด้วย พบกันใหม่ ที่คนดูช่วย #เหย่ กันถ้วนหน้า

“What’s going on, Bangkok!” คำทักทายแรกจากฟร้อนต์แมนสุดเท่ เบน กิบบาร์ด หลังผ่าน 3 เพลงแรกของโชว์ไปเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า Death Cab for Cutie Live in Bangkok 2016 เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ก่อนที่พวกเขาจะไล่เรียง 3 เพลงฮิตแบบรวดเดียว ไม่ว่าจะเป็นฟีลลิ่งแบบจมดิ่งกับ Black Sun จากอัลบั้มล่าสุด Kintsugi, The New Year ที่เริ่มเร่งจังหวะให้คึกคักขึ้น ก่อนที่แทร็ค The Ghosts of Beverly Drive จากอัลบั้มใหม่เช่นกันจะทำเอาคนดูโยกตามกันยับ



อัลเทอร์เนทีฟร็อคจากวอชิงตันวงนี้พูดค่อนข้างน้อย แต่พลังบนเวทีนั้นเหลือกินจริงๆ ต่อด้วย Title and Registration และ Little Wanderer ที่ยังคงรักษาจังหวะโยกเบาๆ เอาไว้ ก่อนที่หนุ่มเบนจะย้ายร่างกายไปบรรเลงเปียโนกับอีกหนึ่งเพลงที่ไลน์ดนตรีเท่มากอย่าง What Sarah Said
 
ถึงคิวเมดเลย์เพลงฮิตอีกหน! เริ่มต้นด้วย I Will Follow You Into The Dark เพลงดังจากอัลบั้ม Plans ที่ร้องตามกันทั้งฮอลล์ แถมเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนเพลงชาวไทยด้วยเนื้อเพลงวรรคหนึ่งที่กล่าวถึงกรุงเทพมหานครของเราด้วย อีกทั้งลีลาเดี่ยวกีตาร์โปร่งของหนุ่มเบนก็เท่เสียเหลือเกิน ต่อกันด้วยพลังระดับมหาศาลจากแทร็ค I Will Possess Your Heart ที่ไลน์เบสในท่อนอินโทรและเอาต์โทรจาก นิค ฮาร์เมอร์ นั้นเด็ดดวงมาก ซึ่งเวลา 8 นาทีกว่าๆ ของเพลงนี้ตรึงคนดูได้อยู่หมัดตลอดทั้งเพลง ปิดท้ายช่วงนี้ด้วย You Are A Tourist ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลที่ขึ้นถึงอันดับ 1 ของหลายชาร์ตเพลงทั่วโลก ริทึ่มเจ๋ง ลีดกีตาร์จี๊ดจ๊าด แน่ล่ะ… โยกตามกันเพลิน! และแม้ว่าจะเป็นซีเควนซ์เพลงฮิตล้วนๆ แต่การได้ดู 3 เพลงนี้สดๆ บนเวที มันคือจุดพีคของโชว์นี้อย่างไม่ต้องสงสัย พลังมาเต็มมาก!


มาถึงช่วงท้ายของโชว์ เบน กิบบาร์ด ยังคงเป็นหนึ่งเดียวของวงที่พูดคุยกับแฟนเพลงระหว่างคั่นเพลง… ซึ่งเอาจริงๆ ก็น้อยครั้งมาก แต่รอบนี้ถือว่าเด็ดสุด เพราะนอกจากเขาจะกล่าวขอบคุณแฟนเพลงชาวไทย และบอกว่ารู้สึกเป็นเกียรติมากแล้ว เขายังเอ่ยคำขอบคุณถึงวง Polycat ด้วย!!! ก่อนจะถึงคิว 3 เพลงสุดท้ายอย่าง Cath…, Soul Meets Body และ Bixby Canyon Bridge

เสียงอังกอร์ดังขึ้น Death Cab for Cutie กลับขึ้นมาบนเวทีตามธรรมเนียม และแถมให้อีก 3 เพลง โดยเฉพาะเพลงสุดท้ายอย่าง Transatlanticism นั้นถือเป็นบทสรุปความเจ๋งของโชว์ในค่ำคืนนั้นได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ!



การเดินทางมาเล่นคอนเสิร์ตครั้งแรกในเมืองไทยของ Death Cab for Cutie ในครั้งนี้ตอบโจทย์ทุกคำถาม… เหตุใดพวกเขาจึงอยู่ในวงการเพลงมายาวนานถึงเกือบ 20 ปี มีสตูดิโออัลบั้มมากถึง 8 ชุด รวมถึงอัลบั้มล่าสุด Kintsugi ที่เข้าชิงรางวัลแกรมมี่สาขา Best Rock Album สิ่งที่เห็นบนเวทีคือคำตอบของทุกอย่าง รวมถึงชื่อเสียงร่ำลือที่ว่ากันว่า เป็นวงดนตรีที่มีการร้อยเรียงเพลงในโชว์ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งมันก็ไหลลื่นแบบไม่มีช่วงไหนที่น่าเบื่อเลยสักนิดเลยจริงๆ

น้ำเสียงเท่ๆ ไม่ประดิดประดอยของ เบน กิบบาร์ด มีเสน่ห์มาก ความเข้าขากันของมือเบส นิค ฮาร์เมอร์ และมือกลอง เจสัน แม็คเกอร์ รวมถึงนักดนตรีแบ็คอัพอีก 2 ท่านทำให้เพอร์ฟอแมนซ์บนเวทีเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง และที่ฟินสุดๆ อีกเรื่องคงหนีไม่พ้นเรื่องซาวนด์บนเวทีซึ่งดีงามมาก วงระดับโลกที่มาคู่กับซาวนด์ระดับเทพ ไม่ฟินให้มันรู้กันไป!

ที่มา :