เกาะตะรุเตา สวรรค์ของนักเดินทาง ผู้หลงรักท้องทะเล

ข่าวประชาสัมพันธ์
เกาะตะรุเตา สวรรค์ของนักเดินทาง ผู้หลงรักท้องทะเล

ดินแดนของนักโทษการเมืองในอดีต ที่เล่าขานกันว่าเป็นนรกกลางทะเลอันดามัน ทว่าปัจจุบันกลับกลายเป็นสวรรค์ของผู้รักการเดินทางไปเสียแล้ว


เกาะตะรุเตา จังหวัดสตูล ... ดินแดนของนักโทษการเมืองในอดีต ที่เล่าขานกันว่าเป็นนรกกลางทะเลอันดามัน ทว่าปัจจุบันกลับกลายเป็นสวรรค์ของผู้รักการเดินทางไปเสียแล้ว เหตุเพราะมีทิวทัศน์ที่งดงาม ผืนน้ำใสสีมรกต ทรัพยากรใต้ท้องทะเลก็ยังคงอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีประติมากรรมธรรมชาติที่ "เกาะไข่" และหาดหินบน "เกาะหินงาม" หรือ "เกาะอาดัง เกาะราวี" ที่มีหาดทรายสีขาวนุ่มเนียนละเอียดละออ รวมไปถึงอีกหลายเกาะ หลายอ่าวที่แสนงดงาม จนชาวมลายูเรียกชื่อหมู่เกาะแห่งนี้ว่า "ตะโละเตรา" ในภาษามลายูแปลว่า มีอ่าวมาก เพราะมีเกาะต่างๆ อยู่ถึง 50 เกาะ ก่อนจะเพี้ยนมาเป็นคำว่า "ตะรุเตา"


ซึ่งต่อมาได้รับการประกาศให้เป็น "อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา" เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2517 ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ภูมิทัศน์ที่งดงาม ทำให้ในปี พ.ศ. 2525 ได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน (ASEAN Heritage Parks and Reserves)

นอกจากสภาพธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แล้ว เกาะตะรุเตายังมีประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ โดยในปี พ.ศ. 2479 รัฐบาลมีนโยบายให้กรมราชทัณฑ์จัดหาสถานที่เพื่อจัดตั้งนิคมฝึกอาชีพ และเป็นสถานที่กักกันนักโทษ เกาะตะรุเตาซึ่งอยู่ห่างไกลจากฝั่ง เต็มไปด้วยปัจจัยทางธรรมชาติที่เป็นอุปสรรคต่อการหลบหนี ก็ได้ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่จัดตั้งนิคมดังกล่าว มีการจัดสร้างอาคารที่ทำการ บ้านพักของผู้คุม เรือนนอนนักโทษ และโรงฝึกอาชีพขึ้นที่อ่าวตะโละวาว และอ่าวตะโละอุดัง

 





ในปี พ.ศ.2481 นักโทษชุดแรกจำนวน 500 คนก็ได้เดินทางมายังตะรุเตา และทยอยเข้ามาอีกเรื่อย ๆ จนมีนักโทษเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 3,000 คน และในช่วงปี พ.ศ.2482 รัฐบาลได้ส่งนักโทษการเมือง 70 คน ซึ่งเป็นกลุ่มนักโทษจากเหตุการณ์กบฏบวรเดชและกบฏนายสิบ มากักบริเวณอยู่ที่อ่าวตะโละอุดัง จากนั้นในปี พ.ศ.2484 สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อุบัติขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อนิคมฝึกอาชีพตะรุเตา เนื่องจากเกิดภาวะขาดแคลนอาหาร และยารักษาโรค นักโทษเจ็บป่วยล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ผู้คุมและนักโทษจำนวนหนึ่งจึงได้ออกปล้นสะดมเรือสินค้าที่ผ่านไปมาในน่านน้ำบริเวณช่องแคบมะละกา จนทำให้เรือสินค้าไม่กล้าล่องเรือผ่านมาในบริเวณนั้น

ต่อมาในปี พ.ศ.2489 รัฐบาลอังกฤษซึ่งปกครองมลายูอยู่ในขณะนั้น ได้ขออนุญาตจากรัฐบาลไทยในการส่งกองกำลังเข้าปราบปรามโจรสลัดตะรุเตาจนสำเร็จ ต่อมากรมราชทัณฑ์ได้ประกาศยกเลิกนิคมฝึกอาชีพตะรุเตา และหลังจากนั้นเกาะตะรุเตาก็ถูกทิ้งร้างเป็นเวลา 26 ปี จนกระทั่งได้ประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติตะรุเตาขึ้น และกลับมาเลืองชื่อลือนามเรื่องความงดงามอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับ
สถานที่น่าสนใจบนเกาะตะรุเตา ได้แก่...


อ่าวพันเตมะละกา
มีชายหาดยาวขาวสะอาด เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติตะรุเตา และศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนหนึ่งจัดเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับเรื่องของธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของเกาะตะรุเตา อ่าวพันเตมะละกายังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม และจากอ่าวพันเตมะละกายังสามารถเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวผาโต๊ะบูได้อีกด้วย ทั้งนี้ จากอ่าวพันเตมะละกา สามารถมองเห็นเกาะบุโหลน เกาะกลาง เกาะไข่ เกาะอาดัง เกาะราวี หมู่เกาะเภตรา และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกมุมหนึ่ง

อ่าวจาก
เป็นอ่าวเล็กๆ ติดต่อกับอ่าวพันเตมะละกา บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะต่อการพักผ่อน


อ่าวเมาะและ
ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 4 กิโลเมตร มีหาดทรายขาวสะอาด และดงมะพร้าวสวยงาม เงียบสงบ มีบังกะโลเหมาะสำหรับพักผ่อน เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว

อ่าวสน
ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 8 กิโลเมตร เป็นอ่าวรูปโค้งที่มีหาดทรายสลับกับหาดหิน และเป็นที่วางไข่ของเต่าทะเล มีจุดกางเต็นท์ บริการอาหารและเครื่องดื่ม มีน้ำตกขนาดเล็กคือ น้ำตกลูดู และน้ำตกโละโป๊ะ เหมาะสำหรับเดินป่าศึกษาธรรมชาติ

อ่าวตะโละวาว
อยู่ทิศตะวันออกของเกาะ เป็นจุดที่สามารถชมดวงอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกมุมหนึ่ง เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ ตต.1 (ตะโละวาว) พื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ตั้งนิคมฝึกอาชีพสำหรับนักโทษกักกันและนักโทษอุกฉกรรจ์ ปัจจุบันทางอุทยานฯได้จำลองอาคารสถานที่ที่เคยอยู่ในนิคมฝึกอาชีพ เช่น บ้านพักของผู้คุม เรือนนอนของนักโทษ โรงฝึกอาชีพ หลุมศพ 700 ศพ ไว้ในบริเวณดังกล่าว


อ่าวตะโละอุดัง
อยู่ทางทิศใต้ของเกาะ ห่างจากเกาะลังกาวี 8 กิโลเมตร จุดเด่นคือ มีหินซีกขนาดใหญ่ตั้งเด่นเป็นสัญลักษณ์ด้านหน้าอ่าว มีสะพานสำหรับเรือจอด และเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯที่ ตต.2 (ตะโละอุดัง) ในอดีตเคยเป็นที่กักกันนักโทษการเมือง กลุ่มนักโทษจากเหตุการณ์กบฏบวรเดช และกบฏนายสิบ

น้ำตกลูดู
เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีความสวยงาม อยู่ห่างจากอ่าวสนประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งจากบริเวณอ่าวสนมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติไปยังน้ำตกลูดู


ถ้ำจระเข้
เป็นถ้ำที่มีความลึกประมาณ 300 เมตร ภายในมีหินงอกหินย้อยสวยงามและมีลักษณะแตกต่างกันไป  การเดินทางไปถ้ำจระเข้ต้องนั่งเรือหางยาวไปตามคลองพันเตมะละกา ซึ่งอุดมไปด้วยป่าชายเลนที่มีไม้โกงกางจำนวนมากตลอดสองฝั่งคลองโดยใช้เวลาล่องเรือประมาณ 20 นาทีและใช้เวลาชมถ้ำประมาณหนึ่งชั่วโมง  ติดต่อได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานฯ  ผู้ที่จะเที่ยวชมภายในตัวถ้ำควรนำไฟฉายไปด้วย
 
จุดชมวิว "ผาโต๊ะบู"
เป็นหน้าผาสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 60 เมตร เส้นทางเดินขึ้นไปตามแนวป่าดิบแล้ง ใช้เวลาเดินขึ้นจุดชมวิวประมาณ 20 นาที อยู่ด้านหลังที่ทำการอุทยานฯ เป็นจุดชมทิวทัศน์ของเกาะบริเวณชายหาด    
     
 



ที่พักอุทยานแห่งชาติตะรุเตา
ในเขตอุทยานฯ มีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยวบนเกาะตะรุเตาและเกาะอาดัง สอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โทรศัพท์ 0 2562 0760 หรือ www.dnp.go.th, ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติตะรุเตา บริเวณท่าเรือปากบารา ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล 91110 โทรศัพท์ 0 7478 3485, 0 7478 3597, 0 7478 1285 และหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต.1 (อ่าวพันเตมะละกา) บนเกาะตะรุเตา โทรศัพท์ 0 7472 9002-3

การเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา และหมู่เกาะต่าง ๆ ในพื้นที่อุทยานฯ
ท่าเรือปากบารา อยู่ห่างจากอำเภอละงูประมาณ 8 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ปากคลองละงู ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู เป็นท่าเรือที่อยู่ใกล้เกาะตะรุเตามากที่สุด ระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร และใกล้ท่าเรือเป็นที่ตั้งของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติตะรุเตา


จากจังหวัดตรัง – ท่าเรือปากบารา

รถโดยสารประจำทาง ตรัง – สตูล ออกจากตัวเมืองตรัง ถนนรัษฎา ทุกๆ 1 ชั่วโมง มีบริการตั้งแต่เวลา 06.00-17.00 น. ลงที่สามแยกเข้าละงู ต่อด้วยรถสองแถวไปท่าเรือปากบารา ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นประมาณ 2 ชั่วโมง
รถแท็กซี่ ตรัง – สตูล ออกจากตัวเมืองตรัง ถนนรัษฎา ติดกับคิวรถโดยสารประจำทาง มีบริการตั้งแต่เวลา06.00-17.30 น. ของทุกวัน ผ่านอำเภอย่านตาขาว อำเภอปะเหลียน ลงที่สามแยกเข้าอำเภอละงู ต่อด้วยรถสองแถวหรือมอเตอร์ไซด์รับจ้างสู่ท่าเรือปากบารา
 



จากอำเภอเมือง จังหวัดสตูล-ท่าเรือปากบารา

รถยนต์ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 406 ถึงบ้านฉลุง แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 416 (สตูล-ละงู) ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 4052 ซึ่งแยกจาก อำเภอละงู ตรงไปสู่ท่าเรือปากบารา ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร
รถโดยสาร มีรถแท็กซี่โดยสารสายสตูล-ปากบารา ออกจากตัวเมืองสตูล บริเวณข้างธนาคารกรุงเทพ สาขาสตูล วิ่งบริการวันละหลายเที่ยว นอกจากนี้ยังมีรถสองแถวและรถตู้ วิ่งบริการจากบริเวณตัวเมืองด้วย

จากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา-ท่าเรือปากบารา


รถยนต์ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 406 ถึงบ้านฉลุง จังหวัดสตูล แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 416 (สตูล-ละงู) ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 4052 ซึ่งแยกจาก อำเภอละงู ตรงไปสู่ท่าเรือปากบารา
รถตู้โดยสาร จอดที่หน้าตลาดเกษตรฯ ถนนเพชรเกษม ตั้งแต่เวลา 07.30-18.30 น. รถจะออกทุก 1 ชั่วโมง ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง (สามารถนั่งรถตุ๊ก ๆ จากหน้าสถานีรถไฟไปลงที่ตลาดเกษตรฯราคา 10 บาท) สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท สตูลขนส่ง จำกัด (คิวรถตู้หาดใหญ่) โทรศัพท์ 0 7424 5655


ที่มา :