สามเหลี่ยมทองคำ ความทรงจำจากแดนฝิ่นสู่ถิ่นฝันริมฝั่งโขง

กินเที่ยว
สามเหลี่ยมทองคำ ความทรงจำจากแดนฝิ่นสู่ถิ่นฝันริมฝั่งโขง

แม้ว่าสามเหลี่ยมทองคำจะตั้งอยู่ไกลถึงชายแดนฝั่งตรงข้ามประเทศพม่าและลาว แต่ก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะตรงจุดนี้สามารถมองข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้พร้อมๆ กัน

   
  ภาพจำที่มีต่อ สามเหลี่ยมทองคำ เมื่อหลายสิบปีก่อนคงยากจะปฏิเสธว่า พื้นที่รอยต่อชายแดนระหว่างสามประเทศซึ่งได้แก่ ไทย ลาว และพม่า เคยขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการปลูกฝิ่นเพื่อใช้ในการผลิตยาเสพติดหลาก หลายประเภท และยังเป็นต้นทางสำคัญในการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ประดุจปีศาจไปยังซอกมุมต่างๆ ของโลกอีกด้วย แต่ถึงแม้ว่าชื่อเรียกจะฟังดูมีความหมายไปในทางที่ดีก็จริงอยู่ ทว่าทราบหรือไม่ว่าที่มาของชื่อ“สามเหลี่ยมทองคำ” นั้น มาจากความมั่งคั่งของทองคำที่ใช้เป็นเครื่องแลกเปลี่ยนกับฝิ่นดิบที่มีลักษณะเป็นยางเหนียวข้นหรืออีกชื่อเรียกคือ ทองดำ ในปริมาณน้ำหนักเท่าๆ กัน หลายครั้งทองคำที่นำมาใช้แลกฝิ่นนั้นกลับถูกยัดไส้ด้วยของปลอม จึงต้องผ่าพิสูจน์เพื่อความแน่ใจกันก่อนที่จะสามารถตกลงกันได้ และแน่นอนว่าเรื่องราวด้านลบที่เคยเกิดขึ้นนั้น ปัจจุบันได้เลือนหายไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงและถูกแทนที่ด้วยสิ่งใหม่ กระทั่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันมากเรื่องราวและชวนค้นหาไปในที่สุด 
ทั้งนี้ด้วยลักษณะภูมิประเทศในบริเวณดังกล่าวนั้น มีแม่น้ำโขงซึ่งไหลมาบรรจบกับแม่น้ำรวกที่ไหลมาจากพม่าจึงทำให้ทั้ง 3 ประเทศมีเส้นอาณาเขตธรรมชาติที่มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลากั้นอยู่ เมื่อนักท่องเที่ยวได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ก็สามารถมองข้ามไปยังประเทศเพื่อน บ้าน ทั้งพม่าซึ่งตั้งอยู่ฝั่งซ้ายและประเทศลาวทางขวามือได้ค่อนข้างชัดเจน แต่ก่อนอื่นเลยเราน่าจะไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่าง พระเชียงแสนสี่แผ่นดิน หรือพระพุทธนวล้านตื้อ ลือโลก ซึ่งทำด้วยทองสัมฤทธิ์ขนาดหน้าตักกว้าง 10 เมตร ความสูงถึง 15 เมตร ประดิษฐานกลางแจ้งบนเรือแก้วกุศลธรรม สร้างขึ้นเพื่อทดแทนพระองค์เดิมที่จมแม่น้ำโขงลงไป จากนั้นจะพาไปบริจาคเงินทำบุญที่มีรูปแบบสนุกๆ ด้วยการปล่อยเหรียญให้วิ่งตามท่อเหล็กลงไปยังสะดือพระสังกัจจายน์หยกสีขาว ที่ประดิษฐานอยู่เบื้องล่าง นี่ก็ถือเป็นเทคนิคหนึ่งที่สามารถดึงความสนใจของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่าง ดี เรียกว่าได้ทั้งบุญพร้อมกับได้ลุ้นไปในตัว แล้วอย่าได้เผลอหย่อนธนบัตรลงไปล่ะ เพราะมันไม่สามารถกลิ้งตัวไปข้างล่างได้ หนำซ้ำยังจะทำให้ท่อเหล็กเกิดตันขึ้นมาจะพาลให้คนข้างหลังอารมณ์เสียขึ้นมา ได้        
ส่วนใครที่ยังไม่จุใจกับการขอพรแล้วละก็ ใกล้ๆ กันนั้นยังมี อนุสาวรีย์พระเจ้าแสนภู ให้ได้สักการะพร้อมกับการเดินลอดรูปปั้นช้างที่เชื่อกันว่าจะเป็นการปัดเป่าเคราะห์โศกต่างๆ จากนั้นก็อย่าได้เสียเวลาเชิญขึ้นไปยัง วัดพระธาตุภูเข้า ซึ่งด้านบนนี้สามารถชื่นชมความงามของภูมิประเทศที่เห็นเป็นทิวทัศน์ของขุน เขาวางตัวสลับซับซ้อน ทั้งฝั่งพม่าและลาวพร้อมกับสายน้ำโขงที่ไหลพาดผ่านและคอยหล่อเลี้ยงวิถี ชีวิตผู้คนสองฝั่งมาอย่างช้านาน รวมถึงยังเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่แตกต่างเข้า ไว้ด้วยกันอีกด้วย 
ถึงตอนนี้เริ่มมีบางคนอยากจะลองทักทายทำความรู้จักแม่น้ำสายนี้ให้มาก ขึ้น นั่นก็คงไม่มีวิธีใดจะดีไปกว่าการลงเรือล่องชมบรรยากาศริมสายน้ำ นั่งละเลียดสายลมที่พัดมาพร้อมความสุขกันให้อิ่มอกอิ่มใจ ทั้งนี้ก่อนกลับก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะไปเยือน หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ หรืออีกแห่งก็คือ พิพิธภัณฑ์บ้านหอฝิ่น ที่ดูแลรับผิดชอบโดยเอกชน ซึ่งทั้งสองแห้งนี้ได้เก็บรวบรวมข้อมูลและเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพืชรูปงามแต่แผลงฤทธิ์ร้ายกาจชนิดนี้ไว้อย่างครบถ้วน และเวลาที่เราหมดไปกับบริเวณชายขอบประเทศไทย ณ สามเหลี่ยมทองคำ แห่งนี้บอกได้เลยว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีไม่น้อย ก็ลองนึกดูว่าจากจุดนี้เราสามารถมองเห็นเพื่อนบ้านได้ทีเดียว 2 ประเทศ ถ้าคิดแค่นี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว   


- บริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำนักท่องเที่ยวสามารถพักค้างคืนได้ ซึ่งมีโรงแรมหลากหลายขนาดให้เลือกใช้บริการ
- อัตราค่าบริการเรือหางยาวล่องแม่น้ำโขงอยู่ที่ 400 บาท / ลำ และโดยสารได้ไม่เกิน 5 คน
- นอกจากนี้ หากใครสนใจข้ามไปเที่ยวยังตลาดชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งลาวและพม่า ก็สามารถว่าจ้างเรือให้พาไปได้

 

ที่อยู่ : สามเหลี่ยมทองคำ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
GPS :  20.352870, 100.082910
เวลาทำการ : หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ
เปิดให้เข้าชม ทุกวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30 น.-16.00 น.
สอบถามโทร 053-784-444-6 

พิพิธภัณฑ์บ้านฝิ่น 

เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 น.-17.00 น. ค่าเข้าชม 20 บาท
สอบถามโทร 053-784-060-2 , 081-724-5294
ช่วงเวลาแนะนำ : ช่วงเช้าตอนพระอาทิตย์ขึ้น หรือช่วงบ่ายแก่ๆ เพราะอากาศไม่ร้อนเกินไป
ไฮไลท์ : สักการะพระพุทธนวตื้อ
พิพิธภัณฑ์ฝิ่น
ล่องเรือแม่น้ำโขง 
กิจกรรม : ท่องเที่ยวสำหรับวันพักผ่อน
ถ่ายรูปคู่ซุ้มประตูสามเหลี่ยมทองคำ
ช็อปปิ้ง
นมัสการพระพุทธนวตื้อ
แวะเที่ยวต่างจุดสำคัญต่างๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง


รถยนต์ส่วนตัว
จากตัวเมืองเชียงราย สามารถใช้ทางหลวงหมายเลข 1 หรือ ถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าไปทางอำเภอแม่จัน จนเมื่อผ่านอำเภอแม่จันแล้วให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1016 (แม่จัน-เชียงแสน) วิ่งไปประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งก่อนถึงกำแพงเมืองเก่าเชียงแสนจะพบสี่แยกสามารถเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทาง หลวงหมายเลข 1290 และวิ่งต่อไปประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร    

รถประจำทาง
จากเชียงรายนั่งรถบัสสีเขียวสายเชียงรายเชียงแสนจากสถานีขนส่งเชียงใหม่ จากนั้นต่อรถสองแถวสาย เชียงราย-สบรวก ที่หน้าตลาดเชียงแสน


ข้อมูลเเละภาพประกอบจาก