อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ธรรมชาติกลางดงป่าแห่งเมืองล้านนาตะวันออก

กินเที่ยว
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ธรรมชาติกลางดงป่าแห่งเมืองล้านนาตะวันออก

เมื่อเดินทางมาถึงถิ่นล้านนาตะวันออกแล้วทั้งที ก็ต้องขอไปสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ สูดอากาศเย็นๆ ให้ฉ่ำปอดซักหน่อย ซึ่งเราเลือกเดินทางมุ่งหน้าไปที่ “อุทยานแห่งชาติดอยภูคา” หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัดน่าน

 
เมื่อเดินทางมาถึงถิ่นล้านนาตะวันออกแล้วทั้งที ก็ต้องขอไปสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ สูดอากาศเย็นๆ ให้ฉ่ำปอดซักหน่อย ซึ่งเราเลือกเดินทางมุ่งหน้าไปที่ “อุทยานแห่งชาติดอยภูคา” หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัดน่าน ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าอันเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำหลายสายที่คอยหล่อ เลี้ยงชีวิตของผู้คนมากมาย แถมตลอดเส้นทางจากตัวเมืองไปอุทยานแห่งชาติดอยภูคายังมีทิวทัศน์ที่สวยงาม อีกด้วย
 
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
 

เราตัดสินใจที่จะแวะเที่ยวให้ทั่วๆ อุทยานฯ แต่ด้วยเวลาที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัด เราจึงเลือกเที่ยวตามจุดท่องเที่ยวหลักๆ ก่อน เว้นไว้ก็แต่จุดท่องเที่ยวที่ต้องใช้เวลาเดินเท้านานๆ อย่าง ดอยภูแว ซึ่งต้องมีเวลาอย่างน้อย 2 วัน 1 คืน ในการพิชิตยอดดอยภูแว และเพื่อความสะดวกในการเดินทางเราจึงเลือกพักในบ้านพักของอุทยานฯ ซึ่งก็มีให้เลือกหลายแบบ เริ่มกันตั้งแต่ลานกางเต้นท์ที่มีให้เลือกทั้ง “ลานดูเดือน” และ “ลานดูดาว” ขยับมาอีกหน่อยจะเป็นบ้านพักแบบง่ายๆ ชื่อว่า “บ้านเกวียน” บ้านพักทรงจั่วสำหรับ 2 คน แบบห้องน้ำรวมแบ่งแยกห้องน้ำชาย-หญิงไว้เรียบร้อย และ “บ้านภูคา” บ้านพักหลังใหญ่ที่สามารถพักได้ตั้งแต่ 4-6 คน ไปจนถึงบ้านพักขนาด 15-20 คนเลยทีเดียว ภายในบ้านภูคาจะมีพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งเตียงพร้อมชุดเครื่องนอน ห้องน้ำพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น กาต้มน้ำร้อน ตู้เย็น และระเบียงกว้างที่มีทิวทัศน์อันสวยงามของทิวเขาเป็นของแถม ส่วนเรื่องอาหารการกินก็ไม่ต้องเป็นห่วงบริเวณที่ทำการอุทยานฯ และบริเวณลานดูดาวมีร้านค้า ร้านอาหารไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวที่ไม่อยากซื้อหาอาหารสดมาทำกับข้าว กินเอง ซึ่งอาหารส่วนใหญ่ที่มีขายนั้นจะเป็นอาหารง่ายๆ อย่าง ข้าวผัด ผัดกระเพรา ไข่เจียว ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว รวมถึงอาหารกึ่งสำเร็จรูปต่างๆ จัดได้ว่าไม่ลำบากเลยกับการเดินทางมาพักค้างแรมท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้

 
     
 
Good to Know
 
 
-
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉลี่ยจะมีอุณหภูมิเย็นสบายในช่วงหน้าร้อน และหนาวจัดในช่วงหน้าหนาว
 
 
-
ดอกชมพูภูคาจะบานสะพรั่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมของทุกปี ซึ่งสามารถหาชมได้ในอุทยานแห่งชาติดอยภูคาเท่านั้น
 
 
-
บ้านพักและจุดกางเต้นท์ภายในอุทยานฯ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่ โทร. 0 5470 1000, 08 2194 1349
 
       
 
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
 

จุดหมายแรกของเราคือการไปชื่นชมความสวยงามของบรรยากาศตอนพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมทะเลหมอก ณ จุดชมวิว กม.8 ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะรีบเดินทางกันมาตั้งแต่เช้ามืดเพื่อให้ทันเห็น แสงแรงของวัน ใครมาก่อนก็มักจะมาจับจองพื้นที่ตั้งกล้องถ่ายรูปไว้ก่อน พอท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเสียงชัตเตอร์ก็เริ่มดังให้ได้ยินเป็นระยะๆ จนเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นมาเต็มดวงภาพทะเลหมอกเบื้องล่างท่ามกลางหุบเขาก็ยิ่ง ชัดเจนมากขึ้น และแน่นอนว่าอากาศก็เย็นจับใจถูกใจคนชอบอากาศหนาวแบบสุดๆ ถ้าใครพลาดชมพระอาทิตย์ขึ้น ให้เปลี่ยนไปชมวิวสวยๆ ของพระอาทิตย์ตกกันที่ลานดูดาว ซึ่งรับรองว่าสวยงามไม่แพ้กันเลย นอกจากวิวธรรมชาติสวยๆ แล้ว ภายในอุทยานแห่งชาติดอยภูคายังมีพันธุ์ไม้หายากอีกหลายชนิดที่จัดว่าเป็นจุด เด่นของที่นี่ทั้ง “ต้นชมพูภูคา” พันธุ์ไม้ยืนต้นหายากที่พบเห็นได้ที่เดียวในโลก “ต้นก่วมภูคา” พันธุ์ไม้ผลัดใบในวงษ์เดียวกับต้นเมเปิ้ล และ “ต้นเต่าร้างยักษ์” พืชเฉพาะถิ่นที่ยังไม่มีรายงานการค้นพบในแทบถิ่นอื่น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่พบเห็นได้ภายในพื้นที่อุทยานฯ ทั้งสิ้น ทั้งตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ จุดชมวิว และจุดแวะริมทางต่างๆ นอกจากนี้ระหว่างทางจากที่ทำการอุทยานฯ ไปยังจุดชมวิวกม.8 ยังมีจุดแวะที่สำคัญอีกจุดหนึ่งก็คือ “ศาลเจ้าหลวงภูคา” ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมแวะมาสักการะขอพรกันก่อน และในบริเวณใกล้ๆ กันยังเป็นจุดชมต้นชมพูภูคาอย่างใกล้ชิด ชนิดที่ไม่ต้องออกแรงเดินหาตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติเลย

 
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
 

นอกจากจุดชมวิวและพันธุ์ไม้หายากที่เราไปแวะชมกันมานั้น ภายในอุทยานแห่งชาติดอยภูคายังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมายที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ทั้งน้ำตกต้นตอง น้ำตกตาดหลวง น้ำตกแม่จริม น้ำตกห้วยโกร๋น น้ำตกภูฟ้า ถ้ำผาฆ้อง ถ้ำหลวง ถ้ำผาแดง ถ้ำผาเก้า เป็นต้น รวมทั้งป่าดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่ที่อุดมไปด้วยระบบนิเวศน์ที่แปลกตา ซึ่งถ้าอยากจะมาเที่ยวให้ครบทุกรสชาติคงต้องหาเวลาแวะเวียนมากันบ่อยๆ เพราะการมาเยือนเพียงครั้งเดียวคงไม่เพียงพอแน่ๆ เช่นเดียวกันกับเราที่คิดหวังไว้ว่า ฤดูหน้าจะต้องหาโอกาสมาอีกให้ได้ ยังไงแล้วในแต่ละฤดูก็ย่อมมีความสวยงามที่ต่างกันออกไป

 
                 
ที่อยู่
:
ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน 55120
GPS
:
19.200417, 101.080783
เบอร์ติดต่อ
:
0 5470 1000, 08 2194 1349
E-mail
:
Website
:
เวลาทำการ
:
6.00-18.00 น. 
ค่าธรรมเนียม
:
  • ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท, เด็ก 20 บาท
  • ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท, เด็ก 100 บาท
ช่วงเวลาแนะนำ
:
อุทยานแห่งชาติดอยภูคาสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีแต่ถ้าอยากชมความสวยงามของดอกชมพูภูคา  ต้องมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์– มีนาคม
ไฮไลท์
:
ต้นชมพูภูคา ที่พบเห็นได้ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคาแห่งเดียวในโลก รวมถึงต้นเต่าร้างยักษ์ที่ยังไม่มีการรายงานการพบในแทบถิ่นอื่น และต้นก่วมภูคา ไม้ผลัดใบในตระกูลเมเปิ้ล ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถพบเห็นได้ภายในพื้นที่ของอุทยานฯ
กิจกรรม
:
ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกตามจุดชมวิวต่างๆ / เดินชมพันธุ์ไม้หายากตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ / เที่ยวน้ำตก ถ้ำ และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ภายในอุทยานฯ


จากตัวเมืองน่านมุ่งหน้าสู่อำเภอปัวด้วยเส้นทางหลวงหมายเลข 1080 เมื่อมาถึงอำเภอปัวแล้วให้ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1256 (ปัว-บ่อเกลือ) ไปตามเส้นทางลาดยางโค้งชันอีกประมาณ 25 กิโลเมตร ทางเข้าอุทยานแห่งชาติจะอยู่ทางขวามือ

รถประจำทาง
จากอำเภอปัวถึงอุทยานแห่งชาติดอยภูคามีรถโดยสารสายปัว-บ่อเกลือวิ่งรับส่งตั้งแต่เวลา 7.30 น.-14.00 น

ข้อมูลเเละภาพประกอบจาก