ตามคุมะมงไปเที่ยวคุมาโมโตะ เมืองนี้น่ารักไม่ใช่น้อย

กินเที่ยว
ตามคุมะมงไปเที่ยวคุมาโมโตะ เมืองนี้น่ารักไม่ใช่น้อย

ใครหลายคนอาจจะไม่คุ้นหูกับชื่อเมืองคุมาโมโตะ Kumamoto แต่ถ้าพูดถึงเจ้าหมีตัวสีดำแก้มแดง นามว่า คุมะมง หรือที่บางคนเรียกว่า คุมาม่อน Kumamon เป็นตุ๊กตาที่มีชื่อเสียงที่สุดตัวหนึ่งของญี่ปุ่น

ภาพจาก tsxmax / shutterstock.com
 
ใครหลายคนอาจจะไม่คุ้นหูกับชื่อเมืองคุมาโมโตะ (Kumamoto) แต่ถ้าพูดถึงเจ้าหมีตัวสีดำแก้มแดง นามว่า คุมะมง หรือที่บางคนเรียกว่า คุมาม่อน (Kumamon) ก็คงจะคุ้นหูกันขึ้นมาบ้าง แล้ว 2 สิ่งนี้เชื่อมโยงกันอย่างไร... มันมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน เพราะคุมะมงเป็นตุ๊กตามาสคอตสัญลักษณ์ของจังหวัดคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น ที่สร้างขึ้นมาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองนี้ ซึ่งได้รับความนิยมจากชาวญี่ปุ่น รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จนกลายเป็นตุ๊กตาที่มีชื่อเสียงที่สุดตัวหนึ่งของญี่ปุ่น

ภาพจาก POJ THEVEENUGUL / shutterstock.com
 
เมืองคุมาโมโตะ (หรือคุมะโมโต หรือคุมะโมะโตะ) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันตกของเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น มีธรรมชาติที่สวยงามโดดเด่น พร้อมทั้งมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน วันนี้กระปุกดอทคอมจะขอพาไปลัดเลาะ และทำความรู้จักกับเมืองคุมาโมโตะให้มากขึ้น ไปตามหาคุมะมงกันที่นั่น เมืองนี้จะมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง ตามเรามาเลยค่ะ

ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle)

 
ปราสาทคุมาโมโตะ เป็นปราสาทขนาดใหญ่และสมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1607 โดย  Kato Kiyomasa มีโครงสร้างเป็นหินทั้งหลัง มีทั้งหมด 2 อาคาร ภายในตกแต่งอย่างสวยงามตามแบบฉบับของญี่ปุ่นในช่วงยุคโบราณ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ทั้ง 2 อาคาร โดยอาคารหลัก เปิดให้ขึ้นไปยังด้านบนสุดของปราสาทได้ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นเมืองคุมาโมโตะทั้งเมือง และทัศนียภาพของภูเขาที่อยู่ด้านหลังของปราสาท พร้อมทั้งสามารถชมชั้นใต้ดินที่มีความอลังการสวยงาม นอกจากนี้ปราสาทแห่งนี้ยังโอบล้อมไปด้วยต้นเชอร์รีมากกว่า 800 ต้น จึงเป็นสถานที่ยอดนิยมในการชมดอกเชอร์รีบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิ

ปากปล่องภูเขาไฟอะโซะ นาคาดาเกะ (Mt. Aso Nakadake Crater)


 
ภูเขาไฟอะโซะ เป็นภูเขาไฟมีพลัง ตั้งอยู่ใจกลางเกาะคิวชู ซึ่งภูเขาไฟแห่งนี้ได้ชื่อว่ามีอาณาเขตที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยทอดตัวยาวประมาณ  24 กิโลเมตร จากเหนือลงใต้ และ 18 กิโลเมตร จากตะวันออกสู่ตะวันตก ส่วนที่ปากปล่องภูเขาไฟมีเส้นรอบวงประมาณ 4 กิโลเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 600 เมตร และลึก 130 เมตร โดยนักท่องเที่ยวสามารถขับรถขึ้นไปยังด้านบนได้เลย หรือจะนั่งกระเช้าขึ้นไปก็ได้ โดยที่ปากปล่องภูเขาไฟจะมีน้ำพุร้อนสีเขียวมรกต มีควันพวยพุ่งขึ้นมาเป็นระยะ
 

น้ำตก Nabegataki Falls


น้ำตก Nabegataki ตั้งอยู่ในเขต Kurobuchi เมือง Oguni เป็นน้ำตกขนาดเล็ก กว้าง 20 เมตร และสูง 10 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปชมน้ำตกได้อย่างใกล้ชิด แม้กระทั่งหลังของน้ำตก และยังสามารถเห็นสายน้ำได้ตลอดทั้งปี น้ำจะมีปริมาณมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนในช่วงนั้น ยิ่งในช่วงวันหยุดก่อนเดือนพฤษภาคมจะมีเทศกาลแสงสีของน้ำตกแห่งนี้ จึงมีความโรแมนติกน่าสัมผัส จนกลายเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น

เมืองออนเซ็นคุโรคาวะ (Kurokawa Onsen)

เมืองออนเซ็นคุโรคาวะ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยรีสอร์ทออนเซ็นมากมาย ซึ่งยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมของการแช่ออนเซ็นไว้ได้อย่างครบถ้วน อีกทั้งแต่ละแห่งยังมีเอกลักษณ์โดดเด่น มีธรรมชาติโอบล้อมในทุกที่ พร้อมทั้งการบริการที่อบอุ่นจากคนท้องถิ่น นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีชีวิต และลิ้มรสอาหารพื้นเมืองของเมืองแห่งนี้อย่างเต็มที่ สามารถเดินเที่ยวชมรอบ ๆ เมือง ซึ่งมีสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนแบบโบราณ เหมือนย้อนเวลากลับไปในอดีต บรรยากาศรอบเมืองผ่อนคลาย สดชื่นไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จึงเหมาะที่จะไปพักผ่อน
 
สวนซุยเซนจิ (Suizenji Garden)


 
สวนซุยเซนจิ เป็นอีกหนึ่งสวนที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ด้วยมีการตกแต่งสวนแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่างสมบูรณ์ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1632 โดย Hosokawa Toshisad ในสวนร่มรื่นไปด้วยต้นไม้เขียวขจี มีเนินเขาสูง ด้านล่างเป็นสระน้ำที่มีน้ำใสสวยงาม พร้อมกับต้นไม้นานาชนิดที่อยู่รอบ ๆ และนกเป็ดน้ำที่มักจะมาปรากฏตัวให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ในสระน้ำ มีจุดนั่งทานน้ำชาที่เย็นสบาย มีบรรยากาศที่โปร่ง โล่ง ผ่อนคลาย เป็นสวนที่คนญี่ปุ่นรักและหวงแหนมากอีกแห่งหนึ่ง
 
คฤหาสน์โฮโซกาวา (The Former Hosokawa Residence)

คฤหาสน์โฮโซกาวา เป็นที่พักอาศัยของตระกูลโฮโซกาวาในช่วงยุคเอโดะ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1648 ซึ่งเป็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เป็นตัวอย่างที่ดีของที่พักของเหล่าซามูไรผู้สูงศักดิ์ในยุคนั้น ตัวอาคารสร้างด้วยไม้ทั้งหมด แบ่งเป็นห้องต่าง ๆ อย่างชัดเจน มีเอกลักษณ์ที่สื่อถึงยุคเฟื่องฟูของซามูไรได้อย่างดีเยี่ยม บริเวณรอบ ๆ คฤหาสน์เขียวขจี ร่มรื่น ด้วยการตกแต่งสวนในสไตล์ญี่ปุ่น ให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-17.30 น. ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม และตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม อัตราค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 300 เยน และเด็ก 100 เยน (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
 
รถไฟคุมะมง



มาถึงถิ่นคุมะมงทั้งที ต้องสนุกกับคุมะมงให้เต็มที่ คราวนี้ขอพาไปนั่งชมวิวสวย ๆ สองข้างทางบนขบวนรถไฟคุมะมงสุดน่ารัก ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟที่วิ่งเชื่อมระหว่างเมืองยะซึตชิโระ (Yatsushiro) จังหวัดคุคุมาโมโตะ และเมืองเซนได (Sendai) จังหวัดคาโกชิม่า นอกจากภายนอกของขบวนรถไฟจะตกแต่งด้วยลวดลายของคุมะมงแล้ว ภายในยังเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของคุมะมงมากมาย ถูกใจคนรักหมีดำแก้มแดงตัวนี้แน่นอน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและตารางการเดินรถได้ที่ hs-orange

กอดคุมะมงตัวจริง

 
นักท่องเที่ยวที่มาคุมาโมโตะ นอกจากจะมาชื่นชมความสวยงามของเมืองนี้แล้ว ก็ยังอยากที่จะได้พบปะกับตัวจริงของเจ้าหมีสีดำแก้มแดงด้วยเช่นกัน ซึ่งทางจังหวัดก็ไม่ทำให้นักท่องเที่ยวผิดหวัง ด้วยการจัดตารางให้กับแฟนคลับคุมะมงได้สนุกสนานกับตัวจริงของคุมะมงที่ที่ทำ การคุมะมง (Kumamon Square) ซึ่งจะมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ได้ร่วมสนุกกับคุมะมงมากมาย พร้อมทั้งร้านขายของที่ระลึก ซึ่งล้วนแต่เป็นสินค้าที่เหมาะแก่การเป็นของฝากหรือนำไปใช้ประโยชน์ และบางชิ้นยังหาซื้อได้ที่นี่เท่านั้นอีกด้วย ใครอยากเจอคุมะมงตัวจริง สามารถดูตารางกิจกรรมและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ kumamon-sq

เมืองคุมาโมโตะ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย อีกทั้งยังสามารถพบปะกับคุมะมงได้ทั่วเมือง ใครที่เป็นแฟนคลับของเจ้าหมีดำแก้มแดง ก็ต้องไปสัมผัสเมืองนี้กันสักครั้ง 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :  www.japan-guide.com, kumanago.jp, www.jnto.go.jp, www.japan-guide.com, kumanago.jp, www.kurokawaonsen.or.jp, www.japan-guide.com/e/e4575, suizenjijojuen, www.japan-guide.com/e/e4502, www.japan-guide.com/e/e454, www.hs-orange.com



ที่มา :