John Mclaughlin & The 4th Dimension Live in Bangkok

คอนเสิร์ต

John Mclaughlin & The 4th Dimension Live in Bangkok

  • calendar-sale-white

    วันเปิดจำหน่าย วันอังคารที่ 1 กันยายน 2558, 10:00 น.

แชร์
John Mclaughlin & The 4th Dimension Live in Bangkok

ผังการแสดง & รอบการแสดง

วันที่แสดง
เวลา
วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน 2558

ส่วนลด นร. นักศึกษา
รับส่วนลด 500 บาท สำหรับผู้ซื้อบัตรราคา 2,000 บาท
รับส่วนลด 300 บาท สำหรับผู้ซื้อบัตรราคา 1,200 บาท

รายละเอียด



John McLaughlin
 
จอห์น แมคลาฟลิน (John McLaughlin) หรือที่รู้จักกัน ในชื่อ Mahavishnu John McLaughlin คือ มือกีตาร์ สัญชาติอังกฤษ McLaughlin เป็นมือโซโล่กีตาร์ที่มีความเชียวชาญมากที่สุดคนหนึ่งในแนวดนตรี fusion เขาเล่นกีตาร์ด้วยความเร็วสูงเพื่อค้นหาจิตวิญญาณ เขาผสมและเปิดรับอิทธิพลใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปั่นกีตาร์ไฟฟ้าหรือการเล่นที่นุ่มนวล เงียบสงบ กับกีตาร์โปร่ง ความจริงจังและความสามารถรอบด้าน (ซึ่งเป็นสิ่งที่หลาย คนมองข้าม) ของ McLaughlin ก็แทบจะทำให้การเล่นของเขาเต็มไปด้วยพลังอยู่เเทบจะตลอดเวลา
 
Jeff Beck เรียก McLaughlin ว่าเป็น "มือกีตาร์ ฝีมือเยี่ยมที่สุดที่มีชีวิตอยู่" Zakir Hussain ปรมาจารย์ทับบล้า (tabla กลองมือเคาะคู่ขนาดเล็กของอินเดียตอนเหนือ) บอก ว่า McLaughlin คือ "หนึ่งในนักดนตรีที่ยอดเยี่ยมและสำคัญที่สุดในช่วงชีวิตของพวกเรา" นิตยสาร Rolling Stone ได้จัดอันดับ 100 มือกีตาร์ยอดเยี่ยมตลอดกาล ซึ่ง McLaughlin อยู่ที่อันดับ 49 McLaughlin ได้รับการพูดถึงว่าเป็นอิทธิพลสำคัญของมือกีตาร์สาย fusion จำนวนมากมายในยุค 70s และ 80s ตัวอย่างก็มีมือกีตาร์ที่โดดเด่นอย่าง Steve Morse, Eric Johnson, Mike Stern, Paul Masvidal, Al Di Meola, Pebber Brown, Shawn Lane และ Scott Henderson แต่ถึงอย่างนั้น อิทธิพลของเขาก็ไม่ได้หยุดที่ยุค 80s เท่านั้น
 
Greg Ginn มือกีตาร์สาย hardcore punk ของวง Black Flag บอกว่างานชุด Birds of Fire ของ The Mahavishnu Orchestra คือ งานที่สร้างแรงบันดาลให้เขาสร้างงานกีตาร์ที่มีความ เป็น progressive มากขึ้นหรือแม้แต่ทำให้เขาอัดเพลงบรรเลงเลยทีเดียว Pat Metheny บอกว่า John ได้เปลี่ยนแปลงพัฒนาการของกีตาร์ในการเล่นหลายๆ ยุค ของเขา นอกจากนี้ John ยังถือเป็นอิทธิพลหลักของนักแต่งเพลงแนว fusion อีกด้วย
 
Chick Corea กล่าวไว้ใน สัมภาษณ์ของนิตยสาร Downbeat ว่า "...สิ่งที่ John McLaughlin ทำบนกีตาร์ไฟฟ้านั้นทำให้โลกนี้รู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้น ไม่มีใครเคยได้ยินมือกีตาร์ไฟฟ้าเล่นแบบนั้นมาก่อนและแน่นอนมันสร้างแรงบันดาลใจให้กับผม วงที่ผมเล่นกับ John ทำให้ผมอยากบิดปุ่มโวลุ่มขึ้นและแต่งดนตรีที่อลังการมากขึ้น และทำให้คุณรู้สึกขนลุกในช่วงท้ายเพลง ซึ่งนี่เป็นประสบการณ์ที่ผมรู้สึกมากกว่าตอน ผมเล่นกับ Miles (Davis)"
 
Frank Zappa พูดถึง McLaughlin ไว้ในนิตยสาร Guitar Player เดือนมกราคม ปี 1977 ว่า "คนที่ไม่เห็นคุณค่าของเทคนิคการเล่นที่ McLaughlin มีน่าจะเป็นคนที่งี่เง่านะ ชายคนนี้สามารถหาวิธีใช้ กีตาร์ไฟฟ้าเหมือนกับปีนกลอย่างแน่นอน แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับไลน์ (ของ John) ที่ได้ยินหรือวิธีเล่นพวกมันไปซะทุกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น ผมคิดว่าคุณก็ไม่สามารถจะไปโทษหรือวิจารณ์เขาได้นะ เพราะการเล่น เครื่องดนตรีด้วยความเร็วแบบนั้นต้องใช้เวลาและความพยายาม ผมคิดว่า คนที่เล่นได้เร็วแบบนี้นี่ยอดเยี่ยมเลย และผมมั่นใจว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของวัยรุ่นอเมริกาก็น่าจะเห็นด้วยจากการที่กระแสทั้งหมดในวงการดนตรีกลายเป็นเรื่องของ ยิ่งเร็วยิ่งดี”
 
McLaughlin เกิดเมื่อวันที่ 4 มกราคม ปี 1942 ที่เมือง Yorkshire (ยอร์คเชียร์) ประเทศอังกฤษ และเริ่มเล่นกีตาร์ตอนอายุ 11 ปี John ซึ่งเริ่มต้นชอบดนตรี blues และ swing ตั้งแต่แรกนั้นได้ทำงานกับศิลปินอังกฤษอย่าง Georgie Fame, Graham Bond, Brian Auger และ Ginger Baker
 
เขาตั้งวงของตัวเองขึ้นมาในปี 1968 และอัดเสียง Extrapolation งานเปิดตัวชั้นเยี่ยมในช่วงต้นปี 1969 ในช่วงปลายปีนั้น เขาได้เดินทางไปที่กรุงนิวยอร์คเพื่อร่วม Lifetime วงแนวฟิวชั่นสุดล้ำของ Tony Williams (มือกลอง) และได้เล่นใน Emergency! อัลบั้มระดับขึ้นหิ้ง McLaughlin ได้รับการชักชวนให้เข้าร่วมวงของ Miles Davis ผ่านทาง Williams และเขาก็ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในผลงานแนวฟิวชั่นที่เป็นที่จดจำอย่าง In a Silent Way, Bitches Brew และ A Tribute to Jack Johnson
 
จากความต้องการที่จะศึกษาดนตรีแบบอคูสติคและดนตรีสำเนียงฝั่งตะวันออก ในปี 1970 McLaughlin ได้อัด My Goal's Beyond อัลบั้มระดับคลาสสิคของตัวเอง จากนั้นไม่นาน เขาก็ออกจากวงของ Milesและหลังจากที่ทำ Devotion งานเดี่ยวเพิ่มอีกหนึ่งชุด McLaughlin ก็ใช้เวลาไปกับการทุ่มเทฝึกซ้อมกีตาร์ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
 

“สุดยอดมือกีตาร์ที่ดีที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่”


เขากลับมาสู่วงการอีกครั้งในปี 1971 ในฐานะหัวหน้าของ The Mahavishnu Orchestra วงดนตรีสุดสร้างสรรค์ที่มีบทบาทในการวางโครงสร้างและสร้างความนิยมในดนตรีฟิวชั่นแบบแจ๊สร็อค ซึ่งเราจะเห็นหลักฐานได้จากอัลบั้มอย่าง The Inner Mounting Flame, Birds of Fire และ Visions of the Emerald Beyond โดย McLaughlin ซึ่งได้เว้นวรรคไปอัดเสียงกับ Carlos Santana ใน Love Devotion Surrender งานที่ออกในปี 1972 นั้น เป็นหัวหน้าของ Mahavishnu Orchestra จนถึงปี 1975
 
จากนั้น เขาก็กลับมาสู่ความรู้สึกที่มุ่งเน้นทางจิตวิญญาณของงานชุด My Goal's Beyond ด้วยการตั้ง Shakti วงดนตรีที่รวมเอาดนตรี แจ๊สอคูสติคมาผสมเข้ากับดนตรีอินเดีย โดยทางวงออกงานมาทั้งหมดสามชุด McLaughlin กลับมาออกงานเดี่ยวอีกครั้งในช่วงปลายยุค 70s เขาได้ทำวงที่มีชื่อว่า the One Truth Band และยังได้อัดอัลบั้มบันทึกเสียงกีตาร์สามตัวอย่าง Friday Night in San Francisco และ Passion, Grace & Fire กับ Al di Meola สหายสายปั่นแนวฟิวชั่นและ Paco de Lucia มือกีตาร์สายฟลาเมงโก้ McLaughlin ใช้เวลาไปกับการทดลองแต่งเพลงแบบลูกผสมระหว่างดนตรีคลาสสิคกับแจ๊สในช่วงยุค 80s นอกจากนี้ วง Mahavisnu ก็ยังกลับมารวมตัวกันสั้นๆในช่วงกลางยุค 80s อีกด้วย
 
ในยุค 90s McLaughlin ยังคงบันทึกเสียงอย่างต่อเนื่องทั้งกับวงแบบเครื่องดนตรีไฟฟ้าและเครื่องดนตรีอคูสติค เขาได้เซ็นสัญญากับค่าย Verve ซึ่งเขาได้ร่วมงานกับทางค่ายเป็นเวลา 13 ปี อัลบั้มที่โดดเด่นในช่วงเวลานี้ก็มีงานอย่าง Time Remembered: John McLaughlin Plays Bill Evans งานอคูสติคที่ออกในปี 1993 After the Rain ที่ทำกับ Elvin Jones และ Joey DeFrancesco ในปี 1995 และงานชุด The Promise ในปี 1996 ซึ่งงานชุดนี้จะมีลักษณะการเล่นหลายๆแบบ ซึ่งก็รวมไปถึงการกลับมาเล่นด้วยกันอีกครั้งแบบกีตาร์สามตัวกับ Di Meola และ De Lucia และวงทริโอ้กับ De Francesco และ Dennis Chambers มือกลอง โดย Dennis ก็ได้เล่นใน Heart of Things อัลบั้มสุดท้ายในทศวรรษนี้ของ McLaughlin ซึ่งเป็นงานแจ๊สเครื่องดนตรีไฟฟ้าที่มีความดุเดือด
 
ทศวรรษที่ 21 เป็นช่วงเวลาที่เราได้เห็น McLaughlin ในอารมณ์เศร้าๆ อีกรูปแบบหนึ่ง เขาออก Remember Shakti: The Believer งานบันทึกการแสดงสดที่ตัวเขาได้เล่นกับ U. Shrinivas มือแมนโดลินไฟฟ้า V. Selvaganesh มือกันจิรา (kanjira) และแกแดม (ghatam) และ Zakir Hussain มือ tabla ระดับตำนาน ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่งานในแบบ Shakti ที่คุ้นเคยกัน แต่มันก็สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาทางริทึ่มและเสียงประสานที่ซับซ้อนและน่าทึ่งของกลุ่มดนตรีกลุ่มนี้ วงดนตรีวงนี้ได้ออกเดินสายและออกงานชุด Saturday Night in Bombay ในปีถัดมา Thieves and Poets งานที่แสดงให้เห็นถึงการศึกษาดนตรีคลาสสิคฝั่งยุโรปของ McLaughlin ได้ออกวางจำหน่ายในปี 2003
 
ในปี 2004 WEA (Warner Music Group) ได้ออกบ็อกเซ็ทซีดีชุดใหญ่ 17 แผ่นที่เป็นการแสดงที่ Montreux ของ McLaughlin ตั้งแต่ปี 1974 ถึง 1996 ส่วนงานชุด Industrian Zen ที่ออกจําหน่ายในปี 2006 นั้นก็เป็นงานเพลงแบบต่างๆที่แสดงให้เห็นถึงพลังที่พลุ้งพล่านของเจ้าตัว ซึ่งนี่เป็นงานชุดสุดท้ายที่ออกกับ Verve
 
ในปี 2008 McLaughlin ออก Floating Point อัลบั้มที่ขยาย แนวคิดต่างๆที่อยู่ในงานชุด Industrial Concept ที่ออกกับค่าย Abstract Logix เพลงสุดท้ายของงานชุดนี้มีชื่อว่า Five Peace Band และนี่ยังเป็นชื่อของวงซุปเปอร์กรุ๊ปที่รวมขึ้นมาโดย McLaughlin และ Chick Corea พวกเขาเคยเดินสายทั่วโลกมาแล้วครั้งหนึ่ง สมาชิกคนอื่นๆ ในวงนี้ก็ได้แก่ Kenny Garrett แซ็กโซโฟน Vinnie Colaiuta มือกลองและ Christian McBride มือเบส พวกเขาออกงานในชื่อเดียวกับวงในปี 2009 กับค่าย ConCord
 
To the One งานจากห้องบันทึกเสียงของ 4th Dimension band วงของ McLaughlin ออกกับทาง Abstract Logix ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2010 McLaughlin กลับมาออกผลงานอีกครั้งในสองปีถัดมากับ Now Here This ร่วมกับ Ranjit Barot มือกลองคนใหม่ของ 4th Dimension
 
McLaughlin เคยพูดไว้ว่า "ผมเป็นมือกีตาร์นะ นี่คือสิ่งที่ผมเป็นอยู่โดยพื้นฐานและเป็นสิ่งที่ผมจะเป็นตลอดไป และผมเป็นคนที่ไม่หยุดเรียนรู้ ผมไม่อยากที่จะหยุดเรียนรู้ เพราะผมรู้สึกว่าไม่ว่าจะทําอะไร ผมก็แค่เริ่มต้นทําสิ่งนั้นๆ ใหม่อีกครั้งเท่านั้นเอง ผมไม่คิดว่าตัวเองจะหยุดเรียนรู้สิ่งต่างๆ นะ"
 
John McLaughlin : DISCOGRAPHY
อัลบั้มเดี่ยว
  • Extrapolation/1969
  • Devotion/1970
  • Where Fortune Smiles/1971
  • My Goal’s Beyond/1971
  • Electric Guitarist/1978
  • Electric Dreams/1979
  • Belo Horizonte/1981
  • Music Spoken Here/1982
  • Passion, Grace and Fire/1982
  • Mediterranean Concerto
  • (For Guitar and Orchestra) (Live)/1988
  • Live at the Royal Festival Hall/1989
  • Que Alegria/1992
  • Time Remembered:
  • John McLaughlin Plays Bill Evans/1993
  • Tokyo Live/1993
  • After the Rain/1994
  • The Promise/1995
  • The Guitar Trio/1996
  • The Heart of Things/1997
  • The Heart of Things: Live in Paris/2000
  • Thieves and Poets/2003
  • Industrial Zen/2006
  • Floating Point/2008
  • To the One/2010
  • Now Here This/2012
 
อัลบั้มที่เล่นกับ Miles Davis
  • In a Silent Way/1969
  • Bitches Brew/1970
  • A Tribute to Jack Johnson/1971
  • Live-Evil/1971
  • On the Corner/1972
  • Big Fun/1974
  • Get Up with It/1974
  • Circle in the Round/1979
  • Directions/1980
  • You’re Under Arrest/1985
  • Aura/1989
  • The Cellar Door Sessions/2005
 
อัลบั้มของ Mahavishnu Orchestra

  • The Inner Mounting Flame/1971
  • Birds of Fire/1973
  • The Lost Trident Sessions/1973
  • Between Nothingness and Eternity/1973
  • Apocalypse/1974
  • Visions of the Emerald Beyond/1975
  • Inner Worlds/1976
  • The Best of Mahavishnu Orchestra/1980
  • Mahavishnu/1984
  • Adventures in Radioland/1986
  • The Collection/1994
 
อัลบั้มของ Shakti
  • Shakti with John McLaughlin/1975
  • A Handful of Beauty/1976
  • Natural Elements/1977
  • The Best of Shakti/1994
  • Remember Shakti/1999
  • Remember Shakti – The Believer/2000
  • Remember Shakti – Saturday Night in Bombay/2001
  • Remember Shakti – Shakti/2002