รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การพัฒนาความสามารถทางด้านดนตรีให้แก่เยาวชนไทย คือการเชิญศิลปินระดับนานาชาติมาแสดงให้ทุกคนได้เห็นของจริง จากปีแรกๆ ที่เยาวชนของเราแทบจะไม่มีอะไรเทียบเท่ากับศิลปินระดับนานาชาติได้เลย แต่สำหรับปีหลังๆ เยาวชนของเรามีความสามารถไม่น้อยหน้าศิลปินมืออาชีพเหล่านั้น แม้ว่าวิทยาลัยจะต้องใช้เงินทุนในการจัดงานค่อนข้างสูงแต่ถือว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับตอบกลับมา

          ด้าน อ.ดริน พันธุมโกมล หนึ่งในคณะกรรมการจัดงาน กล่าวถึงงานปีนี้ว่า ยังคงรูปแบบการจัดงานออกเป็น 3 ส่วนเช่นเดิม คือ ส่วนของการศึกษาซึ่งมุ่งเน้นให้ความรู้ทางด้านดนตรีกับเยาวชนและบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจ ส่วนของคอนเสิร์ต มีทั้งศิลปินไทยที่มาจากหลายส่วน ทั้งศิลปินอาชีพและเฉพาะกิจจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และศิลปินมีชื่อเสียงจากต่างประเทศ เพื่อให้เทศกาลนี้เป็นหนึ่งในแจ๊สเฟสติวัลของไทย และสุดท้ายคือการแข่งขันเพื่อตอบสนองความต้องการของนักศึกษาที่ต้องการแสดงฝีมือ โดยได้เชิญศิลปินจากต่างประเทศที่มาร่วมงาน เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน ซึ่งการแข่งขันนี้มีเสน่ห์อยู่ที่รอบตัดสินที่ผู้เข้าแข่งขันจะต้องจับสลากเลือกเพลงจากเพลงที่กำหนดไว้ให้เพื่อใช้ในการแข่งขัน

         "ศิลปินทั้งของไทยและต่างประเทศที่เราคัดเลือกมานั้น นอกจากจะให้ความสำราญ คือเล่นแล้วสนุกแล้ว ยังต้องช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน รวมทั้งจะต้องเป็นครูที่ให้การศึกษาได้ด้วย ซึ่งเรามั่นใจว่าศิลปินที่เชิญมาแต่ละท่านนั้น เป็นระดับแม่เหล็กที่จะดึงดูดให้ผู้ที่ชื่นชอบดนตรีแจ๊สมาสัมผัสบรรยากาศ ณ สวนพฤกษาดุริยางค์ได้อย่างแน่นอน ทั้งรุ่นเก๋าฝีมือหาตัวจับยาก ศิลปินที่กำลังมาแรง และรุ่นใหม่ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาอยู่ในฐานะนักดนตรีแถวหน้า อาทิ วง แอนเดรส โอเบิร์ก ทริโอ (Andreas Oberg Trio) สามนักดนตรีชื่อดังของฝั่งยุโรป วง แดนิโล เปเรซ ทริโอ (Danilo Perez Trio) นำโดยนักเปียโนชื่อดัง แดนิโล เปเรซ ผู้ประสานชีพจรลาตินเข้ากับฮาร์มอนีร่วมสมัยของแจ๊ส และ เคิร์ท โรเซนวิงเกิล ทริโอ (Kurt Rosenwinkel Trio) นำโดยนักกีตาร์ฝีมือระดับพระกาล เคิร์ท โรเซนวิงเกิล และแน่นอนศิลปินไทยอย่าง อีทีซี ที่จะมาปล่อยของกันอย่างเต็มที่แบบที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังที่ไหนมาก่อน"

            นิวัติ กองเพียร นักวิจารณ์ชื่อดัง ที่ไปร่วมงานมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา บอกว่า โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ชอบฟังเพลงกลางแจ้งอยู่แล้ว ดนตรีแบบนี้เป็นสิ่งที่หาฟังได้ยาก ยิ่ง  ได้มาฟังท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ที่ศาลายา โดยที่ไม่ต้องแต่งตัวมาแบบเต็มยศด้วยแล้ว ทำให้เป็นการฟังเพลงที่มีความสุขและสนุกกันเต็มที่

           กิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการวงดุริยางค์ ฟิลฮาร์มอนิกแห่งประเทศไทย ยอมรับว่า สถานที่จัดงานอย่างศาลายานั้นค่อนข้างไกล แต่สำหรับการเดินทางจากใจกลางกรุงเทพฯ อย่างย่านสุขุมวิทไปยังศาลายานั้น ใช้เวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้น เพราะเมื่อขึ้นทางด่วนได้แล้ว ใช้เวลาไม่นานก็ถึง และยิ่งงานจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคมด้วย จึงคิดว่าอากาศน่าจะเย็นกำลังดี เหมาะกับการนั่งฟังเพลงแจ๊สแบบสบายๆ และอย่าลืมไปชมประติมากรรมสองชิ้นเอกที่อยู่บริเวณสถานที่จัดงานด้วย

          จิระ มะลิกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ 'ซีซัน เชนจ์' ซึ่งเคยใช้วิทยาลัยดุริยางคศิลป์เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์มาก่อน  ยอมรับว่า สถานที่นั้นสวยแปลกตา และยิ่งได้มาถ่ายทำภาพยนตร์เพราะการชักชวนของ อ.สุกรี ที่ต้องการให้คนรู้จักวิทยาลัยดุริยางคศิลป์มากขึ้น เพราะเด็กที่นี่จะเรียนดนตรีกันอย่างเข้มข้นและจริงจัง ก็อยากจะให้คนอื่นๆ ได้มาสัมผัสกับบรรยากาศและฟังดนตรีแจ๊สด้วยกัน

                   สำหรับเทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติเพื่อการเรียนรู้ ประจำปี 2554 Thailand International Jazz Conference 2011 (TIJC2011) ภายใต้แนวคิด 'เรียนรู้แจ๊ส เพื่อสังคมแห่งความสุข' จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 มกราคม 2554 ณ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 02-800-2525 ต่อ 154, 155 หรือคลิกเข้าไปดูที่  www.music.mahidol.ac.th/tijc/ และ  www.tijc.net  โดยบัตรมีจำหน่ายแล้วที่ ไทยทิคเก็ทเมเจอร์  โทร.02-262-3456 บัตรราคา 2,000 บาท (แพคเกจ 3 วัน) 500 บาท (สำหรับ workshop / วัน) 500 บาท (สำหรับ concert / วัน) และสำหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา ลด 20%

ซื้อบัตรดูรายละเอียด

ที่มา :  http://www.gmlive.com/content.php?group=4&subgroup=11&id=236