เริ่มต้น “ความสุข ” ด้วยการเป็น “ผู้ให้”

ไลฟ์สไตล์
เริ่มต้น “ความสุข ” ด้วยการเป็น “ผู้ให้”

การมีความสุขและมองโลกอย่างเข้าใจไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่รู้จักการให้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของ หรือของมีค่า

เรื่องโดย ชมนภัส วังอินทร์ team content www.thaihealth.or.th
 
ข้อมูลบางส่วนจาก: หนังสือกลเม็ด เผด็จสุข  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
 
เมื่อฤดูกาลแห่งปีเก่าผ่านพ้นไป ฤดูกาลแห่งปีใหม่ได้ย่างก้าวเข้ามา สิ่งแรกที่ควรทำคือการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ อย่างมีจุดมุ่งหมายให้กับชีวิต  ทิ้งเรื่องร้ายๆ ออกไปจากใจให้หมด อยู่กับสิ่งที่ดีและสบายใจ อย่าจมปลักกับสิ่งที่ทำให้เสียใจ  ให้กำลังใจตัวเองเยอะๆ ลองนึกภาพดูว่า ในขณะที่เรากำลังจมอยู่เสียใจเงียบๆ สิ่งรอบตัวเราหมุนไปเร็วขนาดไหน โดยเฉพาะ “เวลา” ที่ไม่อาจหวนกลับมา ไม่ว่าเราจะเรียกร้องการกลับไปแก้ไขในช่วงเวลาใดของชีวิตก็ตาม
 
การมีความสุขและมองโลกอย่างเข้าใจไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่รู้จักการให้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของ หรือของมีค่า แต่หมายถึงของที่ประมาณคุณค่าไม่ได้  ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาคณะกรรมการ สสส. กล่าวไว้ว่า “ชีวิคนเรามีขึ้นมีลง สุขทุกข์ สลับกันไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นเวลาเราสุขก็เคลิบเคลิ้มสบายใจเพลิดเพลิน พอทุกข์คนเราส่วนมากมักจะจมและหมกมุ่นอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง สังเกตดูได้ว่าใครก็ตามที่จมอยู่ในความรู้สึกหรืออารมณ์ของตัวเองจะมีความทุกข์มาก ยิ่งคิด ยิ่งจินตนาการจะยิ่งเห็นทุกข์ของตัวเอง น้อยเนื้อต่ำใจไปเรื่อยๆ แต่ลองสังเกตนักบุญทั้งหลาย ความจริงก็ไม่ได้ดีไปกว่าเราเท่าไหร่ ปัญหาชีวิตเขามีมากกว่าเราด้วย แต่เขามีแต่ให้ เพราะไม่คิดถึงตัวเอง คิดแต่จะช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่นอย่างไร
 
เพราะฉะนั้น ผมขอแนะนำว่าท่านทั้งหลายที่มีความทุกข์มากๆ ลองคิดช่วยคนอื่นก่อน เพราะถ้าคุณคิดช่วยคนอื่น “ไม่มีความสุขอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าความสุขที่ได้จากการเป็นผู้ให้” เริ่มต้นด้วยการช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่นที่มีปัญหาที่ทุกข์ยากกว่าเรา เราจะรู้สึกดีขึ้นมาก แล้วความทุกข์ของเราจะค่อยๆลดลง เพราะไม่ต้องไปหมกมุ่นอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง แต่ไปเห็นความทุกข์ของคนอื่นแล้วอยากจะยื่นมือเข้าไปช่วย แม้แต่สัตว์เลี้ยงสักตัวก็ช่วยได้มากแล้วครับ แค่ไปล้างตู้ปลาที่สกปรกก็เหมือนการแสดงความเมตตา ใจเราจะผ่องแผ้วขึ้นเยอะเลยครับ” ศ.นพ.อุดมศิลป์ กล่าว     
 
ความสุข
 
เปลี่ยนความสูญเสียให้เป็นบทเรียน ขอแค่ไม่ยอมแพ้กับโชะตา น้องธันย์ ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ เด็กหญิงหัวใจแกร่งที่แม้จะสูญเสียขาจากอุบัติเหตุแต่ไม่เคยสูญเสียความสุข เล่าว่า “สิ่งที่ช่วยให้เรามีชีวิตอยู่ได้นั่นก็คือ "ลมหายใจ" ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจทุกอย่างก็สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ หรือหามาทดแทนได้เสมอ ท้อได้แต่อย่าถอย พยายามอย่าคิดว่าทำไมตัวเองถึงโชคร้าย ทำไมต้องเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะยิ่งจะทำให้เราห่อเหี่ยวท้อใจ
 
“ธันย์เชื่อว่าทุกคนสามารถสร้างกำลังใจที่ดีได้เพียงแค่คิดบวก ไม่คิดถึงแต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว พยายามหาด้านดีๆ ของสิ่งเหล่านั้น ขนาดเหรียญยังมี 2 ด้าน คนยังมี 2 หน้า ทุกสิ่งทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ ใช้เวลาทำใจไม่นานเดี๋ยวทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ชีวิตต้องมองไปข้างหน้า ไม่ใช่มองแค่ตรงนี้ อนาคตต้องเดินต่อไป ลมหายใจบวกกำลังใจเท่ากับชีวิตที่สดใสค่ะ”  น้องธันย์ แลกเปลี่ยนมุมมอง
 
จากโครงการ เบตง-แม่สาย เพื่อโรงพยาบาล11แห่งทั่วประเทศ ที่นำทีมวิ่งโดย นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือตูน บอดี้สแลม โดยโครงการก้าวคนละก้าว มีเจตนารมณ์ 3 เรื่อง คือ 1.ระดมทุนให้ 11 โรงพยาบาลศูนย์ 700 ล้านบาท 2.เป็นกำลังใจให้คุณหมอและพยาบาลผู้เสียสละ 3.ชวนให้คนไทยออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ เพื่อแก้กันที่สาเหตุ ก่อนจบเซตสุดท้ายของการวิ่งในโครงการก้าวคนละก้าว พี่ตูน ได้ให้สัมภาษณ์ใน THE STANDRAD ว่า  “สิ่งที่ทำทุกวันเหนื่อยอยู่แล้ว เราทำแบบนี้มันเหนื่อยอยู่แล้ว เรารู้สึกว่าเรามีความสุขและสนุกกับมัน การเหนื่อยคือสิ่งหนึ่งที่เราต้องเจอในการทำงานชิ้นต่างๆ ให้สำเร็จอยู่แล้ว ถ้ามันไม่เหนื่อยผมว่ามันคงไม่ใช่การทำงานหรือการทำสิ่งที่เราตั้งใจให้สำเร็จ คำว่าเหนื่อย มันอยู่ในทุกๆ ความพยายาม เหนื่อยแต่ว่ามีความสุข” พี่ตูน กล่าว
 
“ความสุข” เกิดขึ้นได้ทุกฤดูกาลขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับรู้และเปลี่ยนแปลงได้มากน้อยแค่ไหน หากปีที่ผ่านมาทำให้นึกถึงแล้วทุกข์ลองเปลี่ยนมามองอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยความสุขและลงมือทำอย่างเต็มที่ รวมถึงการเป็นผู้ให้ที่มากพอด้วยเช่นกัน แล้วชีวิตจะได้สิ่งตอบแทนที่ประมาณค่าไม่ได้ นั่นคือ “ความสุข” ทั้งกายและใจ เพียงแค่เราคิดดี ทำดี มีชีวิตอยู่กับปัจจุบันให้ดี และมีความหวัง มีกำลังใจอยู่เสมอ เท่านี้ชีวิตของเราก็จะไม่ห่างไกลจากคำว่าความสุขอีกแล้ว





ขอบคุณข้อมูลจาก สสส