ตลาดน้ำอัมพวา อดีตสู่ปัจจุบัน เรืองรุ่งวัฒนธรรมลำน้ำแม่กลอง

กินเที่ยว
ตลาดน้ำอัมพวา อดีตสู่ปัจจุบัน เรืองรุ่งวัฒนธรรมลำน้ำแม่กลอง

ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดน้ำยามเย็นต่างจากตลาดน้ำที่อื่นๆ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นหนึ่งเพราะอากาศในช่วงเย็นจะไม่ร้อนเท่าตอนกลางวัน นอกจากนี้อาหารการกินที่นี่ยังมีให้เลือกมากมาย ทั้งของคาวและของหวาน

   
จังหวัดสมุทรสงครามจัดได้ว่ามีอาหารอร่อยๆหลากหลายอย่างโดยเฉพาะในอำเภอ อัมพวาต้องบอกว่าเป็นแหล่งรวมอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่ง เลยก็ว่าได้สังเกตุได้จากบทกวี “กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน” ในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เนื่องจากอัมพวาเป็น เมืองประสูติของรัชกาลที่ 2 รวมทั้งเป็นเมืองราชนิกุล คือ เป็นที่ประสูติของพระบรมราชินีรัชกาลที่ 1 และ 2  รวมถึงการเสด็จประพาสต้นยังคลองอัมพวาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า อยู่หัวถึง 2 ครั้ง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่อัมพวาจะ เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญในอดีต ทำให้มีตลาดน้ำขนาดใหญ่และมีชุมชนริมน้ำที่เป็นศูนย์กลางด้านการค้า ถึงแม้ว่าการพัฒนาการคมนาคมทางบกในภายหลังจะทำให้ตลาดน้ำค่อยๆ ถูกลดความสำคัญลงไป แต่ทว่าร่องรอยความเจริญของชุมชนริมคลองอัมพวาแห่งนี้ ก็ยังคงปรากฏให้เห็นในงานสถาปัตยกรรมต่างๆ ทั้งบ้านไม้ เรือนไทย ห้องแถวไม้ เรือนแพ ฯลฯ ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 50-100 ปี
  ด้วยความร่วมมือร่วมใจของผู้คนในชุมชนท้องถิ่น ที่ต้องการจะอนุรักษ์ความเป็นอยู่ของชุมชนริมน้ำเอาไว้ จึงทำให้ “ตลาดน้ำอัมพวา” ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และเนื่องจาก “ตลาดน้ำยามเย็น” แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก จึงทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวในเวลาอันรวดเร็ว หลายๆ คนยกให้ที่แห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อที่จะได้สัมผัสบรรยากาศแบบย้อนยุคเล็กๆ พร้อมกับการพักผ่อน เดินชมวิถีชีวิตในชุมชนริมคลองที่เรียบง่าย บ้านเรือนเก่าแก่ และที่พลาดไม่ได้เลยคือ การเลือกชิมอาหารพื้นบ้านทั้งคาวหวาน ที่มีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือมาขาย รวมถึงร้านรวงบนบกที่เปิดติดๆ กันทั้งสองฝั่งคลอง ตลอดความยาวประมาณ 800 เมตรของชุมชน

จุดเด่นหนึ่งของตลาดน้ำอัมพวาที่ทำให้ใครหลายๆ คนติดอกติดใจนั่นก็คือ การได้เลือกชิมและช็อปของอร่อยแบบเต็มพิกัด ถ้าใครมาแล้วไม่อิ่มจนพุงกาง ก็เป็นต้องช็อปสนุกชนิดสองมือหอบหิ้วไม่ไหวกันเลยทีเดียว เรือพายขายอาหารที่จอดเรียงรายอยู่ริมคลองนั้น หลักๆ จะเป็นอาหารทะเลเสียเป็นส่วนใหญ่ เช่น ปลาหมึกย่าง ปูเผา หอยเชลล์ย่าง รวมถึงกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ เผากันให้เห็นๆ ส่วนอาหารอื่นๆ ก็มีเช่นกันทั้ง ก๋วยเตี๋ยวเรือ ผัดไท หอยทอด หมูสเต๊ะ ซึ่งมีให้เลือกหลายเจ้ามากๆ ใครถูกใจร้านไหนก็จับจองที่นั่งริมน้ำไว้ได้เลย หรือจะหาซื้อมานั่งกินตามมุมต่างๆ ที่มีการจัดสถานที่ไว้ให้ นอกจากนี้ยังมีขนมหวานอีกนานาชนิดทั้งที่คุ้นตากันดีอย่าง ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมชั้น ข้าวเกรียบว่าว ขนมหม้อแกงในหม้อดินเผา ขนมถ้วย เฉาก๊วย รวมไปถึงขนมไทยโบราณที่หากินยากๆ ที่ตลาดน้ำอัมพวาก็ยังมีให้ได้ซื้อหามาลองชิมกันอยู่ เช่น ขนมลืมกลืน ขนมรังไร ขนมลำเจียก ขนมวุ้นในไข่ เป็นต้น

อย่านึกว่าจะหมดแต่เพียงแค่เรื่องอาหารการกินเท่านั้น ในตลาดน้ำอัมพวาแห่งนี้ยังเป็นแหล่งรวมงานฝีมือและงานศิลปะไว้อีกมากมาย เช่น เสื้อยืดสกรีนลายเก๋ๆ ที่มีให้เลือกเป็นร้อยๆ แบบ ของที่ระลึกของฝากรูปแบบต่างๆ โปสการ์ดลายสวยๆ พวงกุญแจสุดน่ารัก ของเล่นโบราณ หรือแม้แต่ข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดสมุทรสงคราม พวกพืชผักและผลไม้สดๆ จากสวนก็เรียงรายกันมาให้เลือกซื้อกันไม่หวาดไม่ไหว เดินกันจนเหนื่อยแล้วก็สามารถแวะพักดื่มเครื่องดื่มสมุนไพรเย็นๆ หรือจะแวะตามร้านกาแฟโบราณก็มีให้เลือกอยู่หลายร้านเช่นกัน

หมดจากเรื่องหาของอร่อยให้ปากท้องแล้ว ตลาดน้ำอัมพวายัง มีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น การนั่งเรือไปไหว้พระริมแม่น้ำแม่กลอง หรือการนั่งเรือออกไปดูหิ่งห้อยที่บินออกมาเปล่งแสงยามค่ำคืน ระหว่างทางที่ล่องเรือไป เราก็จะได้เห็นวิถีชีวิตริมน้ำของชาวอัมพวาที่เรียบง่ายและเงียบสงบ สำหรับคนที่ชื่นชอบเพลงเก่าคงพลาดไม่ได้เลยกับ “บ้านครูเอื้อ สุนทรสนาน” ศิลปินเอกแห่งอัมพวา ภายในบ้านจะมีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของครูเอื้อจัดแสดงไว้ให้ชม อีกทั้งยังมีซีดีเพลงผลงานของครูเอื้อให้ได้เลือกซื้อหาด้วย ใกล้กันกับบ้านครูเอื้อ ก็จะเป็น “โครงการอัมพวา ชัยพัฒนานุรักษ์” โครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พื้นที่ของโครงการนี้ถูกแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ พื้นที่สวนชัยพัฒนานุรักษ์ ที่จัดเป็นสวนสาธิตการเกษตรเพื่อการเรียนรู้ ลานวัฒนธรรมนาคะวะรังค์และลานสวนชัยพัฒนานุรักษ์ ลานอเนกประสงค์สำหรับจัดกิจกรรมชุมชน ลานจัดแสดงสินค้าชุมชน ส่วนสุดท้ายคือ พื้นที่เรือนแถวไม้ริมคลองอัมพวา ที่มีร้านชานชาลา เป็นส่วนเชื่อมโยงพื้นที่สวนกับบริเวณริมน้ำเข้าด้วยกัน ซึ่งบริเวณของร้านชานชาลาที่เป็นร้านจำหน่ายเครื่องดื่มและของว่างจะมีที่ นั่งจัดเตรียมไว้มากมาย ใครเดินเล่นเหนื่อยๆ ก็สามารถมานั่งพักได้

แต่ถ้าใครยังไม่จุใจกับบรรยากาศของอัมพวา อยากจะสัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำอย่างใกล้ชิด ก็สามารถเลือกพักค้างคืนตามโฮมสเตย์ที่กระจายตัวอยู่ตามส่วนต่างๆ ของตลาดน้ำอัมพวาได้ เชื่อเราเถอะ...ถ้าลองคุณได้มีโอกาสมาพักที่นี่สัก 1-2 คืน รับรองว่าจะต้องติดใจในความเรียบง่ายและความมีชีวิตชีวาของชุมชนอัมพวาแห่งนี้อย่างแน่นอน

 

ที่อยู่ : เทศบาลตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
GPS : 13.425967, 99.955083
Website : http://www.amphawa.go.th
เวลาทำการ : วันศุกร์ ตั้งแต่ 16.00-22.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ 12.00-22.00 น.
ช่วงเวลาแนะนำ : เย็นวันศุกร์-อาทิตย์
ไฮไลท์ : วิถีชีวิตริมคลองอัมพวา รวมถึงร้านรวงต่างๆ ที่มีการตกแต่งร้านที่น่าสนใจสะดุดตา
กิจกรรม : ชิมอาหารและขนมไทยในตลาดน้ำอัมพวา / นั่งเรือชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน


การเดินทางโดยรถส่วนตัว
จากกรุงเทพฯใช้ทางหลวงหมายเลข35 ถนนพระราม2 (ถนนธนบุรี-ปากท่อเดิม) เมื่อไปถึงหลักกิโลเมตรที่63 ให้ชิดซ้ายใช้ทางคู่ขนานต่างระดับเข้าตัวเมืองสมุทรสงครามผ่านตัวเมืองจาก นั้นเข้าทางหลวงหมายเลข325 (สมุทรสงคราม-บางแพ) ถึงสามแยกอัมพวาให้ชิดซ้ายเลี้ยวเข้าอัมพวาวิ่งตรงมาเรื่อยๆ ทางเข้าตลาดน้ำจะอยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนขึ้นสะพานข้ามคลองอัมพวา หรือจะขับเลยขึ้นไป ข้ามสะพานแล้วไปจอดรถที่บริเวณวัดอัมพวันก็ได้

การโดยสารรถตู้
สามารถไปขึ้นรถได้ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งถนนพหลโยธิน บริเวณใต้ทางด่วนที่คิวรถตู้สายกรุงเทพ-แม่กลอง  ค่าโดยสาร 60-70 บาท ลงรถตู้ที่ตลาดแม่กลองแล้ว เดินมาแถวๆ ตลาดจะมีคิวรถสองแถว ไปโรงเจตรงตลาดน้ำอัมพวาค่าโดสาร10 บาท

ข้อมูลเเละภาพประกอบจาก