ตะลุยเวียดนามเหนือ เยือนฮานอยก่อนเลยไปซาปา

กินเที่ยว
ตะลุยเวียดนามเหนือ เยือนฮานอยก่อนเลยไปซาปา

เวียดนาม ประเทศที่มากล้นไปด้วยมนตร์เสน่ห์ วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวเวียดนามกันค่ะ ไปเยือนฮานอย ฮาลองเบย์ ฮวาลือ ตามก๊อก และซาปา พร้อมกับนำประสบการณ์ต่างๆ มาถ่ายทอดความสวยงามและประทับใจให้ได้ชมกันค่ะ


"เวียดนาม" ประเทศที่มากล้นไปด้วยมนตร์เสน่ห์ วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวเวียดนามกันค่ะ จากบันทึกการเดินทางของ คุณ Evamoniez สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้มีโอกาสไปเยือนฮานอย ฮาลองเบย์ ฮวาลือ ตามก๊อก และซาปา พร้อมกับนำประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้พบเจอมาถ่ายทอดความสวยงามและประทับใจให้เราได้ชมกันค่ะ
 
สวัสดีค่ะชาวพันทิปทุกท่าน นี่เป็นรีวิวครั้งที่สองของอีฟนะ ฝากรีวิวแรกด้วยนะคะ "ครั้งแรกที่ภูกระดึง ใครว่ายาก" : http://pantip.com/topic/32988978 ครั้งนี้อยากไปเวียดนามค่ะ ไม่เคยไปเลย พอดีช่วงนั้นมีโปรฯ ของแอร์เอเชีย เลยจองขำ ๆ ฮิ ๆ  ได้ราคาไป-กลับ 3,615 บาท วันที่ 20-26 เมษายน 2558 ค่ะ (จองล่วงหน้าครึ่งปีเลยทีเดียว) 


 
ก็ปล่อยเวลาผ่านไป ยังไม่มีอารมณ์วางแพลนใด ๆ จนต้นเดือนเมษายน เริ่มนึกได้ว่าถ้าไม่วางแผนตอนนี้จะลำบาก  เลยวางแผนคร่าว ๆ ดังนี้ค่ะ 
 
เดินทางวันที่ 20 เมษายน กลับ 26 เมษายน 2558
 
วันที่ 20 เดินชมเมืองฮานอย
วันที่ 21 ไปทัวร์ฮาลองเบย์
วันที่ 22 ไปทัวร์ฮวาลือ ตามก๊อก
วันที่ 23 เช้าเดินชมเมืองฮานอย 21.00 น. ไปซาปา
วันที่ 24 เที่ยวซาปา Cat cat Village
วันที่ 25 เดิน 12 กิโลเมตร เพื่อไปดูวิวสวย ๆ ของซาปา
เดินทางกลับจากซาปาวันที่ 25 ตอน 21.00 น. ถึงฮานอย ตี 3 นั่งเครื่องกลับไทยวันที่ 26 ไฟลท์เช้า
 
เอาล่ะ...เดินทางเลยละกัน เพื่อนขับรถไปสนามบินดอนเมืองค่ะ ไปจอดไกลมาก เห็นว่าจอดฟรีว่าอย่างนั้น ลองหารีวิวคนอื่นดูนะคะว่าโซนไหน เดินไปอาคารผู้โดยสารประมาณ 10 กว่านาทีค่ะ ทั้งเดิน ทั้งวิ่ง สนุกมาก (เหรอ)  แลกเงินที่สนามบินดอนเมืองค่ะ  บางคนบอกให้แลกเป็น USD ก่อน แล้วค่อยไปแลกเป็น VND ที่สนามบินเวียดนาม ลืมค่ะ แลกเงิน VND มาหมดเลย แนะนำว่าควรแลกเป็น USD สัก 100 USD เอาไว้ซื้อทัวร์ค่ะ คุ้มกว่า 

เดินทางเกือบ 2 ชั่วโมง ก็ถึงฮานอยค่ะ พอดีไปอ่านรีวิวของหลายท่านบอกว่าที่สนามบินมีซิมขาย เลยลองเดินหา หาเจอง่ายมากค่ะ ด้านล่างตรงทางออก จะมีร้านขายซิม Viettel ถามร้านแรกแต่ไปซื้อร้านที่สองฮ่า ๆ เริด ได้โปรฯ อินเทอร์เน็ต 3G 1.5 GB ค่ะ โทรภายในประเทศ ประมาณ 60 นาที (เอาไว้โทรหากัน เผื่อหลงค่ะ)  จ่ายไป 200,000 ดองค่ะ คิดเป็นเงินไทยก็ ประมาณ 300 บาท คิดง่าย ๆ นะคะ 100K VND ละ 150 บาทค่ะ ระหว่างรอเปลี่ยนซิมพนักงานก็ถามค่ะ มีแพลนไปเที่ยวที่ไหนบ้าง อีฟเลยตอบว่าอยากไป ฮาลองเบยฮวาลือ ตามก๊อก นางก็เริ่มขายทัวร์เลยค่ะ ที่สนามบินคิด One Day Tour ไป ฮาลองเบย์ 40 USD ไปฮวาลือ ตามก๊อก 40 USD ค่ะ บอกซื้อสองอันจะลดให้เหลือ 75 USD  ตอนนั้นเลยลังเลเลยขอเบอร์พนักงานมา บอกว่าถ้าตัดสินใจจะโทรบอกอีกที 
 
ภารกิจถัดไป เราจะออกจากสนามบินไปตัวเมืองฮานอยอย่างไร พอดีจังหวะที่ลงบันไดเลื่อนมาเจอผู้ชายคนหนึ่งมาทักว่าเป็นคนไทยเหรอ จริง ๆ อีฟไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้านะคะ แต่เพื่อนที่ไปด้วยกันนางอัธยาศัยดีค่ะ เลยตอบไปนิดหน่อย เขาบอกเป็นคนเวียดนาม พูดไทยได้ (แต่เป็นอีสานมากกว่าค่ะ) เขาเลยบอกว่าไปด้วยกัน เขาจะกลับบ้านที่เวียดนาม ญาติกำลังมารับ อีฟก็งง ๆ งวย ๆ อะไปก็ได้ ญาติ ๆ ก็มีผู้หญิงหลายคนค่ะ เลยสบายใจ (ไม่แนะนำนะคะ เสี่ยงค่ะ) ระหว่างนั่งรถมาถึงตัวเมืองฮานอย ถึงกับต้องขยี้ตาค่ะ นึกว่าตาฝาด เดี๋ยว ๆๆๆ คนสูบกัญชาในร้านกาแฟค่ะ ไม่ได้ตาฝาดแน่ ๆ  โอ้ววววว ประเทศนี้เริดมากค่ะ (กดถ่ายรูปไม่ทัน มัวแต่อึ้ง ฮ่า ๆๆ)
 
แล้วก็มาถึงโรงแรมที่พักอย่างปลอดภัยขอบคุณเพื่อนใหม่คนที่ 1 ของทริปนี้ พอถึงโรงแรมยังเช็คอินไม่ได้ เลยต้องไปเดินเล่นก่อน ระหว่างนั้นพนักงานต้อนรับก็ถามว่ามีแพลนไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ก็เลยตอบเหมือนที่สนามบินค่ะ แต่ของโรงแรมแจ้งราคามาโหดกว่าเดิมอีก ราว ๆ วันละ 60 หรือ 70 USD นี่แหละ (แอบลืมเดี๋ยวไปถามเพื่อนก่อน) ก็เลยยังไม่ตกลง แล้วเขาก็เลยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในฮานอย น่ารักมากค่ะ บอกละเอียดมาก ใช้เวลาบอกเส้นทางสำหรับเดินเที่ยวและรายละเอียดแต่ละสถานที่เกือบ 30 นาที ได้แผนที่น่ารัก ๆ มา 1 อันค่ะ 


 
บริเวณเคาน์เตอร์ของโรงแรมค่ะ 


 
หลัง จากนั้นก็เดินเล่นที่ฮานอยค่ะ มีภารกิจ 1 อย่างคือต้องหาทัวร์ด้วย ถามเพื่อนที่เคยมาบอกมาร้านขายทัวร์ตามข้างทางเยอะมาก มีหลายราคา ก็เดินไปตามแผนที่ค่ะ แวะพักนิดหนึ่งค่ะ ร้อนมาก บรรยากาศร้านข้างทางนี่นี่จะเป็นโต๊ะเตี้ย ๆ และเก้าอี้แบบนี้ค่ะ คนที่นี่ชอบกินเมล็ดทานตะวันกับกาแฟ แทะไป จิบไป คงฟินมั้งคะ 


 
ถึงแล้วค่ะ Ho Chi Minh Mausoleum แต่ร้อนอะ (ตกแต่งภาพนิดหน่อยนะคะ) 


 
และนี่ จั๋วโหมดโกด (Chua Mot Cot) หรือเจดีย์เสาเดียว One Pillar Agoda หน้าเริ่มไม่ไหวละค่ะ เหนื่อยและร้อน


 
แรก ๆ ก็งงนะคะ ว่าจะข้ามถนนที่ฮานอยยังไง รถเยอะมาก บีบแตรสนั่นหวั่นไหว ทุกคันต้องบีบแตรค่ะ ตอนนี้รู้แล้วค่ะ ถ้าจะข้ามถนนอยากเดินเดินเลยค่ะ รถทุกคันจะบีบแตรทักทายเรา ประมาณว่า "ข้ามถนนดี ๆ นะ" และทุกคันก็หลบให้เราค่ะ เริดค่ะ บอกเลย


 
นี่ก็ชะตากรรมเดียวกันค่ะ วันแรกการข้ามถนนเป็นอะไรที่ยุ่งยากมาก 


 
และแล้วก็ข้ามสำเร็จแบบหวั่นๆ ฮ่าๆ


 
หลัง จากนั้นภารกิจของสองสาวก็คือต้องหาซื้อทัวร์สำหรับวันพรุ่งนี้ค่ะ ระหว่างถนน Hang Bong ไปยัง ทะเลสาบฮวานเกี๋ยม จะมีร้านขายทัวร์เพียบเลยค่ะ ที่หน้าร้านแต่ละร้านก็จะติดราคาไว้พอ ๆ กัน ไม่ต่างกันมาก ถ้าเป็นพวก One Day Tour ไป ฮาลองเบย์หรือฮวาลือ ตามก๊อก ราคาจะเริ่มต้นที่ 25 USD ค่ะ เลยลองไปสอบถามกับร้านหนึ่ง พนักงานน่ารักดี คุยเก่งมาก ในส่วนของทริปฮาลองเบย์มีหลายราคา ขึ้นกับความใหม่เก่าของเรือและเมนูอาหารบนเรือค่ะ ถ้า 25 USD จะเป็นอาหารธรรมดาไม่มี Seafood ว่างั้น เลยเลือกเอาที่ดีหน่อย 30 USD ละกัน ฮ่า ๆๆ อ้อราคานี้รวมพายเรือคายัคแล้วนะคะ แต่ถ้าจะนั่ง Bamboo Boat จะต้องจ่ายเพิ่มค่ะ (คนขายแนะนำว่าเราเหมาะกับคายัคมากกว่า) 
 
ส่วน อีกวันที่ไปฮวาลือ ตามก๊อก ราคา 28 USD ถ้ารวมเช่าจักรยานด้วยจะเป็น 34 USD โอเค จัดไปค่ะ มี Vat อีก 10% นะคะ ทัวร์จะออกใบเสร็จให้และนัดเรา ประมาณ 08.00-08.30 น. โดยจะมีรถวนมารับทีละโรงแรมจนครบค่ะ...คนขายน่ารัก


 
เสร็จ สิ้นภารกิจ ต่อไปเราต้องหาอาหารพื้นเมืองกินกัน ตามรีวิวของคนอื่น ๆ ที่มาฮานอยต้องมานั่งกิน "หอย" ค่ะ หอยข้างทาง ทั้งลวกทั้งย่างนี่แหละค่ะ ว่าแล้วก็ Random ร้านเลยค่ะ เลือกร้านที่คนเยอะ และแล้วก็เลือกมา 1 ร้าน แต่โอ้ววววว...หอยแครงจานละ 100K VND = 150 บาท แพงแท้ เอาไงเอากัน กินละกัน แต่โต๊ะอื่น ๆ จะสั่งหอยขมกันค่ะ เลยคิดว่ามันต้องมีอะไรพิเศษแน่ ๆ ก็เลยจัดอีกชาม ราคาเท่ากัน 100K VND น้ำจิ้มก็ไม่อร่อยเท่าน้ำจิ้มซีฟู้ดบ้านเราหรอกค่ะ แต่กินไปค่ะ ผักก็หลายรสดี ไม่เคยกินแต่ก็จัดไปค่ะ 


 
หลัง จากนั้นเราก็ไปดูหุ่นกระบอกน้ำ Thang Long Water Puppet Theatre ไปซื้อตั๋วก่อนเข้าชมได้เลยค่ะ มีสองราคานะคะ นั่งหน้ากับนั่งหลังค่ะ เลือกหน้าละกัน 100K VND มีรอบแสดง วันละ 4 รอบ ตั้งแต่เวลา 17.00 น., 18.30 น., 20.00 น. และ 21.15 น. รอบละประมาณ 1 ชั่วโมง 


 
คนที่เข้าดูรอบนี้มีแค่ 5% เท่านั้นค่ะที่เป็นคนเอเชีย ที่เหลือก็ฝรั่งล้วน ๆ อิอิ รู้สึกฟิน (กับหุ่นกระบอกนะคะ) การแสดงมีช่วงแรกที่แนะนำเป็นภาษาอังกฤษ ที่เหลือเป็นภาษาเวียดนามค่ะ เราไม่เข้าใจแต่ไม่ต้องห่วงคนอื่นก็ไม่เข้าใจค่ะ แต่สนุกค่ะ หัวเราะไปกับการแสดงของเขา การแสดงจะเป็นการใช้ชีวิตแบบพื้นเมืองของคนเวียดนามค่ะ มีการทำนา การหาปลา การเลี้ยงเป็ด การจีบสาว อิอิ อ้อที่นี่ไม่ห้ามเรื่องการถ่ายรูปนะคะ เราสามารถถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอก็ได้ค่ะ แต่คิดว่าตั้งใจดูจะดีกว่า เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอะไรมามาก ถ่ายตอนจบละกัน นี่คือคนที่เชิดหุ่นกระบอกค่ะ อยากให้มาดูนะคะคุ้มมากค่ะ 


 
และกลับโรงแรมไปพักผ่อนดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้ทัวร์จะมารับแต่เช้า 08.00 น. 
 
เช้าวันที่ 21 เมษายน ทานอาหารที่โรงแรม ที่นี่จะเตรียมไว้ไม่กี่อย่างค่ะ แต่พนักงานจะมีเมนูมาให้เลือก ก็กินง่าย ๆ ไปก่อน


 
หลังจากนั้นสักพักไกด์ก็มาตามถึงห้องอาหารเลยค่ะ ฮ่า ๆ อิ่มพอดี หลังจากนั้นก็ตามรับคนจนครบ และออกเดินทางค่ะ และมุ่งหน้าสู่ฮาลองเบย์ ใช้เวลาราว ๆ 3 ชั่วโมง เพราะที่นี่รถยนต์จะวิ่งไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนรถจักรยานยนต์ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็เลยไม่เจออุบัติเหตุเลย 


 
จะแวะพักประมาณ 20 นาที เพื่อเข้าห้องน้ำและซื้อของฝากพวกงานฝีมือค่ะ รถจอดห่างจากท่าเรือเล็กน้อย เราก็เดินไปท่าเรือค่ะ กรี๊ด ๆ อยากลงเรือแล้วววววววว


 
ได้แต่นั่งมอง เพราะต้องรอสมาชิกทัวร์เดินมาให้ครบก่อน วันนี้ทัวร์กลุ่มเรามีประมาณ 14 คนค่ะ ได้ยินเสียงคนคุยกันเป็นคนไทยข้างหลังด้วย 


 
นั่งรอใครนะ อิอิ ว่าจะไปนั่งเป็นเพื่อนซะหน่อย ไกด์ก็กวักมือเรียกแล้วค่ะ ไปขึ้นเรือกันเถอะ 


 
ไปกันค่ะ


 
บรรยากาศบนเรือนะคะ 


 
อาหารจะมีประมาณ 6 อย่าง ทาน 6 คนค่ะ ราคาอาหารรวมในทริปแล้ว แต่เครื่องดื่มต้องซื้อเองค่ะ ราคาพอคบได้ ไม่ถือว่าแพงมาก แอบลืมว่าเท่าไรเดี๋ยวมาบอกนะคะ


 
นั่งเรือไปกินข้าวยังไม่อิ่มเท่าไร แต่วิวสวยมาก ไม่ไหวละค่ะ คว้ากล้องออกไปถ่ายรูปวิวดีกว่า สวยมาก ๆๆ ฟินสุด ๆ ค่ะ (ตกแต่งภาพเล็กน้อยนะคะ เพิ่งหัด Ps และ Lr ค่ะ ทำเดา ๆ ได้แค่นี้) 


 
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว เราก็มาถึงหมู่บ้านชาวประมง Vung Vieng Fishing Village และเตรียมตัวไปพายเรือคายัคกันค่ะ แต่หาเสื้อชูชีพตัวที่สมบูรณ์แบบยากมาก ส่วนใหญ่จะพังหมดค่ะ เลือกดีหน่อยละกัน
 
หมู่บ้านชาวประมงค่ะ ฮ่า ๆ รีบมาก ถ่ายรูปไม่รู้เรื่องละ ใจอยากลงไปคายัค...คายัค 


 
พายเรือกันค่ะ แรก ๆ เลยงงมาก พายเป็นวงกลม ฮ่าๆๆ มันเริด สักพักถึงเริ่มกำหนดทิศทางได้ ช่วงนี้ไม่ห่วงอะไรค่ะ ห่วงกล้องกว่าชีวิตตัวเองอีก อย่าเปียกนะลูก อิอิ


 
พายไปสักพักก็แวะถ่ายรูปบ้าง ถ่ายวิดีโอบ้าง ช่วงนี้ไกด์ให้เวลาพวกเราประมาณ 25-30 นาทีค่ะ แอบได้ยินฝรั่งกลุ่มโน้นคุยกันประมาณว่าขอบคุณที่ทำให้วันเกิดปีนี้ของเขาอะ เมซิ่งมาก ๆ จริงค่ะ อะเมซิ่งมาก สวยอะ...ฟิน อากาศไม่ร้อนนะคะ วันนั้นอากาศประมาณ 21 องศาเซลเซียสค่ะ 


 
และก็ถึงเวลาขึ้นจากเรือคายัค นี่แหละมันยากที่สุด คนท้องถิ่นจะโบกมือให้เราเข้าจอดเทียบท่าตรงนี้ ๆ แต่มันยากนะคะ ที่เราจะพายเรือไปแบบนั้นได้ ต้องวนเรืออยู่สามรอบ (วนเป็นวงกลมค่ะ) ถึงเข้าเทียบท่าได้ 
 
สักพักไกด์ก็พาเรามุ่งหน้าไปที่ถ้ำเทียนกุง (Dong Thien Cung) ไปกันค่ะ 


 
ถึงแล้วค่ะ เป็นถ้ำที่เกิดมานานแล้ว ปีอะไรนี่แหละไกด์บอก คนที่ค้นพบหนีพายุมาหลบที่นี่ประมาณนี้ค่ะ (แอบลืม) 


 
จะมีหินย้อยหลายอันที่น่าสนใจค่ะ ไกด์จะชี้ ๆ ให้ดู เท่าที่จำได้จะมี Happy Man, Sexy Girl, Turtle, Crocodile (ถ่ายไว้เยอะนะ แต่อยากให้ไปดูเอง)


 
และนี่ค่ะ Woman Breast ไกด์บอกว่าถ้าลูบ ๆๆ แล้วจะสมหวังเรื่องความรัก อีฟนี่ลูบจนหินเปียกเลยค่ะ ฮ่าๆๆ


 
และพอออกจากถ้ำก็จะเจอจุดชมวิวของอ่าวฮาลองค่ะ คือแบบสวยมาก คนก็รอคิวถ่ายรูปเยอะค่ะ ถ้าฝรั่งจะรอแบบใจเย็นค่ะ แต่ถ้าลูกพี่จีนนี่จะแนวมาก คนอื่นถ่ายเหรอ ถ่ายไปเลยค่ะ พี่แกก็จะเข้าร่วมเฟรมเลย พี่แนวค่ะ นี่คือวิวที่น่าจะสวยที่สุดของฮาลองเบย์ค่ะ (ตกแต่งภาพเล็กน้อยนะคะ)


 
หลังจากนั้นก็นั่งเรือกลับขึ้นฝั่งและนั่งรถบัสกลับโรงแรมค่ะ 3 ชั่วโมง ก็นอนไปเลย พักผ่อนและเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ ไปฮวาลือ ตามก๊อกค่ะ ^3^
 
วัน ที่ 22 เมษายน 2558 เช้านี้ก็เริ่มเวลาเดิมค่ะ 08.00 น. ไกด์จะมาตามถึงโรงแรมเลย วันนี้เป็นนั่งรถตู้ค่ะ (เมื่อวานรถบัส) มีสมาชิกร่วมทริป 10 คนค่ะ ไทย 2 คน เช็ก 1 คน เกาหลี 3 คน ญี่ปุ่น 2 คน ฝรั่งเศส 2 คนค่ะ แรก ๆ ก็ไม่มีใครคุยกันหรอกค่ะ (มีหนุ่มเช็กที่มาคนเดียว พยายามชวนคุย สงสัยอยากหาเพื่อน ก็เลยเริ่มฟอร์มทีมค่ะ) ก็เหมือนเดิมนะคะ นั่งรถประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ (หลังจากที่วนรับคนจนครบนะคะ) และมีเบรกดูงานฝีมือเหมือนเดิมค่ะ อีฟก็เข้าห้องน้ำและหาขนมกินนิดหน่อย อิอิ วันนี้ก็อากาศดีมาก ๆ เลยค่ะ น่าจะราว ๆ 18 องศาเซลเซียส และแล้วก็ถึงค่ะ ซุ้มประตูนี้ชื่ออะไรไม่แน่ใจ แต่สวยค่ะสวยมาก 


 
เก๊กซะหน่อย ฮี่ ๆๆ 


 
ไปต่อกันค่ะ สังเกตที่นี่จะเป็นภูเขาหิน ๆ แบบนี้ทั้งหมดเลย และต้นไม้ก็เขียวชอุ่มมาก ฟินค่ะ 


 
และก็เข้ามาถึง วัดเลฮวาน (Le Dynastic Temple) ค่ะ 


 
ฮิ ๆ เข้าวัดได้นะ ไม่ร้อน 


 
ออกจากวัดกันค่ะ นี่เพื่อนชาวญี่ปุ่นนะคะ ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร เขาไม่คุยกับเรา ฮ่า ๆ อ้อมีขอดูกล้องทีหนึ่ง 


 
เดินกลับไปขึ้นรถค่ะ จะได้ทานข้าวเที่ยงแล้ว ระหว่างที่เดินไปจะมีนักเรียนชาวเวียดนามมาเดินขายโปสการ์ดตลอดทางค่ะ สังเกตเสื้อแขนยาวสีขาว เด็กพูดไม่กี่ประโยคค่ะ Money for School ค่ะ


 
ลูกๆ เดินตามตลอดค่ะ จนถึงรถตู้กันเลยทีเดียว 


 
ทาน ข้าวเป็นแบบบุฟเฟ่ต์นะคะ รสชาติคือพอประทังชีวิตรอดเท่านั้นค่ะ อย่าไปคาดหวังความอร่อย ก็เหมือนทัวร์เมื่อวานนะคะ ค่าอาหารรวมกับค่าทัวร์แล้ว แต่เครื่องดื่มต้องซื้อต่างหาก และหลังจากทานข้าวเสร็จก็ถึงเวลาล่องเรือชมธรรมชาติที่รอคอย นี่คือจุดลงเรือค่ะ กรี๊ดมาก สวยมากกกกกกกก (ตกแต่งภาพเล็กน้อยนะคะ)


 
ล่องเรือกันค่ะ ไม่มีคำบรรยายเลยค่ะ ณ จุด ๆ นี้ รู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์มาก สวยมากกกกกก 


 
เพื่อนชาวเกาหลีและเช็กค่ะ สนุกเฮฮามากกลุ่มนี้ ตอนนี้ยังรอรูปจากเขาอยู่ค่ะ ยังไม่กลับบ้านเลยว่างั้น สังเกตท่าคนพายเรือนะคะ ชิวมากค่ะ ใช้เท้าสองข้างคล่องมาก 


 
ตลอดทางก็จะมีคนมาถ่ายรูปเราค่ะ รอพริ้นท์รูปและเก็บเงินตอนเรากลับเข้าฝั่ง (โดนไปเหมือนกัน เกรงใจค่ะ)


 
เดี๋ยวเราจะลอดเข้าไปข้างใต้ถ้ำตรงนั้นค่ะ ตื่นเต้นจัง >,<


 
สวยค่ะ คนพายเรือก็จะบอกเราตลอดทาง ให้ดูนก ดูเลียงผา (เอ๊ะหรือกวางผา...สักอย่างนะคะ อยู่บนภูเขาค่ะ) ดูแมว ฮ่า ๆ น่ารัก


 
ก็นั่งฟินกันไปสิคะ คนพายก็พายไป ตอนนี้แทบไม่มีใครคุยกัน ซึมซับความรู้สึกกันเต็ม ๆ สูดลมหายใจให้เต็มปอด 


 
มีตลาดน้ำด้วยค่ะ ตอนแรกก็กะว่าจะไม่ซื้อนะคะ พอคนขายบอกว่านี่ซื้อ Red Bull ให้คนพายเรือ คนพายเรือเหนื่อย ใจอ่อนค่ะ จัดไป ก็เลยช่วยอุดหนุนมะม่วงด้วย ตอนแรกเรียกแพงมาก ต่อไปต่อมาได้ 2 ถุง 20 บาทค่ะ จ่ายเงินบาทไทยนะคะ มีทอนด้วย เริดที่สุด 


 
แลกเงินกันข้ามลำด้วยค่ะ 


 
สวยค่ะ บอกเลยมาแล้วจะฟิน นี่ยังคุยกับเพื่อนเลยว่าวันไหนเซ็ง ๆ เรานั่งเครื่องเพื่อมาที่นี่กันไหม 55 


 
ช่วง ขากลับเราก็เริ่มหิวค่ะ เลยหยิบถั่วที่ซื้อช่วงกลางวันมากิน คนพายเรือนางขอค่ะ ขอเผื่อเพื่อนด้วย มีไมตรีจิตมากกกกกก ถ้าไม่ให้เราก็จะดูชั่วไปหน่อย เลยให้ไปค่ะ สักพักก่อนถึงฝั่งนางก็เริ่มเข้าเรื่องค่ะ Tip for Me ต้องมีทิปด้วยสินะ แล้ว Red Bull กับถั่วกระป๋องหนึ้ง อ้อมีโอริโอ้ด้วยห่อหนึ่ง ไม่นับรวมในทิปสินะ โอเค จัดไป เลยถามนางค่ะว่าต้องเท่าไร นางตอบ 200 บาท เราคนไทยนี่คะ ต่อค่ะ 150 บาท ได้ไหม นางตอบได้ โอเค 150 บาท จัดไป
 
หลังจากนั้นไกด์ก็เริ่มกวักมือเรียกมาเลือกจักรยานค่ะ กำลังเลือกอยู่ดี ๆ เจ๊คนถ่ายรูปมาเลยค่ะ รูปเพียบบบบบ ฉันก็เต็มใจยกไม้ยกมือให้เขาจัง จะไม่เอานางก็เริ่มหน้างอ ตอนแรกนางบอก 150 บาท เราเลยต่อค่ะ 60 บาทได้ไหม ต่อไปต่อมาได้ค่ะ นึกละโมโหตัวเอง ฉันไปยกมือให้ช่างภาพทำไม เพลีย -*-


 
ไปปั่นจักรยานดีกว่าค่ะ แทบไม่มีรถสวนทางเลย ปั่นไปถ่ายรูปไปชิวมาก บรรยากาศข้างทางเป็นทุ่งนา ถัดไปเป็นภูเขา รู้สึกสดชื่นมากจริง ๆ ฟินนน


 
ปั่นเสร็จใช้เวลาประมาณ 30 นาที ไกด์ก็เรียกให้กลับค่ะ หลังจากนั้นก็นั่งรถกลับอีก 3 ชั่วโมงค่ะ หลับยาวไป กลับไปถึงฮานอยประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ก็หาอะไรกินนิดหนึ่ง ลองกินร้านข้างทางของเวียดนามคือแบบหาความสะอาด สุขอนามัยไม่มีเลย กระจาดใส่ขนมปังมีคราบน้ำมันติด มีราขึ้นด้วย นี่ไม่รวมช้อนสุดมัน ตะเกียบเปียก และคนคายเศษอาหารกระจายเต็มพื้นนะ ให้ตายสิ คนที่มากินนี่แบบใส่ชุดทำงานดูดี สะอาดสะอ้านนะ กินแบบหน้าตาชิวมาก คายเศษอาหารลงพื้นแทบจะกระเด็นโดนเท้าหนูแล้ว ผู้ชายคนข้าง ๆ สั่งน้ำมูก ขากเสลด เอาสินั่งดูละกัน ไม่กินละ (ป.ล. ปกติเป็นคนกินง่ายนะ) ไม่กล้าถ่ายรูปเลยค่ะ นั่งดราม่าอยู่คนเดียวเงียบ ๆ คนอื่นก็กินแซบนัวร์กันจัง
 
หลังจากนั้นก็เดินกลับโรงแรมค่ะ ระหว่างทางก็คุยกันกับเพื่อนจะเอายังไงดีพรุ่งนี้เรายังไม่มีแพลนกันเลย เดินถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยเลยมาเจอร้านขายทัวร์อีกค่ะ เพื่อนเลยถามว่าอยากไปซาปาไหม ที่เป็นทุ่งนาแบบขั้นบันได นางก็ไม่รู้จะเอายังไงดี ไม่มีทางเลือก ไปก็ได้ เลยเดินเข้าไปถามรายละเอียดทัวร์ซาปาค่ะ เป็น 3 คืน 2 วัน ราคาต่อคนอยู่ที่คนละ 3,000 บาท (ตอนแรกเขาเรียกมา 3,500 บาท เลยลองต่อขำ ๆ สำเร็จค่ะ) ราคานี้รวมอาหาร 6 มื้อ ที่พักที่ซาปา 1 คืน ค่ารถบัสไป-กลับซาปาค่ะ เหมือนเดิมไม่รวมค่าเครื่องดื่มนะคะเขานัดพรุ่งนี้จะมีคนไปรับที่โรงแรม เพื่อมาขึ้นรถบัสตอน 3 ทุ่มค่ะ และเดินกลับโรงแรมแบบสบายใจ ตัวปลิว เงินหมด ฮ่า ๆๆ 
 
แวะกดตังค์นิดหนึ่ง ใช้บัตรเดบิตบ้านเรานี่แหละค่ะ กดตู้ที่มีสัญลักษณ์เหมือนกัน (พวก Visa อะไรแบบนี้ค่ะ มีคนแนะนำมา) เสียค่าธรรมเนียมไป 60K VND ราว ๆ 90 บาทเองค่ะ หุหุ มีเงินใช้ละ 
 
วันที่ 23 เมษายน 2558 เช้านี้ไม่ต้องรีบเหมือนทุกวันค่ะ เลยตื่นสาย ๆ หน่อย ออกมาเช็คเอาท์และฝากกระเป๋าที่โรงแรมค่ะ หลังจากนั้นก็ไปเดินตามเก็บสถานที่ที่สำคัญของฮานอย มีเวลา 12.00-20.00 น. 8 ชั่วโมงกับเดินเล่น จุดหมายแรกของเรา คือ วัดหง็อกเซิน Ngoc Son Temple ค่ะ ทางเข้าจะมีสะพานสีแดง ใครมาถึงฮานอยแล้วไม่ถ่ายรูปสะพานนี้สงสัยมาไม่ถึงค่ะ เพราะทุกคนถ่ายกันหมด มีค่าเข้าชมวัดคนละ 30K VND ค่ะ 


 
ฮ่าๆๆ เพิ่งเห็นแววตาของผู้ชายสองคนนี้ แบบว่ามีส่วนร่วมมาก


 
บรรยากาศภายในบริเวณวัดค่ะ 


 
บางกรุ๊ปทัวร์มีกิจกรรมกลุ่มด้วยค่ะ น่าสนมาก ดูท่าทางสนุกสนาน จนอยากเข้าไปแจมเลยค่ะ

ภายในวัดค่ะ 


 
ธูปบ้านเมืองนี้ก็เริดมากค่ะ


 
กล้องใหญ่บ้าง เซลฟี่บ้าง ฮ่า ๆๆ ว่างจัด อีกนานว่าจะสามทุ่ม <<< หนูแบ๊วไหมคะ >>>


 
ออกมาจากวัดก็รู้สึกเปรี้ยวปากค่ะ เจ๊คนนี้ก็หั่นมะม่วงน่ากินเลยเข้าไปถามซะหน่อย ถามกันไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ นางคีบใส่ถุงเลย


 
พอคิดเงินเท่านั้นแหละค่ะแทบช็อก บ้าเหรอ 100K VND = 150 บาท มะม่วง 4 ชิ้น ลูกอะไรอีกไม่รู้ อีก 5 ลูก และมะกอกน้ำอีก 2 ลูก หน้าหลอนนิดหนึ่งนะคะ ขี้เกียจลดขนาดรูป ฮ่า ๆๆ ได้อารมณ์มาก เซ็งสุด ๆ  


 
หลังจากนั้นก็ไปทานข้าว ชมวิวฮานอยยามค่ำคืนที่ร้าน Legend Beer ชิวค่ะ ราคาพอ ๆ กันกับร้านข้างทางเลย แนะนำคนที่ใจไม่แข็งพอ ทานร้านแบบนี้ดีกว่าค่ะ ร้านข้างทางโหดร้ายเกินไปสำหรับความรู้สึกของเรา ร้านนี้จะเป็นจุดชมวิวที่ดีมากค่ะ ลองดูการจราจรที่นี่ดูนะคะ 
 
หลังจากนั้นเราก็กลับไปเตรียมตัวและเอากระเป๋าที่โรงแรม ล้างหน้าล้างตานิดหนึ่ง เพราะต้องนั่งรถบัส Overnight bus ไปซาปา 6 ชั่วโมง สักพักก็มีคนมารับตอนสามทุ่มเป๊ะ แต่เริดตรงที่ฮีเอามอเตอร์ไซค์มารับค่ะ กระเป๋าลาก 1 ใบ เป้ 2 กระเป๋ากล้องอีก 1 ซ้อนสาม แอบหวั่น ๆ แต่ก็สนุกดี ขับไปฮีก็มีรับโทรศัพท์ คุยโทรศัพท์ด้วยค่ะ มันเริดมาก กลัวนะ แต่สนุกดี...แล้วก็ถึงท่ารถบัสค่ะ


 
บรรยากาศบนรถค่ะ (ขออนุญาตคนในรูปแล้วนะคะ อิอิ) 


 
นั่งรถไปประมาณตี 4 คนขับรถจอดนอนค่ะ ไม่ติดเครื่องด้วย คนในรถก็กรนกันใหญ่ แต่บอกเลยว่านอนไม่หลับค่ะ รู้สึกหายใจไม่ออก อึดอัดมาก อยากไปถามคนขับเหมือนกันว่าจะจอดอีกนานไหม แต่ดูท่าทางจะหลับสบายมาก กรนเสียงดังเลยไม่กล้ารบกวนค่ะ สรุปจอดไป 2 ชั่วโมง ราว ๆ 6 โมงเช้าก็ขับต่อไปอีกนิดหนึ่งและจอด ตอนนี้เป็นช่วงที่วุ่นวายมาก พอเราลงรถก็ไม่รู้จะไปที่ไหนต่อ คนใส่ชุดชาวเขาจะมาถามว่าเรามีโรงแรมหรือยัง ไปด้วยกันไหม ตอนนี้ต้องตั้งสติค่ะ เจอฝรั่งคนหนึ่งมีอาการเดียวกันคืองง สรุปไอต้องไปกับใคร เลยขอดูใบเสร็จที่เขาซื้อทัวร์ อ้าวคนละเจ้ากับของเรานี่ ก็รอค่ะ สักพักจะมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง (มาจากโรงแรม) จะขับรถมาตามเก็บเรา โดยมีใบรายชื่อและมาถามเราว่าเราใช่คนนี้ไหม โล่ง...มีรถไปต่อละ

เอารูปจากโทรศัพท์ด้วยละกัน พอดีกล้องใหญ่ไม่ได้ถ่ายไว้ค่ะ 


 
พอไปถึงโรงแรมก็ราว ๆ เจ็ดโมง เช็คอินยังไม่ได้ พนักงานต้อนรับก็แนะนำสถานที่ในโรงแรม (สำเนียงฟังยากมาก) ลืมบอกไป โรงแรม Summit Sapa นะคะ ที่นี่จะมีชั้นสำหรับวางของ อีกชั้นเป็นชั้นอาบน้ำแต่งตัว จะมีป้ายเขียนบอกทุกมุมว่าที่โรงแรมมีกล้องทุกมุม เราก็เลยสบายใจหน่อยว่าของไม่หาย พนักงานต้อนรับบอกเราว่าให้ทำธุระให้เรียบร้อย ลงไปทานอาหารเช้าชั้นล่าง และ 9 โมงเจอกันตรงนี้จะมีไกด์มารับค่ะ 
 
มุมสวย ๆ ที่มองจากโรงแรมค่ะ ลืมบอกไปอากาศเช้านี้ 12 องศาเซลเซียสค่ะ 


 
แล้วไกด์ก็มารับค่ะ ใส่ชุดชาวเขาเลย ชื่อปาล์มค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เป้าหมายของวันนี้คือ Cat Cat Village ค่ะ ระหว่างทางไปค่ะ 


 
สภาพพร้อมมากค่ะ (รูปจากโทรศัพท์นะคะ) 


 
เดินไปก็ฟินไปค่ะ หมอกหนามาก สวยสุดพลัง 


 
ยาวไปค่ะ ฝนก็ตกปรอย ๆ เสื้อกันฝนมีขายช่วงทางเข้าค่ะ ไม่แพงมาก ลืมละ ฮ่า ๆ


 
Cat Cat Village ค่ะ 


 
และก็เดินไปถึง Silver Waterfall โอ้ ! งามค่ะ 


 
วันนี้ เดินขึ้น-ลงเขาระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร (ไหมนะ เดี๋ยวถามเพื่อนก่อนนะคะ) ก็เดินจนถึงประมาณเที่ยง ๆ ค่ะ ก็กลับมาที่พัก เช็คอิน ฝนตกปรอย ๆ ตอนแรกติอต่อเช่ามอเตอร์ไซค์กับทางโรงแรมไว้ค่ะ 100K VND แต่เหนื่อยมาก คาดว่าคงไปแว้นไม่ไหว เลยนอนพักก่อน โรงแรมสวยมากค่ะ ถ้าให้พักฟรีจะโปรโมทให้มากกว่านี้นะคะ อิอิ


 
ถ้ามองออกไปนอกหน้าต่างวิวสวยมากค่ะ


 
ห้องพักที่นี่ไม่มีเครื่องปรับอากาศนะคะ เพราะอากาศเย็นตลอดทั้งปี มีแค่พัดลมค่ะ 


 
ส่วนนี่เจ๋งสุด ทิชชูค่ะ ไม่มีแกน อัดแน่นไปด้วยเนื้อทิชชู (แข็งมาก) แต่ลองใช้แล้วไม่ถนัดมือเท่ามีแกนค่ะ 


 
ส่วนอาหารที่นี่ มื้อเช้าจะเป็นบุฟเฟ่ต์ค่ะ มื้อเที่ยงและเย็นจะมีเมนูเป็นเซตมาให้เลือก มีประมาณ 12 เซตค่ะ เราก็สั่ง ๆ แบบแรนดอมไปค่ะ อาหารจะรสชาติเหมือน ๆ กันคือจืดหวาน ในเมนูไม่มีภาพค่ะ อีฟก็ลืมว่า Aubergine แปลว่ามะเขือ สั่งมาวันแรก มะเขือผัดกับมะม่วงสุกค่ะ โอ๊ยยยย ใครคิดเมนูนี้ มะม่วงสุกทำอาหารคาวได้ด้วย ความรู้ใหม่ค่ะ 
 
หน้าตามื้อเย็นวันนี้ อุ้ย Daily Soup วันนี้เป็นซุปฟักทองค่ะ แค่แตะลิ้นนิดเดียวก็ไม่ไหวละค่ะ สละสิทธิ์


 
นอนก่อนค่ะ พรุ่งนี้ได้ข่าวว่าต้องเดิน 12 กิโลเมตร อาจขาลากได้
 
วันที่ 25 เมษายน 2558 เช้านี้ก็เช่นเคยค่ะ ทำภารกิจให้เรียบร้อย อาบน้ำ ทานข้าวเช้า และไกด์จะมารับตอน 9 โมงค่ะ แต่ต้องเช็คเอาท์เลยนะคะ และฝากของไว้ค่ะ ตอนแรกใส่รองเท้าแตะ แต่จากประสบการณ์เมื่อวานคาดว่าไม่น่ารอด และเช้านี้ฝนตกปรอย ๆ เห็นคนอื่น ๆ ใส่บูทหลายคน เลยถามไกด์ ไกด์บอกว่าที่โรงแรมมีให้เช่า เลยวิ่งไปเช่าแบบรีบ ๆ ค่าเช่าคู่ละ 20K หรือ 30K VND ไม่แน่ใจ (ลืมตลอด) โอเคค่ะวันนี้พร้อมลุย 
 
ระหว่าง ที่เดินไปก็จะมีเด็กชาวเขาและคนใส่ชุดชาวเขา (นอกจากไกด์) มาชวนคุย ถามชื่อ ถามว่ามาจากไหน เด็กคนนี้ไม่ค่อยพูดค่ะ เห็นว่าชื่อ ... (ลืมอีกละ เอ๊ะยังไง) แต่น่ารักค่ะ ก็กลัวเด็กจะถูกรถเฉี่ยวเลยจูงเดินซะเลย วันนี้เลยได้ลูกสาวมาคนหนึ่งค่ะ 


 
ทางที่เราจะไปค่ะ หมอกตลอกเวลา อากาศดี๊ดี


 
ถ้าเดินไม่ระวังนี่กลิ้งตกเขาได้เลยค่ะ คนกลัวความสูงไม่มีปัญหาแน่ เพราะเรามองไม่เห็นอะไรเลย ชิวค่ะ 


 
เดินไปๆ ก็จะเจอวิวสวยๆ เรื่อยๆ ณ จุดๆ นี้รู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์ค่ะ 


 
ขอบังวิวนิดหนึ่ง อิอิ 


 
คิดถูกมากที่ตัดสินใจใส่บูท และชาวเขาที่มาเพิ่มนอกเหนือจากไกด์เขาจะช่วยประคองเราเดินค่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมาก เพราะทางเดินเป็นโคลนแฉะ ๆ ลื่นมากค่ะ บางคนหกล้มไปหลายรอบ ชุดเลอะหมดแล้วค่ะ บอกได้คำเดียวว่า "เละ" ค่ะ  (กล้องโทรศัพท์ภาพเบลอนิดหนึ่งนะคะ)


 
เดิน ไปถ่ายรูปไปค่ะ ที่จริงถ้ามากันเองอาจจะดีกว่ามาเป็นทัวร์ เพราะเกรงใจคนอื่นค่ะไม่กล้าหยุดถ่ายรูปบ่อย (บางทีเราก็อยากเดินเอ้อระเหยเนอะ) 


 
มุมนี้สวยมากค่ะ ไม่แน่ใจว่าสะพานชื่ออะไรเพราะมัวห่วงถ่ายรูป


 
ที่นี่ทำนาแบบขั้นบันไดค่ะ จะดูเป็นชั้น ๆ สวยงามสุด ๆ 


 
มันดูเป็นเลเยอร์ที่สวยมาก 


 
เห็นทางเดินตรงมุมขวาบนไหมคะ นั่นแหละค่ะเรามาจากทางนั้น 


 
ข้ามสะพานนี้ไปเราก็จะได้ทานข้าวเที่ยงกันแล้ว เย้ ๆๆๆ ป.ล. ตอนนี้เจ็บเท้าสุด ๆ อีฟไม่ได้ใส่ถุงเท้าค่ะเพราะรีบมาก คาดว่าคงถูกรองเท้ากัดหนักมาก 


 
เดินสวนทางกับชนเผ่าที่นี่ก็ Say Hello กันเล็กน้อย ทุกคนเป็นมิตรค่ะ ยิ้มง่าย


 
พอมาถึงที่ทานข้าวเที่ยง ระหว่างนั่งรอก็จะมีเด็กมาตื้อขายของ ซึ่งก็ไม่ต่างจากที่เราซื้อตามดอยปุยค่ะ พวกกระเป๋า กำไลข้อมือ ซึ่งเด็กและคนที่ดูแลเรามาตลอดทาง เขาก็ขอให้เราช่วยซื้อก็ยินดีค่ะ เพราะตอนแรกกะจะให้ทิปอยู่แล้ว (ช่วยพยุงตั้งหลายครั้ง ไม่งั้นลื่นแน่) สักพักอาหารแบบเลือกไม่ได้ก็จะมาวางที่หน้าเรา 1 จาน มีไข่เจียว ไก่ทอดหรือนึ่งนี่แหละ และผัดกะหล่ำปลีค่ะ หน้าตาประมาณนี้ โปรดอย่าถามรสชาติ


 
สักพักก็ถามไกด์เรื่องที่ซื้อถุงเท้าค่ะ เพราะเดินแทบจะไม่ไหวแล้ว ก็ได้ถุงเท้าแบบหนามาคู่หนึ่ง ตอนสวมถุงเท้านี่ทุกคนลุ้นมากค่ะ มองแผลอีฟแล้วทำหน้าตาเหมือนเจ็บแทน มันก็เจ็บจริง ๆ นะ แต่นางอึดค่ะ ไม่ขอโชว์ภาพละกัน เอาเป็นว่าแนะนำให้สวมถุงเท้าหนา ๆ (ถ้าจะใส่บูทนะคะ) แต่ทางที่ดีสวมรองเท้าผ้าใบที่ประคองเท้าเราดีกว่าค่ะ เพราะเดินค่อนข้างไกล คนไม่อึดอาจตายได้ อิอิ 
 
เดินต่อไปก็จะเจอโรงเรียนบนนี้ค่ะ นักเรียนน่ารัก ตั้งใจฟังที่ครูสอนและพาทำกิจกรรมมาก ๆ อีฟลองถามไกด์เรื่องภาษา บนนี้ไม่ได้พูดภาษาเวียดนามค่ะ 


 
แล้วไกด์ก็พาเราเดินมารอรถตู้กลับโรงแรมค่ะ ให้เดินกลับอีก 12 กิโลเมตร คงไม่ไหว กลับไปแต่ละคนก็แยกกันกลับ อยู่ที่ว่าเราแจ้งกับทัวร์ที่ฮานอยว่ายังไง เราเลือกเวลากลับได้ค่ะ อีฟเลือกกลับ 4 ทุ่ม เพราะจะได้ไปลงสนามบินเลย กลับไฟลท์เช้า ระหว่างนั้นก็นั่ง ๆ นอน ๆ แถวโรงแรมมีโซฟาให้นอนเยอะมากค่ะ 
 
แล้วสามทุ่มก็นั่งรถตู้ออกจากโรงแรมไปท่ารถ และราว ๆ ตี 3 คนขับรถก็มาปลุกบอกว่าถึงสนามบินแล้ว โอ๊ะ!  เร็วไปนะ และจอดส่งเราฝั่งตรงข้ามถนน มองหาสะพานลอยก็ไม่มี งานนี้วิ่งค่ะ แต่ดีที่เวลานั้นไม่ค่อยมีรถ หาทางเข้าไม่เจอ สองสาวเลยได้ปีนข้ามรั้วค่ะ รู้สึกเหมือนแรงงานอพยพข้ามชาติ 


 
แอบงีบนิดหนึ่งและไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ หลังจากนั้นก็เดินทางกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ 
 
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรีวิวของอีฟนะคะ ดีใจเห็นคนแชร์เยอะ รู้สึกปลื้มปริ่มมากค่ะ ข้อมูลตรงไหนขาดตกบกพร่องไปขออภัยนะคะ อีฟขี้ลืมอะ แนะนำ ติชมได้นะ เพราะเพิ่งรีวิวเป็นครั้งที่สอง สัญญามีครั้งต่อ ๆ ไปแน่นอนค่ะ 
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหลังไมค์หรือติดตามได้ที่เฟซบุ๊กนะคะ บ๊ายบายยยยย 
 


 
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Evamoniez สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Eve Lunar


ที่มา :