บินต้นทุนต่ำเก็บภาษีน้ำมันเพิ่ม 150 บาท

กินเที่ยว
บินต้นทุนต่ำเก็บภาษีน้ำมันเพิ่ม 150 บาท

สายการบินต้นทุนต่ำในประเทศพาเหรดขอบวก 150 บาท หลังสรรพสามิตปรับขึ้นภาษีน้ำมันเครื่องบินเป็นลิตรละ 4 บาท

สายการบินต้นทุนต่ำในประเทศพาเหรดขอบวก 150 บาท หลังสรรพสามิตปรับขึ้นภาษีน้ำมันเครื่องบินเป็นลิตรละ 4 บาท ไทยแอร์เอเชียเริ่ม 1 ก.พ.นี้ นกแอร์และไลอ้อนแอร์เก็บ 6 ก.พ.
 

 
สายการบินต้นทุนต่ำ หรือ โลว์คอสต์ แอร์ไลน์ ทยอยประกาศขอเพิ่มค่าภาษีสรรพสามิตน้ำมัน หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบิน และน้ำมันหล่อลื่น โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2560 ซึ่งในส่วนของภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินจัดเก็บเพิ่มจากลิตรละ 20 สตางค์ เป็นลิตรละ 4 บาท

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 สายการบินไทยแอร์เอเชีย ได้ออกประกาศแจ้งว่า สายการบินไทยแอร์เอเชีย (เที่ยวบินรหัส FD) ขอประกาศ บวกเพิ่มค่าภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ในอัตรา 150 บาทต่อท่านต่อเที่ยวบิน สำหรับเส้นทางบินภายในประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นไป
 
เช่นเดียวกับสายการบินนกแอร์ ออกประกาศว่า เพื่อให้สอดคล้องกับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันหล่อลื่น สายการบินนกแอร์ (DD) ซึ่งเปิดให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศไทย ขอประกาศเก็บภาษีสรรพสามิต (น้ำมัน) ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงในอัตรา 150 บาทต่อท่านต่อเที่ยวบิน สำหรับเส้นทางบินภายในประเทศ ซึ่งจะรวมอยู่ในค่าโดยสารที่แสดงทางหน้าเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นไป
 
รวมทั้งสายการบินไลอ้อนแอร์ ก็ได้แจ้งการเก็บค่าภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ในอัตรา 150 บาทต่อคนต่อเที่ยวบิน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 เช่นเดียวกับสายการบินนกแอร์
 
ขณะที่สายการบินนกสกู๊ต สายการบินราคาประหยัดระหว่างประเทศของคนไทย แจ้งว่า สายการบินได้รับหนังสือรับรอง IOSA จากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2560 หลังจากผ่านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยตามหลักสูตรที่กำหนด หลัง IATA ได้เข้าไปทำการตรวจสอบในวันที่ 8-12 สิงหาคม 2559 โดยการเข้าเป็นสมาชิกของ IATA จะส่งผลให้นกสกู๊ตได้รับการยอบรับและเพิ่มความน่าเชื่อถือจากสายการบินในระดับสากลและมีมาตรฐานการปฏิบัติงานเป็นที่ยอบรับขององค์กรระหว่างประเทศ
 
นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด กล่าวว่า ในปี 2560 นกสกู๊ตคาดว่าจะนำผู้โดยสารระหว่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวน 1.1 ล้านคน ซึ่งจะเป็นการเติบโตถึง 40% จากธุรกิจในปีที่แล้ว และการได้รับหนังสือรับรอง IOSA มีความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสายการบินนกสกู๊ต เพราะข้อกำหนดด้านกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practice) ของ IATA สร้างความมั่นใจในการดำเนินงานของสายการบิน  
 
“ความปลอดภัยถือเป็นความสำคัญสูงสุดในการปฏิบัติงานของนกสกู๊ต เรามีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด และให้บริการผู้โดยสารไม่เพียงแค่ความสะดวกสบาย ความสนุกสนาน และบรรยากาศที่เป็นกันเองตลอดเที่ยวบินเท่านั้น แต่ยังมุ้งเน้นถึงความปลอดภัยเป็นหลักอีกด้วย” นายปิยะกล่าว


ที่มา :