ในมุมมองของนักท่องเที่ยว นอกจากจะเป็นแปลงและฟาร์มทางการเกษตรแล้ว ที่นี่ยังมีสิ่งที่โดดเด่นควรค่าแก่การแวะมาเยี่ยมชม นั่นก็คือต้นไทรยักษ์รูปทรงแปลกประหลาดดังที่เห็นในภาพ

      เดิมที มันก็เป็นต้นไทรที่อาศัยอยู่บนต้นไม้หลักเช่นเดียวกับไทรทั่วๆ ไป แต่พอนานวันเข้า รากไทรที่ย้อยลงมาตามจุดต่างๆ ก็มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จวบจนกระทั่งต้นไม้หลักที่มันอาศัยอยู่ได้ตายลงมันจึงแปรสภาพเป็นต้นไม้ ยักษ์ที่มีหลายลำต้นค้ำยันลงสู่ผืนดินและมีกิ่งก้านที่ยื่นยาวออกไปในหลาย ทิศทาง ดูไปดูมาแล้วก็อดที่จะคิดถึงภาพยนตร์เรื่อง War of the world ไปไม่ได้ เพราะมันแลดูไม่เหมือนกับต้นไม้ แต่กลับเหมือนตัวอะไรสักอย่างหนึ่งมากกว่า

      ใน ส่วนของฟาร์มนั้น มีการส่งเสริมอาชีพกสิกรรมให้กับชนพื้นเมือง โดยมีทั้งการปลูกพืชผักผลไม้ปลอดสารพิษและการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจซึ่งชนิด ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและหาทานกันไม่ได้ง่ายๆ ก็เห็นจะเป็นเป็ดพันธุ์ "อี้เหลียง" และหมูพันธุ์ "จินหัว" ซึ่งให้รสชาติต่างจากพันธุ์อื่นๆ รวมไปถึงการมีไขมันน้อยด้วย ซึ่งทั้งสองชนิดนี้ก็มีจำหน่ายโดยสามารถโทรมาสอบถามสั่งจองให้ทางฟาร์ม จัดการให้ได้

      แต่ ถ้าจะหาทั้งสองเมนูสำหรับลองชิมแล้ว ก็สามารถ ทดลองได้ที่ครัวของร้าน"ล้านหอมเทียน" (ในหน้าถัดไป) ซึ่งรับวัตถุดิบจากฟาร์มแห่งนี้เพื่อไปทำการปรุงจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวโดย ตรงได้ ซึ่งทั้งสองชนิดที่บอกมาก็จัดเป็นเมนูแนะนำอันเลื่องลือของโต๊ะที่ห้ามพลาด ของทางร้านเลยทีเดียว และที่สำคัญก็คือ ทั้งสองชนิดนี้ไม่ได้มีวางจำหน่ายโดยทั่วไป และไม่มีการขยายพันธุ์ภายนอกอีกด้วย มีเฉพาะที่นี่เท่านั้น

      ฟาร์ม ตัวอย่างแห่งนี้ ตั้งอยู่บนถนนสายเดียวกันกับ ห้วยคอกหมู ในเขตบ้านบ่อหวีนั่นเอง หากต้องการมาเพื่อแวะซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ควรจะมาถึงก่อนบ่ายสามโมงเย็น และถ้าต้องการซื้อผัก ควรมาถึงช่วงสายๆ เพราะคนงานจะเก็บผักสดจากแปลงแบบวันต่อวันในช่วงเช้า นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ให้เลือกซื้อหา รวมไปถึงคนที่ชอบลูกแกะ ก็จะมีแกะพ่อแม่ลูก เดินหาอาหารไปทั่วบริเวณฟาร์มกันอย่างน่าดู แถมด้วยการเดินหาอาหารของฝูงเป็ดอี้เหลียงในบางเวลา