หน้าแรก | สมาชิก | กิจกรรมทั้งหมด

http://www.thaiticketmajor.com/mother-day/images/hilight.jpg

“อิ่มบุญ-อิ่มท้อง-ล่องเรือโบราณ”
ล่องเรือกระแชงโบราณ ไหว้พระเสริมศิริมงคล
พร้อมรับประทานอาหารบนเรือ

Content on this page requires a newer version of Adobe Flash Player.

Get Adobe Flash player

กำหนดการ
ออกเดินทาง
วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม 2555
13.00 น.
ลงทะเบียนที่ “River City สี่พระยา”
14.00 น.
ลงเรือที่ท่าน้ำ “River City สี่พระยา”
14.15 น.
แวะนมัสการ "กวง ตี่ กู เมียว" (ศาลเจ้ากวนอู - เทพผู้เป็นเง๊กเซียนฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน)
15.00 น.
ไหว้พระชำปอกง ที่วัดกัลยาณมิตร -
พระพุทธรูปเชื้อสายจีนในวัดไทย
“เสริมดวงการค้า โชคลาภ โชคดีในการเดินทาง”
15.30 น.
วัดอรุณราชวรารามวรวิหาร
นมัสการพระปรางค์ วัดอรุณ “ให้ชีวิตรุ่งโรจน์”
(หากปีนพระปรางค์ถึงยอดจะทำให้โชคดี)
16.10 น.
วัดระฆัง - ไหว้พระประธานยิ้มรับฟ้า “ชื่อเสียงโด่งดัง”
16.50 น.
วัดสุวรรณณาราม - ไหว้พระศาสดา - พระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัย ฝีมือช่างสุโขทัย
-ชมจิตรกรรมไทยบนฝาผนังที่โดดเด่นและสมบูรณ์
ที่สุด ในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์
17.30 น.
รับประทานอาหารเย็นบนเรือ (สไตล์ค็อกเทล)
รายการอาหาร
- มะม่วงน้ำปลาหวาน
- เมี่ยงสองคำ (เพราะเป็นเมี่ยงคำห่อสำเร็จ เสียบไม้คู่)
- เฉาก๊วยโบราณ
- ขนมสอดไส้
- ขนมตาล
- ไส้กรอกห่อเบค่อน
- ไส้กรอกอีสาน
- ปีกไก่ทอด
- หมูสะเต๊ะ
- แกงเขียนหวานลูกชิ้นปลากราย + ขนมจีน
- ผัดไทยห่อไข่
- ลาบปลาทับทิม
- ข้าวผัดสับปะรด
- กุ้งเสียบไม้ย่าง
- ผลไม้ตามฤดูกาล / ข้าวเหนียวมะม่วง
- ตะโก้ / ลูกชุบ / วุ้นมะพร้าว
- ค็อกเทล “ไหมไทย” / น้ำผลไม้ / น้ำสมุนไพร /
น้ำอัดลม
19.00 น.
ขึ้นเรือที่ท่าน้ำ River City
กลับเดินทางถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ

1. นมัสการ "กวง ตี่ กู เมียว" - (ศาลเจ้ากวนอู - เทพผู้เป็นเง๊กเซียนฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน)

ประวัติ ศาลเก่าแก่ มีประวัติความเป็นมากว่า 268 ปี ตามตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า ในเก๋งศาลเจ้ากวนอู มีเจ้าพ่อกวนอูอยู่ด้วยกัน 3 องค์ จักรพรรดิราชวงศ์ชิง มีเจ้าสัวชื่อ "นายคงเส็ง" ได้บูรณะเก๋งแห่งนี้ให้ใหญ่ขึ้น และได้อัญเชิญเจ้าพ่อกวนอูองค์ที่สามมาประทับร่วมกันในเก๋ง รวมเป็นสามองค์ พร้อมสร้างระฆังไว้หนึ่งใบ

เทพเจ้ากวนอูหรือกวนกง เป็นเทพชั้นสูงอีกองค์หนึ่งที่มีผู้เลื่อมใสศรัทธาบูชากราบไหว้มากที่สุด และปรากฏศาลเจ้าของท่านมีอยู่ทั่วในทุกทิศ เชื่อกันว่า นอกจากผู้บูชากราบไหว้ ท่านจะประสบความสุข และปลอดภัยจากสรรพภัยทั้งปวงแล้ว ชาวจีนยังเชื่อกันว่า ท่านเป็นเทพที่อำนวยพรด้านโชคลาภ เงินทองและคุ้มครองทรัพย์อีกนัยหนึ่งด้วย

............................................................

2. ไหว้พระชำปอกง ที่วัดกัลยาณมิตร - พระพุทธรูปเชื้อสายจีนในวัดไทย “เสริมดวงการค้า โชคลาภ โชคดีในการเดินทาง

 

ประวัติ หากกล่าวถึงพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จีนในวัดไทย สำหรับคนไทยเชื้อสายจีนส่วนใหญ่คงจะคุ้นเคยกับ "ซำปอกง" เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นหนึ่งในวีรบุรุษของจีน และกลายเป็นที่เคารพนับถือของคนจีน และคนไทยทั่วไป จากตำนาน ที่เล่าขานกันมาหลายร้อยปีกลายมาเป็นซำปอกง หรือที่คนไทย รู้จักกันดีในนาม "หลวงพ่อโต" ซึ่งในประเทศไทย มีซำปอกงองค์ใหญ่ ประดิษฐานอยู่เพียง 3 วัดเท่านั้น โดยผู้ที่ไปกราบไหว้สักการบูชาซำปอกง ส่วนใหญ่นอกจากจะ กราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังนิยมไป กราบไหว้เพื่อให้รุ่งเรืองทางด้าน การค้าพาณิชย์ มีโชคลาภ และประสบ แต่โชคดีในการเดินทาง

 

............................................................

3. วัดอรุณราชวรารามวรวิหาร - นมัสการพระปรางค์ วัดอรุณ “ให้ชีวิตรุ่งโรจน์” (หากปีนพระปรางค์ถึงยอดจะทำให้โชคดี)

 

ประวัติ วัดอรุณราชวราราม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ถนนอรุณอัมรินทร์ เป็นวัดที่มีมาตั้งแต่ ครั้งกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อ วัดแจ้ง ต่อมาเมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีย้ายพระราชธานี จากกรุงศรีอยุธยามาตั้งอยู่ ณ กรุงธนบุรี ได้โปรดฯ ให้กำหนดเอาวัดแจ้งเป็นวัดในเขตพระราชฐาน ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่ ได้อัญเชิญมาจาก เวียงจันทน์ วัดนี้ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 2 ซึ่งถือว่าเป็นวัด ประจำรัชกาลที่ 2 เมื่อบูรณะเสร็จแล้วได้ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม หรือวัดแจ้ง มีจุดเด่นที่ น่าสนใจ คือ พระปรางค์องค์ใหญ่ ซึ่งมีความสูง 82 เมตร กว้าง 234 เมตร เริ่มก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 เสร็จ สมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 4 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดอรุณราชวราราม" จัดเป็นพระอารามหลวงชั้น วรมหาวิหาร เรียกชื่อเต็มว่า "วัดอรุณราชวรมหาวิหาร"

............................................................

4. วัดระฆัง - ไหว้พระประธานยิ้มรับฟ้า

 

ประวัติ วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยอยุธยา เดิมชื่อ วัดบางว้าใหญ่ (หรือบางหว้าใหญ่) ในสมัยธนบุรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช และได้ขุดพบ ระฆังลูกหนึ่ง ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้นำไปไว้ที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยทรงสร้างระฆังชดเชย ให้วัดบางว้าใหญ่ 5 ลูก จากนั้นได้ พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดระฆังโฆสิตาราม”

พระประธานยิ้มรับฟ้า เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ ๔ ศอกเศษ เบื้องพระพักตร์ มีรูปพระสาวก ๓ องค์ นั่งประนมมือดุจรับพระพุทธโอวาทพระประธานองค์นี้ ได้รับการยกย่อง ว่างดงามมาก ปรากฎว่าครั้งหนึ่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จมาถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดระฆังโฆสิตาราม ได้ทรงมีพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดว่า ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆัง พอเข้าประตู โบสถ์พระประธาน ยิ้มรับฟ้าทุกที ด้วยเหตุนี้จึงทรงถวาย เครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตน-ราชวราภรณ์ และมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก แด่พระประธานองค์นี้เป็นพิเศษ และพระประธาน องค์นี้ก็ได้นามว่า พระประธานยิ้มรับฟ้า ตั้งแต่นั้นมา

5. วัดสุวรรณณาราม - ไหว้พระศาสดา - พระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัย ฝีมือช่างสุโขทัย - ชมจิตรกรรมไทยบนฝาผนังที่โดดเด่น และสมบูรณ์ที่สุดในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์

 

ประวัติ วัดสุวรรณาราม ราชวรวิหาร เป็นที่สร้างขึ้นในกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดทอง ในสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดสุวรรณาราม และให้ช่างเขียนภาพฝาผนังในพระอุโบสถด้วย มีงานของจิตรกรอย่าง หลวงวิจิตรเจษฎา(ทองอยู่) ผู้เขียนเนมีราชชาดกกับหลวงเสนีย์บริรักษ์(คงแป๊ะ) ผู้เขียนมโหสถชาดก เป็นต้น

TTM UPDATE

+ View All

เรื่องเด่น