เมื่อ Selena Gomez จัดคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในไทย

บันเทิง
เมื่อ Selena Gomez จัดคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในไทย

เมื่อวันที่ 29 กรกฏาคม ที่ผ่านมาคงเป็นเวลาที่แฟนๆ ของเซเลน่า โกเมซรอคอยเพราะถึงตาที่ทัวร์คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของเธอ หรือ Selena Gomez Revival Tour Live In Bangkok


เมื่อวันที่ 29 กรกฏาคม ที่ผ่านมาคงเป็นเวลาที่แฟนๆ ของเซเลน่า โกเมซรอคอยเพราะถึงตาที่ทัวร์คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของเธอ หรือ Selena Gomez Revival Tour Live In Bangkok จะเข้ามาในประเทศไทยให้ได้แฟนๆ ได้ดูกัน

เริ่มแรกได้ จาย เวทฟอร์ดมาเล่นเปิด น้องจายคนนี้ไม่ได้หล่ออย่างเดียว แต่การแสดงสดก็ถือได้ว่ามีพลังอยู่พอสมควร อย่างน้อยก็ทำให้แฟนๆ ที่นั่งอยู่ในฮอลล์ลุกขึ้นเต้นกันเป็นกลุ่มๆ แถมปฏิสัมพันธ์กับคนดูก็ดี มีการพูดคุยกับคนดูอย่างต่อเนื่องไม่สะดุด ถ้าใครเป็นแฟนคลับอยู่แล้วคงปลื้มใจ และด้วยสไตล์หนุ่มน้อยของเขาก็ทำให้เรานึกถึง จัสติน บีเบอร์สมัยยังเด็กกว่านี้หน่อย และเราเชื่อว่าด้วยความสามารถและศักยภาพที่เราเห็น บวกกับการดันที่เหมาะสมน้องไจต้องไปได้ไกลอีกแน่ๆ สำหรับใครที่สนใจเราได้ข่าวมาแว่วๆ ว่าจายจะกลับมาไทยอีกเร็วๆ นี้ ใครที่ชอบเพลงแนวป๊อป เราคิดว่าเป็นอีกศิลปินที่น่าจับตามอง



เมื่อจบการแสดงของจาย ทีมงานก็ขึ้นมาเซ็ตเวทีกันอย่างพร้อมเพรียงและรวดเร็ว ไม่ช้าจนคนดูเบื่อจะรอ ในระหว่างนั้นก็เปิดเพลงให้คนดูฟังไปด้วย หนึ่งในนั้นก็มีเพลงที่เพื่อนซี้ของสาวเซเลน่า โกเมซซึ่งก็คือ เทย์เลอร์ สวิฟต์ที่ร่วมร้องและแต่งเพลงนี้กับ คาลวิน แฮร์ริส และ ริแอนน่าอย่างเพลง This Is What You Came For ซึ่งพอเพลงนี้ขึ้นแม้จะเป็นแค่การซาวนด์เช็คเท่านั้น คนดูบางส่วนก็ลุกขึ้นมาเต้นกันเอง คนข้างๆ เราก็ร้องตาม และแอบได้ยินเสียงแว่วๆมาว่า “แหม .. พาเพื่อนมาด้วยนะเนี่ย”


หลังจากอุ่นเครื่องกันไปซักพักนึง ไฟในฮอลล์ก็ดับลง คนดูกรี๊ดสนั่น และช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เริ่มด้วยเพลง Revival เปิดมาเป็นเพลงนำ กราฟฟิคที่เป็นแบคกราวนด์ของเวทีและแสงไฟก็เริ่มทำงาน เซเลน่าออกมาพร้อมกับแด๊นซ์เซอร์ในชุดเสื้อครอปสายเดี่ยว และกางเกงขายาวแบบสปอร์ตสีดำ พร้อมกับแว่นกันแดด และส้นสูง อวดหุ่นสวยๆ ที่ดูเปลี่ยนไปมากจากสมัยที่เธอยังเป็นสาวน้อยดิสนี่ย์ หลังจากเปิดตัวจบเธอก็เริ่มร้องเพลงแรกซึ่งก็คือเพลง Same Old Love ที่แฟนๆ น่าจะคุ้นเคยดี ต่อมาเป็นเพลง Come And Get It และ Sober

ร้องจบ 3 เพลงแรกเซเลน่าก็วิ่งเข้าไปเปลี่ยนชุด เวทีขึ้นกราฟฟิคเป็นรูปเซเลน่าหลายๆ รูปสลับกันไปให้คนดูว๊าวไปเรื่อยๆ เรียกว่าช่วงเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ไม่ทำให้คนดูเบื่อที่จะรอเพราะมีอะไรให้ชม แล้วซักพักก็มีเก้าอี้มาตั้งกลางเวที และเซเลน่าออกมาในชุดที่หลายๆ คนฮือฮาซึ่งก็คือกางเกงมวยนั่นเอง และเพลงที่จะร้องต่อไปก็คือ Good For You, Survival, Slow Down ถึงตอนนี้หลายๆ เริ่มลุกขึ้นมากระโดดบ้างเพราะบีตเพลงที่เร็วขึ้น เพลงนี้จบก็ต่อด้วยเพลงฮิตอย่าง Love You Like A Love Song และ Hands to Myself  เพลงหลังนี่ต้องบอกว่าเป็นเพลงที่คนลุกขึ้นเต้นและร้องกันกระหึ่มมาก อาจจะเป็นเพราะว่าเพลงนี้ดังอยู่แล้วด้วย บวกกับการร้องและเต้นของเซเลน่าและแด๊นซ์เซอร์ที่มีเคมีบางอย่างที่ดูเข้ากัน เลยทำให้ออกมาดี



จบเพลงนี้เซเลน่าก็เข้าไปเปลี่ยนชุด ส่วนแบคกราวนด์ ของเวทีก็เปลี่ยนเป็นอีกเซ็ตนึง ซึ่งก็เป็นรูปเซเลน่าเหมือนเดิม ในแบบที่แตกต่างออกไป คราวนี้เซเลน่าออกมาในชุดกระโปรงยาวสีดำเปลี่ยนลุคจากสาวซนๆ ในกางเกงมวยเป็นสาวสวย  เธอเดินออกมาพร้อมกับทำนองเพลงที่แฟนคลับของสาวคนนี้น่าจะรู้จักดี คือเพลง Who Says เธอบอกกับคนดูว่า เพลงนี้เป็นเพลงที่เธอเขียนไว้ตั้งแต่อายุ 16 ซึ่งมันทำให้เราคิดได้ว่าตอนที่เราอายุ 16 ก็คงต้องการเพลงที่จะช่วยให้เราผ่านอุปสรรคและปัญหาแบบวัยรุ่นอายุ 16 ไปได้ และเพลงนี้ก็ช่วยจริงๆ เหมือนที่เซเลน่าบอกกับเราในคอนเสิร์ตครั้งนี้ว่า “ฉันว่าเพลงนี้เป็นเพลงสำหรับทุกคน” สำหรับ Who Says ถือว่าเป็นเพลงที่น่าจะพีคที่สุดในคอนเสิร์ตครั้งนี้แล้ว รู้สึกได้เลยว่าคนดูร้องตามกันกระหึ่มฮอลล์ หลังจากเพลงนี้เซเลน่าก็ขอคัฟเวอร์เพลง Transfiguration จาก Hillsong Worship โดยก่อนที่จะเล่นเธอบอกว่า เพลงนี้เองเป็นเพลงที่ช่วยให้เธอข้ามผ่านเรื่องร้ายๆ ในชีวิตมาได้ เธอลงมือเล่นเปียโนเองด้วย จบเพลงนี้ก็เป็นเพลงซึ้งๆอีกสองเพลงคือเพลง Nobody ที่เธอเคยร้องให้กับคริสติน่า กริมมี่หลังจากรู้ว่าเพื่อนรักเสียชีวิตไป และต่อด้วย Feel Me เป็นเพลงต่อไป

หลังจากจบเพลงช้าๆ ซึ้งๆ เธอก็เข้าไปเปลี่ยนชุด ช่วงนี้คนดูจะเริ่มสังเกตเห็นได้ว่ามีสลิงเริ่มดึงอะไรบางอย่างขึ้นมาบนเวทีหลายๆ คนก็เดาไปต่างๆนานา เมื่อเซเลน่ากลับขึ้นมาบนเวที เพลงก็ปรับมาเป็นเพลงเร็วขึ้น และมันขึ้น เราคิดว่าเพลงเซ็ตนี้ผสมความร็อคเข้าไปด้วย เริ่มด้วยเพลง Me and My Girl ต่อด้วยเพลง Me And the Rhythm และหลังจากนี้เป็นเพลง Body Heat ซึ่งเป็นเพลงที่มีช่วงกีตาร์โซโล่ด้วย และมือกีตาร์ของเธอทำได้เต็มที่มาก ก่อนจบเพลงมีแด๊นซ์เซอร์มาเต้นโซโล่กับกีตาร์ด้วย และสิ่งที่สลิงดึงขึ้นมาก็สรุปว่าเป็นดอกไม้ขนาดใหญ่ที่เอามาตกแต่งเวทีได้สวยงามเลย



จบเซ็ตนี้เซเลน่าเข้าไปเปลี่ยนชุดอีกครั้ง และกลับมาพร้อมกับชุดแจ๊กเกตสีส้ม กางเกงเอวสูง และขาไมค์แบบถือได้ คราวนี้เธอร้องเพลง Sweet Dreams (Are Made of This) จาก Eurythmics และเมื่อจบเพลงนี้เธอก็บอกว่า “คืนนี้พวกคุณร้องเพลงกันดังมาก และฉันสัญญาว่าจะกลับมาที่นี่ใหม่” พอจบท่อนนี่แฟนๆ ก็กรี๊ดกันใหญ่ แล้วเธอก็พูดต่อว่า “เพลงต่อไปมีความหมายกับฉันมาก ฉันพยายามจะเป็นคนที่มีจิตใจดีอยู่เสมอๆ” แล้วทำนองเพลง Kill Em With Kindness ก็เริ่ม ถึงแม้ว่าเพลงนี้จะเปิดตัวมาได้ไม่นาน แต่ก็ถือว่าเป็นอีกเพลงของเซเลน่าที่ในวันนี้คนดูร้องตามกันได้อย่างคล่องแคล่ว จบเพลงนี้ต่อด้วยเพลง I Want You To Know และสุดท้ายก่อนจะจบคอนเสิร์ตในคืนนี้เป็นเพลง Revival ที่พอเล่นไปใกล้จะจบเธอก็ขอให้เราทุกคนกระโดดไปพร้อมๆกับเธอ


ในฐานะคนดูตอนแรกยอมรับว่าเราหวั่นใจเล็กน้อยเพราะหลายๆครั้งที่มีคนเอาการแสดงสดของอาเรียน่า กรานเด, เดมี่ โลวาโต, ไมลีย์ ไซรัส และ เซเลน่าเองมาเปรียบเทียบกันแล้วดูเหมือนว่าเซเลน่าจะกลายเป็นอันดับสุดท้ายที่แฟนๆ ชื่นชอบ แต่พอได้มาฟังสดจริงๆ ก็รู้สึกว่าไม่ได้แย่ขนาดที่ใครพูดกัน ฟังเพลินๆ เรากลับคิดว่าถ้าเอาน้ำเสียงมาเปรียบเทียบกันคงเป็นเรื่องของรสนิยมมากกว่าว่าใครชอบแบบไหน สำหรับคอนเสิร์ตนี้คิดว่าใครที่ไม่ได้ติดตามเซเลน่า โกเมซอย่างจริงจังและคาดหวังว่าจะมาฟังเพลงมันๆ และจะมากระโดดในคอนเสิร์ตคราวนี้คุณอาจผิดหวัง (ซึ่งน่าจะมีน้อยคนที่คาดหวังไว้แบบนี้)  แต่ถ้าคุณเป็นแฟนคลับของเซเลน่าจริงๆ คงจะเสียดายมากถ้าไม่ได้มาดู เพราะครั้งนี้เธอเก็บเพลงฮิตๆ ได้หมด  เสียงร้องก็เป็นไปตามแบบฉบับของเซเลน่า โกเมซ ภาพลักษณ์และการแต่งตัวก็ออกมาโตกว่าเดิมแทบไม่เหลือเค้าสาวน้อยแก้มป่องคนนั้นเลย โดยรวมก็ออกมาสวยงาม อย่างน้อยแฟนคลับที่มาดูก็ต้องมีเสียงแหบเพราะกรี๊ด กรี๊ด กรี๊ดให้กับเซเลน่าบ้างแหละ

ที่มา :