ได้ยิน และ รู้สึก ไปกับ คอยดู ซิงเกิลภาษาไทยเพลงแรกของ แดเนียล ดิษยะศริน

บันเทิง
ได้ยิน และ รู้สึก ไปกับ คอยดู ซิงเกิลภาษาไทยเพลงแรกของ แดเนียล ดิษยะศริน

การที่ใครสักคนจะถ่ายทอดสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตออกมาเป็นงานศิลปะสักชิ้น แล้วผู้รับชมรับฟังต่าง “รู้สึก” ไปกับผลงานชิ้นนั้น คงจะเป็นของขวัญอันล้ำค่าของผู้ที่เรียกตัวเองว่าศิลปิน

และวันนี้หนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน แดเนียล ดิษยะศริน จะมาเล่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงในจิตใจ ผ่านซิงเกิลภาษาไทยเพลงแรกในชีวิตของเขาที่มีชื่อว่า คอยดู (Waiting to See You)
 
หลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตา แดเนียล ดิษยะศริน จากบทบาทนักร้องนำวงดนตรีอินดี้อย่าง Penny Time แต่นี่คือผลงานเดี่ยวเพลงแรกภายใต้ชายคาของค่ายสนามหลวงมิวสิก ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จากกีตาร์โปร่ง 1 ตัว, สมาร์ทโฟน 1 เครื่อง และเสียงร้องที่กลั่นออกมาจากสิ่งที่เขารู้สึก ก่อเกิดเป็นเพลง คอยดู ที่เขาเขียนและทำเดโม่เสร็จภายในเวลาเพียง 30 นาที หลังจากที่เขาได้พบเจอเรื่องบางอย่างที่มากระทบจิตใจ … ในวันนั้น … แบบไม่ทันตั้งตัว

 
ซึ่งนั่นหมายความว่า คุณจะ “ได้ยิน” สิ่งที่เขา “รู้สึก” แบบไร้ซึ่งการประดิดประดอย ไม่มีกรอบกำหนดว่าจะต้องเป็นเพลงแนวนั้น ซาวนด์แบบนี้ แต่นี่คือเพลงที่ออกมาจากก้นบึ้งของเด็กหนุ่มในวัย 20 ปีผู้นี้
 
เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ให้สัญญากับตัวเองไว้ว่า จะคอยดูแลคนรักของเขาให้ดีที่สุดตลอดไป กลายมาเป็นบทเพลงที่ แดเนียล รู้สึกว่า นี่คือเพลงแห่งอนาคต “ถ้าวันใดวันหนึ่งกลับมาฟัง ก็จะจำได้ว่าวันนั้นเราคิดอะไรอยู่” คลอเคล้าไปกับซาวนด์ดนตรีที่ไม่ซับซ้อน ขับเคลื่อนด้วยกีตาร์โปร่งเพียงตัวเดียว เพิ่มเสริมลูกเล่นต่างๆ ด้วยสุ้มเสียงที่สามารถสร้างบรรยากาศเหงาและสับสนจากกีตาร์ไฟฟ้า, เอฟเฟกต์กีตาร์, เบส, คีย์บอร์ด และกระเดื่องที่แฝงซ่อนไว้ แต่กลับเติมเต็มทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงให้มีมิติมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังรับบทบาทการเป็นโปรดิวเซอร์ มิกซ์ และมาสเตอริ่งด้วยตนเองอีกด้วย
 
ในขณะที่เรื่องราวในมิวสิควิดีโอ หนุ่มแดเนียลก็หยิบยก “ความรัก” ของโอตาคุที่มีไอดอลผู้เป็นที่รักมาเล่าผ่านภาพเคลื่อนไหว ความอบอุ่นในแววตา คอยส่งต่อกำลังใจและความหวังดี แต่เมื่อตัวละครต้องพบเจอกับจุดหักเห กับภาพเบื้องหน้าที่ทำให้เขาอาจตัดสินใจลงมือทำอะไรบางอย่างลงไป นับเป็นเรื่องราวที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในฉากต่อไป แต่ตลอด 6 นาทีกว่าของมิวสิควิดีโอ ผู้ชมสามารถ “รู้สึก” ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางความรู้สึกของโอตาคุหนุ่ม (ซึ่งแสดงโดย แดเนียล เอง) ได้อย่างเต็มเปี่ยม

 
“ถ้าเรื่องราวในวันนั้นไม่เกิดขึ้น ผมอาจจะไม่มีเพลงนี้ออกมาเลยก็ได้” แดเนียล เล่าย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เขาต้องเผชิญหน้า และร่ำระบายออกมาเป็นเพลง คอยดู ที่ทุกคนได้ฟังกัน หลายคนอาจเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำ บ้างก็ลืมเลือนหายไปตามกาลเวลา แต่ แดเนียล ดิษยะศริน เลือกที่จะลงมือเขียนในวินาทีนั้นเลย เพียงเพราะเขารู้สึกว่า ความรู้สึกนี้อาจไม่เกิดขึ้นกับชีวิตเขาอีกแล้วก็เป็นได้
 
การออกเดินทางบนถนนดนตรีสายใหม่ครั้งนี้ไม่มีใครรู้ว่าจะจบลงเช่นไร ความท้าทาย อุปสรรคขวากหนาม และเรื่องราวต่างๆ กำลังรอเขาอยู่เบื้องหน้า ทว่าการมายืนอยู่ในจุดนี้ ณ เวลานี้ ตอนนี้ แดเนียล บอกว่ามันเป็นความลงตัวที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ และมองว่าความโชคร้ายที่เกิดขึ้น ก่อเกิดเป็นความโชคดีที่เขาสัมผัสได้ และกลายมาเป็นเพลง คอยดู ที่เขาภาคภูมิใจไม่น้อย
 
แดเนียลย้ำว่า “นาทีที่ผมตัดสินใจกดอัดเพลงนี้ในโทรศัพท์ ทำให้ทุกอย่างในชีวิตของผมเปลี่ยนไป” และไม่แน่ว่า การที่คุณได้หลับตาฟังเพลง คอยดู และสัมผัสความรู้สึกที่เด็กหนุ่มคนนี้อยากจะเล่าออกมา ก็อาจทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
 
ไม่ว่าท้ายที่สุดจะมีคนจดจำ แดเนียล ดิษยะศริน ในฐานะศิลปิน นักดนตรี หรือนักเขียนเพลง แต่อย่างน้อยในนาทีนี้ เขาก็ได้เล่าเรื่องราว เล่าความรู้สึกที่แท้จริงที่เกิดขึ้นในชีวิต ผ่านสิ่งที่เขารักและหลงใหล ที่เรียกว่า “ดนตรี” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
 
และมา “คอยดู” กันว่า เด็กหนุ่มที่ชื่อ แดเนียล ดิษยะศริน จะเล่าอะไรให้คุณ “ได้ยิน” และ “รู้สึก” อีกบ้าง…ในภายภาคหน้า จะเล่าอะไรให้คุณ “ได้ยิน” และ “รู้สึก” อีกบ้าง … ในภายภาคหน้า