โรคแพ้อาหาร เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วจะรักษาหายหรือไม่?
หลายๆ บ้านเปลี่ยนบรรยากาศไปพักผ่อนบ้านพักริมทะเล ร้านอาหารดีๆ แต่ต้องเจอกับคนในบ้าน แพ้อาหารทะเล หมดสนุกกันเลยทีเดียว
คนไทยป่วยเป็นโรคแพ้อาหารมากขึ้นกว่า 3-4 เท่าเมื่อเทียบกับ 10 ปีแล้ว โดยอาหารประเภท นมวัว ไข่ แป้งสาลี ถั่วลิสง และอาหารทะเล เหล่านี้มีสาร “ฮิสตามีน” เป็นสาเหตุหลักให้อาการกำเริบ ซึ่งโรคนี้สามารถหายเองได้เมื่อโตขึ้น แต่บางคนหากเป็นหนักอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
สาเหตุของโรคแพ้อาหาร
1. เกิดจากกรรมพันธุ์ คุณพ่อคุณแม่มีประวัติเป็นภูมิแพ้
2. เลี้ยงสัตว์มีขนไว้ภายในบ้าน เช่น สุนัข แมว นก
3. ออกกำลังกายน้อยลง ทำให้ร่างกายอ่อนแอ
4. มลภาวะจากการจราจร ควันบุหรี่
5. เกิดจากของใช้ในบ้าน เช่น พรมปูพื้น, ผ้าขนหนู, เครื่องนอน
อาการของ โรคแพ้อาหาร
1. ระบบผิวหนัง : ลมพิษชนิดเฉียบพลัน ผิวหนังอักเสบ ตาและปากบึนบวม
2. ระบบหายใจ : จมูกอักเสบ เช่น น้ำมูกไหล คัดจมูก, กล่องเสียงและหลอดลมบวม หรือเป็นหืด แน่นหน้าอก หายใจมีเสียงวี๊ด
3. ระบบทางเดินอาหาร : คันปาก คอ ลิ้น ปวดท้อง อาเจีย ท้องเดิน ถ่ายเป็นเลือด
4. ระบบหัวใจ : ความดันโลหิตต่ำ เกิดอาการช็อกรุนแรงอาจเสียชีวิตได้
การรักษา โรคแพ้อาหาร
1. ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคแพ้อาหารโดยตรง
2. จะรักษาตามอาการ อย่างเช่น การรับประทานยาแก้แพ้ ซึ่งเป็นยาต้านสารฮิสตามีน หรือที่เรียกว่า ยาแอนติฮิสตามีน นั่นก็คือ ยาคลอร์เฟนิรามีนขององค์การเภสัชกรรม
3. หากเป็นลมพิษคันมากๆ ใช้ยาคารามายทา
4. ถ้าอาการรุนแรงถึงขนาดหอบมากๆ เป็นหอบหืด ท้องเสีย หรืออาเจียน ต้องรีบไปรักษากับแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยด่วน
วิธีป้องกันการเกิด โรคแพ้อาหาร
1. เมื่อรู้ว่าคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคแพ้อาหาร ควรหลีกเลี่ยงทานอาหารที่ไม่เคยทานชิ้นเล็กๆ เพื่อลดความรุนแรงหากเกิดอาการแพ้ขึ้นมา
2. สำหรับคนที่เป็นโรคแพ้อาหารอยู่แล้ว ควรเตรียมยาแก้แพ้และคารามายติดตัวไว้เสมอ
