ฟีร์มิโน่ ย้ายจากออฟเฟ่นไฮม์มาอยู่กับลิเวอร์พูลเมื่อปี 2015 โดยได้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกในยุคของแบรนดอน ร๊อดเจอร์ส

 

แต่หลังจากเจอร์เก้น คล็อปป์มาคุมทีม นักเตะทีมชาติบราซิลวัย 26 ปี ถูกดันขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้า ซึ่งในฤดูกาลนี้เขายกเสื้อหมายเลข 11 ที่เคยใส่ให้กับโมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ และเปลี่ยนมาใส่เสื้อหมายเลข 9 แทน

 

โดยตอนนี้ ฟีร์มิโน่ ยิงไปแล้ว 19 ประตู จากทุกรายการ โดยเป็นการยิงเฉพาะในพรีเมียร์ลีก 11 ลูก ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยยิงได้มากที่สุด 16 ประตูตอนที่ลงเล่นในบุนเดสลีก้าฤดูกาล 2013-14

 

ด้วยเหตุที่เขาได้รับความไว้วางใจจากเจอร์เก้น คล็อปป์มากกว่า ทำให้ แดเนี่ยล สเตอริดจ์ ซึ่งยิงไป 63 ประตู จากการลงเล่น 133 เกมให้ลิเวอร์พูล ต้องตกเป็นแค่ตัวสำรอง จนสุดท้ายต้องถูกปล่อยให้เวสต์ บรอมวิชยืมตัวไปใช้งานเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

 

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ศูนย์หน้ารุ่นพี่ที่ยิงไป 183 ประตู จากการลงเล่นให้ลิเวอร์พูลไป 369 นัด ได้ออกมาชื่นชมพัฒนาการของ ฟีร์มิโน่ ที่แม้จะไม่ใช่กองหน้าธรรมชาติ แต่ก็สามารถลงเล่นในระบบที่เจอร์เก็น คล็อปป์วางไว้ได้อย่างลงล็อค

 

"พูดตรงๆ เลยว่าผมไม่ค่อยรู้จักเขามากเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าคุณจะใส่เสื้อหมายเลข 9, 10, 11 หรือ 23 ถ้าเกิดคุณเล่นอยู่ข้างหน้า คุณต้องถูกคาดหวังให้ยิงประตู ซึ่งเขาก็สามารถทำได้"

 

"เขาไม่ใช่ผู้เล่นหมายเลข 9 หรือ 10 แต่เขาคือศูนย์หน้า ซึ่งเจอร์เก้นปล่อยให้เขาวิ่งพล่านไปทั่วในพื้นที่สุดท้าย ซึ่งเขาก็ทำได้ดีมาก เขามีพลังงานมหาศาล เขาสร้างสรรค์โอกาสได้ และยิงประตูได้ด้วย"

 

สำหรับโปรเแกรมนัดต่อไปของลิเวอร์พูล จะต้องบุกไปเยือนเซาธ์แฮมตันในคืนวันอาทิตย์นี้เวลา 5 ทุ่มครึ่ง โดยไฮไลท์ของเกมนี้หนีไม่พ้นกลับไปเยือนถิ่นเก่าของเวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค นั่นเอง