22 มุมห้ามพลาด ไปม่วนอีหลีที่ จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์ 2558

กินเที่ยว
22 มุมห้ามพลาด ไปม่วนอีหลีที่ จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์ 2558

พาไปตะลุยจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ซึ่งปีนี้ทางฟาร์มจัดให้เราได้เที่ยวชมทั้งหมด 5 จุด จะมีมุมไหนที่ห้ามพลาดกันบ้าง ไปดูเลย


เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแล้วค่ะสำหรับ "จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์ 2558" ซึ่งเปิดฟาร์มให้เที่ยวชมกันตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2558 ถึงวันที่ 10 มกราคม 2559 โดยในปีนี้มีการจัดงานภายใต้แนวคิด "มังมูน บุญข้าว" ซึ่งนำเสนอความผูกพันระหว่างข้าวกับวิถีชีวิตของชาวอีสาน ผ่านประเพณีวัฒนธรรมทั้ง 12 เดือน เรียกว่า ฮีตสิบสอง ประกอบไปด้วย 6 ประเพณี คือ งานบุญคูนลาน งานบุญข้าวจี่ งานบุญผะเหวด งานบุญบั้งไฟ งานบุญข้าวประดับดิน และงานบุญข้าวสาก นอกจากนี้ภายในงานยังมีทุ่งดอกไม้และสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย วันนี้เราจึงจะพาไปตะลุยจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม กันค่ะ ซึ่งปีนี้ทางฟาร์มจัดให้เราได้เที่ยวชมทั้งหมด 5 จุด จะมีมุมไหนที่ห้ามพลาดกันบ้าง ไปดูเลย

จุดที่ 1 ทุ่งคอสมอสและแปลงเก็บผักปลอดสาร

1. ซุ้มหน้าฟาร์ม










 
หากนักท่องเที่ยวจอดรถบริเวณด้านหน้าของจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ก็จะต้องได้พบกับบริเวณจุดขายตั๋วและซุ้มหน้าฟาร์มก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งบริเวณนี้เองที่จะเป็นมุมเซลฟี่จุดแรกที่ห้ามพลาด คุณสามารถถ่ายภาพเก๋ ๆ ได้กับป้ายฟาร์มขนาดใหญ่ ผลฟักทองสีส้มลูกโต ๆ ซึ่งล้อมรอบไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน หรือใครจะนั่งพักบนเก้าอี้ฟางข้าว เพื่อยืดเส้นยืดสายก่อนก็ได้เช่นกัน อ้อ...ทันทีที่คุณไปซื้อตั๋ว ควรสอบถามข้อมูลให้ละเอียด อาทิ ราคาบัตรเข้าชม เพราะบัตรเข้าชมมีหลากหลายประเภท ทั้งนี้ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ jimthompsonfarm

2. รถนิทรรศการหมอลำเคลื่อนที่ (Molum Mobile Bus)








รถหมอลำคันนี้ไม่ธรรมดาเลยค่ะ เพราะมีการออกแบบทั้งด้านในและด้านนอกของรถอย่างกิ๊บเก๋ โดยดีไซน์เนอร์ชื่อดัง คือ คุณจิโร่ เอ็นโด สถาปนิกและนักออกแบบแสงชาวญี่ปุ่น รถหมอลำแบ่งออกเป็น 2 คัน คือรถสำหรับใช้เป็นเวทีแสดงหมอลำ และรถนิทรรศการเกี่ยวกับหมอลำ ซึ่งรถเหล่านี้คือรถที่เคยใช้รับส่งพนักงานทอผ้าไหมของไร่นั่นเอง สำหรับรถหมอลำจะจอดรอนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชมอยู่บริเวณด้านขวาของจุดขึ้นรถนำชมฟาร์ม หากใครหาไม่เจอ สามารถสอบถามพนักงานได้เลยค่ะ

3. ทุ่งดอกคอสมอส









ทันทีที่นักท่องเที่ยวเดินเข้ามายังบริเวณด้านในของจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ก็จะพบกับความงดงามอลังการของทุ่งดอกคอสมอสสีชมพูสะพรั่งมากกว่า 40 ไร่ คุณสามารถที่จะเดินเข้าไปถ่ายรูปกับดอกคอสมอสได้อย่างใกล้ชิดตามทางเดินที่ทางฟาร์มได้จัดสรรไว้ให้ โดยจะมีเบื้องหลังเป็นภูเขาสีเขียวลูกใหญ่ พร้อมทั้งแนวของต้นสนสวยงาม สร้างความงดงามให้กับทุกองศาในบริเวณนี้เลยทีเดียว

4. สวนมัลเบอร์รี และ U-Pick Garden







ในส่วนนี้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เก็บมัลเบอร์รีและผักปลอดสารพิษกลับบ้าน ซึ่งผลผลิตทั้งหมดไม่ได้ฉีดยา หรือใส่สารเคมีใด ๆ ในการปลูกและดูแล จึงสามารถเก็บรับประทานกันได้แบบสด ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวทางฟาร์มจะมีตะกร้าจำหน่าย ใบละ 300 บาท สามารถเก็บทั้งผักและผลมัลเมอร์รีได้ไม่อั้น

5. สวนลอยฟ้า















ตั้งอยู่บริเวณชั้นบนของห้องขายตั๋ว ในบริเวณนี้จะจัดให้ชมดอกเบญจมาศหลากสีสัน พริกเจ็ดสี เห็ดชนิดต่าง ๆ ต้นกล้าพันธุ์สตรอว์เบอร์รี ต้นมัลเบอร์รี และพืชผักอื่น ๆ ใครชอบต้นไหนก็สามารถซื้อกลับบ้านได้เลยค่ะ ราคาเป็นกันเองสุด ๆ

จุดที่ 2 ลานฟักทองและทุ่งดอกไม้หลากสี

6. ทุ่งดอกทานตะวัน

ห่างจากทุ่งคอสมอสไปไม่ไกล คุณจะพบกับทุ่งทานตะวันกว้างขวาง ออกดอกสีเหลืองงดงามละลานตา มีทั้งดอกเล็กดอกใหญ่ให้ได้เลือกถ่ายเซลฟี่ ใครต้องการภาพทุ่งทานตะวันกว้างใหญ่ก็ลองถ่ายภาพจากรถนำชม แต่ถ้าใครอยากเอาหน้าวัดกับดอกทานตะวันว่าอะไรจะใหญ่กว่ากันก็เดินชมตามทางเดินที่ฟาร์มจัดไว้ให้ได้เลยค่ะ

7. ลานฟักทอง (Pumpkin)









ในส่วนของซุ้มฟักทองจะอยู่บริเวณด้านหน้าของทุ่งดอกไม้ ทันทีที่นักท่องเที่ยวมาถึงยังจุดชมทุ่งดอกไม้ ก็จะพบกับพี่หุ่นฟางตัวใหญ่บิ๊กเบิ้ม มีฟักทองสีส้มทั้งลูกเล็กใหญ่มากมายรายล้อม พร้อมทั้งยังมีซุ้มที่ให้ได้ถ่ายรูปอีกด้วย

8. ฟักทองจำลองลูกยักษ์







หากมองไปทางซ้ายมือของลานฟักทอง ก็จะเห็นเจ้าฟักทองลูกใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินอย่างสง่างาม มีดอกไม้นานาพรรณล้อมรอบบนเนินอย่างงดงาม เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก็จะพบว่าเจ้าฟักทองจำลอง ด้านในมีที่นั่งพักร้อนให้หลบแดดได้ด้วย ซึ่งซุ้มฟักทองลูกโตนี้ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ แล้วใช้ฟักข้าวโพดแห้งสีเหลืองมาประดับด้านนอกอย่างเก๋ไก๋ ใครไม่มาถ่ายรูปจะถือว่าพลาดมาก !

9. ทุ่งดอกไม้หลากสี









 
ในบริเวณนี้จะเป็นทุ่งดอกไม้โล่งกว้าง ประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด ที่พากันออกดอกชูช่อเบ่งบาน อวดสีสันกันอย่างละลานตา ซึ่งจะประกอบไปด้วย อาทิ ดอกคอสมอส ดอกลาเวนเดอร์ ดอกดาวกระจายสีส้ม ดอกหงอนไก่สีแดง ดอกเก็กฮวย ต้นคริสต์มาส เป็นต้น

10. จุดชมวิว 360 องศา



จุดชมวิว 360 องศา จะตั้งอยู่บริเวณใจกลางของทุ่งดอกไม้หลากสีสัน นักท่องเที่ยวสามารถเก็บภาพของทุ่งดอกไม้ในมุมสูงได้จากบริเวณนี้ และยังเป็นที่รับลมเย็น ๆ ไปพร้อมกับการชมพระอาทิตย์ลาลับหลังเขาไปอย่างสวยงามอีกด้วย

11. เส้นทางแห่บุญบั้งไฟ





บริเวณใจกลางของทุ่งดอกไม้จะเป็นทางเดินกว้าง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินเที่ยวชมทุ่งดอกไม้ได้ตั้งแต่หัวไร่จนถึงท้ายไร่ และยังเป็นเวทีในการแสดงแห่บุญบั้งไฟอีกด้วย ชาวบ้านจะแต่งกายงดงามด้วยผ้าพื้นเมือง และร่ายรำไปพร้อมกับเสียงแคนและเครื่องดนตรีพื้นเมือง ขบวนแห่ย่อม ๆ จะเดินผ่านกลางทุ่งดอกไม้ เป็นสีสันที่ต้องมาชมกันให้ได้ การแสดงแห่บุญบั้งไฟจะมี 4 รอบด้วยกัน คือประมาณ 09.00 น., 10.00 น., 15.00 น. และ 16.00 น.

12. กระติบกระซิบรัก





มุมนี้จัดทำมาเพื่อเอาใจทั้งคนมีคู่และคนโสด โดยทางฟาร์มได้จัดทำกระติบจิ๋วขึ้นมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เขียนข้อความน่ารัก ๆ ลงบนกระติบ แล้วนำไปแขวนไว้ในบริเวณที่จัดไว้ให้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์เชื่อมโยงใจซึ่งกันและกัน ใครอยากบอกรักใครก็เขียนลงไปบนกระติบจิ๋วได้เลย ! (กระติบจิ๋วใบละ 90 บาท)

13. ทางเดินฟักแฟง







ต่อจากมุมกระติบจิ๋ว นักท่องเที่ยวจะมองเห็นทางเดินยาวร่มรื่นอยู่บริเวณด้านข้างของทุ่งดอกไม้ ซึ่งตรงนี้นี่เองที่เป็นซุ้มของไม้เลื้อยตระกูลฟัก สามารถเดินถ่ายรูปได้อย่างเก๋ไก๋ ตลอดทั้งทางเดินยังมีที่นั่งฟางข้าววางไว้เป็นระยะ สามารถนั่งพักผ่อนกันได้ในซุ้มสีเขียวนี้อีกด้วย

จุดที่ 3 หมู่บ้านอีสาน

14. นาข้าวหลากสี






นาข้าวหลากสีจะอยู่ด้านหลังของเรือนอีสาน มีการทำนาข้าวหลากหลายชนิด ซึ่งก็จะมีสีแตกต่างกันออกไป ทางฟาร์มออกแบบให้นาข้าวแต่ละแปลงอยู่ลดหลั่นกันลงไปตามพื้นที่เนิน จำลองเถียงนาขนาดย่อมไว้กลางนา ให้บรรยากาศของท้องทุ่งนาตามต่างจังหวัดในเขตภาคอีสาน สามารถมานั่งพักผ่อนกันได้บริเวณนี้

15. ปราสาทข้าว





เมื่อเดินมาทางนาข้าว คุณจะพบกับปราสาทข้าวขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างขึ้นจากฟางข้าว มีความสูงประมาณ 14 เมตร ตกแต่งและออกแบบอย่างประณีต สามารถเข้าไปชมความงดงามได้อย่างเต็มที่ แต่ขอฝากสักนิดว่าบริเวณนี้ไม่ควรสูบบุหรี่หรือทิ้งก้นบุหรี่ ควรหลีกเลี่ยงสื่อนำไฟทุกชนิด เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อปราสาทฟางข้าวได้ค่ะ

16. เฮือนอีสาน













ภายในหมู่บ้านอีสาน ได้จัดแสดงสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นอีสานไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมมากมาย อาทิ สิม หอไตร หอกลอง เรือนไทยวน เรือนนางเผอะ เป็นต้น โดยบริเวณด้านใต้ถุนเรือนจะจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการทอผ้าไหม การปั้นดินโบราณ และอื่น ๆ อีกมากมาย

17. ม่วนอีหลี ลานประเพณีถิ่นอีสาน

















ลานประเพณีจะจัดแสดงจำลองงานบุญทั้ง 6 ประเพณี คือ บุญคูณลาน บุญข้าวจี่ บุญผะเหวด บุญบั้งไฟ บุญข้าวประดับดิน และบุญข้าวสาก โดยจะมีชาวบ้านมาสาธิตและอธิบายเกี่ยวกับประวัติ พร้อมทั้งข้อมูลต่าง ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง นักท่องเที่ยวจะได้ลองทำกิจกรรมมากมายที่ไม่เคยทำ พร้อมทั้งชิมขนมพื้นบ้านที่หารับประทานได้ยากอีกด้วย

18. มุมอิ่มอร่อยแบบอีสานบ้านนา

บริเวณนี้จะจำหน่ายอาหารพื้นเมืองในราคาย่อมเยา เมนูอาหารที่ห้ามพลาด อาทิ ส้มตำปูปลาร้า ส้มตำป่า ลาบคอหมูย่าง ผัดหมี่โคราช ขนมจีนน้ำยาอีสาน ลูกชิ้นปิ้ง ไอศกรีม น้ำดื่มสมุนไพร เป็นต้น

19. บุญหลาย แอนด์ แฟมิลี่ คอร์เนอร์

ใครที่อยากจะทำความรู้จักกับ พี่บุญหลาย ควายไทยแสนรู้ ต้องไม่พลาดไปทักทายพี่บุญหลายและครอบครัวได้ที่บ้านของพี่บุญหลาย โดยมีน้องบุญบั้งไฟเป็นพนักงานต้อนรับของครอบครัวตัวใหม่ นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปคู่กับควายทั้ง 3 ตัว ได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะรอต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณด้านข้างของห้องน้ำหน้าหมู่บ้านอีสาน


จุดที่ 4 หมู่บ้านจิม

20. กระบวนการผลิตผ้าไหม

ในโซนนี้จะเป็นการแสดงกระบวนการผลิตผ้าไหมของจิม ทอป์สัน ฟาร์ม ตั้งแต่การสาวไหม การฟอกย้อมเส้นไหม การทอผ้าไหม และการพิมพ์ผ้าไหม ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถที่จะทดลองได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้บริเวณนี้ยังมีทางเดินผ้าสีสันสดใสสวยงาม สามารถถ่ายภาพสวย ๆ ไปอวดเพื่อนได้อย่างจุใจ


จุดที่ 5 ตลาดจิม

21. ลานต้นสน






ต้นสนมากมายเรียงรายเป็นแนวยาว อยู่ใกล้ ๆ กับตลาดจิม เป็นทั้งสถานที่นั่งพักผ่อนและถ่ายรูปเดี่ยวได้อย่างสวยงาม

22. ตลาดจิม













ที่นี่จะเป็นสถานที่ปลดปล่อยของเหล่านักช้อปทั้งหลาย ในโซนตลาดจิมแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ๆ คือผลิตภัณฑ์ผ้าไหม ผลิตภัณฑ์ผ้าพิมพ์ ผลิตภัณฑ์ฟาร์ม และร้านจำหน่ายอาหาร สินค้าผ้าไหมและสินค้าอื่น ๆ ในแบรนด์จิม ทอมป์สัน จะมีจำหน่ายที่นี่และมีราคาย่อมเยา พืชผักและผลไม้จากฟาร์มก็ปลอดสารพิษ ราคาถูก รับรองได้เลยว่าทุกคนจะต้องมีของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่นอน


ใครที่กังวลว่าจะหาจุดต่าง ๆ ไม่เจอ ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะรถนำเที่ยวฟาร์มจะพาทุก ๆ ท่านไปจอดยังจุดต่าง ๆ และทางฟาร์มยังให้แผนที่ของฟาร์มกับทุกท่านอีกด้วย หรือถ้าหาไม่เจอจริง ๆ ก็สามารถสอบถามไกด์และพนักงานที่ช่วยดูแลได้เช่นกัน

สำหรับราคาบัตรเข้าชมจะแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1. บัตรล่วงหน้า

บัตรธรรมดา (วันจันทร์-ศุกร์) ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 100 บาท
บัตรวันเสาร์-อาทิตย์ ผู้ใหญ่ 180 บาท เด็ก 135 บาท
บัตรช่วงเทศกาลปีใหม่ (ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค. 58- 3 ม.ค. 59) ผู้ใหญ่ 280 บาท เด็ก 220 บาท

โดยบัตรล่วงหน้านักท่องเที่ยวจะสามารถซื้อได้ผ่านทางไทยทิคเก็ตเมเจอร์ และร้านจิม ทอมป์สัน 7 สาขา คือ สุรวงศ์, สยามพารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์, ดิ เอ็มโพเรียม, พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน, ปาลิโอ เขาใหญ่ และหอค้ำคูณ อำเภอปักธงชัย

2. บัตรหน้าฟาร์ม

บัตรธรรมดา (วันจันทร์-ศุกร์) ผู้ใหญ่ 180 บาท เด็ก 135 บาท
บัตรวันเสาร์-อาทิตย์ ผู้ใหญ่ 220 บาท เด็ก 180 บาท
บัตรช่วงเทศกาลปีใหม่ (ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค. 58- 3 ม.ค. 59) ผู้ใหญ่ 280 บาท เด็ก 220 บาท

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ โทร. 0 2262 3456 และจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม โทร. 0 27622566, 08 5660 7336, 0 4437 3116



ภาพจาก jimthompsonfarm

การเดินทางไปจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม

เส้นทางที่ 1 >> จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปยังจังหวัดสระบุรี เมื่อถึงชุมทางต่างระดับสีคิ้วให้ชิดซ้าย เพื่อตรงไปยังอำเภอโชคชัย ขับไปเรื่อย ๆ จนถึงสี่แยกบริเวณร้านอาหารตอไม้ จึงเลี้ยวขวาไปตามเส้นทางถนนมะเกลือใหม่-บะใหญ่ ผ่านบ้านหนองไม้ตาย โรงเรียนวังรางวิทยา บ้านน้ำซับ จนถึงคลองชลประทานให้เลี้ยวซ้าย ขับไปอีกนิดจนถึงสี่แยกบ้านตะขบให้เลี้ยวซ้ายข้ามคลองชลประทานอีกครั้ง ขับไปตามถนนหมายเลข 2072 อีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม

เส้นทางที่ 2 >> จากกรุงเทพฯ ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 304 ขับตรงไปเรื่อย ๆ จนแยกเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหมายเลข 2072 ผ่านคลังน้ำมันระยองเพียว โรงเรียนบ้านปลายดาบ จนถึงสี่แยกคลองชลประทาน จึงข้ามคลองชลประทาน ขับตรงไปตามถนนหมายเลข 2072 จะผ่านโรงเรียนลำพระเพลิงพิทยาคม ตรงไปเรื่อย ๆ จะเห็นจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม อยู่ทางขวามือ

เส้นทางที่ 3 >> จากอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ขับตรงไปยังอำเภอปักธงชัย โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ตรงไปถึงสี่แยกลำพระเพลิง แล้วเลี้ยวขวาไปตามเส้นทางเขื่อนลำพระเพลิง (ถนนเลียบคลองชลประทาน) จนถึงสี่แยกจุดตัดกับถนนหมายเลข 2072 ให้เลี้ยวขวาข้ามคลองชลประทาน ผ่านโรงเรียนลำพระเพลิงพิทยาคม ตรงไปเรื่อย ๆ จะเห็นจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม อยู่ทางขวามือ

สามารถดูรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ jimthompsonfarm.com หรือโทรศัพท์ 0 2762 2566, 08 5660 7336

อากาศเริ่มหนาวแล้วใครยังไม่รู้จะไปรับลมหนาว หยอกเหย้าดอกไม้ที่ไหน ก็มุ่งหน้าไปที่จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม กันได้เลย รับรองว่าหนาวนี้คุณจะมีประสบการณ์สุดประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอน


ที่มา :