อยากหายเครียด ต้องลอง 5 วิธีบำบัดความเครียดให้หายเป็นปลิดทิ้ง!
ความเครียด จะหายไป เมื่อคุณลองบำบัดความเครียดด้วย 5 วิธีเหล่านี้
เรียบเรียงข้อมูลโดย Thaiticketmajor.com
ในสภาวะที่โลกเปลี่ยนไปในทิศทางที่มีการต่อสู้แข่งขันกันอย่างดุเดือด ทั้งในเรื่องของธุรกิจ การงาน การจราจรแออัดในเมืองใหญ่ๆ หรือ แม้แต่เรื่องใกล้ตัวอย่างเรื่องความผิดความหวังจากความรัก ปัญหาในครอบครัว ก็ล้วนเป็นผลทำให้คนเราเกิดความเครียดขึ้นได้ ดังนั้น หากอยากหายเครียดจากเรื่องพวกนี้ มาลอง 5 วิธีบำบัดความเครียดให้หายเป็นปลิดทิ้ง ที่เรานำมาฝากกันด่วนๆ ก่อนที่ความเครียดมันจะเข้ามาลำลายชีวิตของคุณค่ะ
1. หาเวลาพักผ่อน
การพักผ่อน เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณได้ปลดปล่อยความเครียดได้ดีทีเดียว โดยลองเลือกสถานที่ที่อยากไป อาจจะไปคนเดียว หรือไปกับกลุ่มเพื่อนสนิทสักสองสามคน เพื่อหลีกหนีผู้คน แล้วปล่อยความเครียดออกมาให้เต็มที่ รวมถึงเป็นการชาร์ทแบตให้กับตัวเองเพื่อกลับมาแก้ปัญหาที่ค้างคาอยู่
2. มีสติ
การสวดมนต์ นั่งสมาธิ จะช่วยทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า สติ เมื่อเรามีสติแล้ว ไม่ว่าจะทำสิ่งไหน จะช่วยให้เรารู้เท่าทันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ในวันข้างหน้า และเมื่อถึงเวลาเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจริงๆ เจ้าสตินี้แหละก็จะช่วยให้เราผ่อนปรนอารมณ์ความเครียดได้ในระดับนึง
3. ใช้หลัก อริยสัจ 4
อริยสัจ 4 คือ ความจริงอันประเสริฐ ประกอบไปด้วย ทุกข์(สภาพที่ทนได้ยาก) สมุทัย(สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์) นิโรธ(ความดับทุกข์) และมรรค (แนวปฏิบัติที่นำไปสู่ความดับทุกข์) ซึ่งหากใครเข้าใจความจริงของชีวิต ก็จะช่วยให้มีสติมากขึ้น พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาไปทีละอย่าง โดยใช้ทางสายกลางเป็นหลักในการดำเนินชีวิตต่อไป
4. กดจุดบนในหบ้า
การกดจุดบนใบหน้า นอกจากจะช่วยให้คุณหลับสบายขึ้นเท่านั้น ยังช่วยในเรื่องการลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคไมเกรนอันเกิดจากความเครียดได้ ดังนั้น ลองเข้าร้านสปาที่น่าเชื่อถือ ให้เขากดจุดบนใบหน้าดูนะคะ
5. ทานอาหารช่วยลดความเครียด
มีการวิจัยออกมาว่า อาหารบางอย่าง สามารถช่วยลดความเครียดอย่างได้ผล อาทิ ช็อกโกแลต, ปลาจากทะเลน้ำลึกที่มีโอเมก้า3, อโวคาโด และ ชาต่างๆ เหล่านี้ ลองไปเดินซุปเปอร์มาเก็ต เพื่อซื้อของเหล่านี้รับประทานดูสิคะ ซึ่งดูแล้วแต่ละอย่างมีประโยชน์กับร่างกายทั้งนั้นเลย
สำหรับใครที่กำลังมีความเครียดอยู่ ลองนำวิธีบำบัดความเครียดที่เรานำมาฝากทั้ง 5 ข้อนี้ไปใช้ดูนะคะ แล้วมาเล่าให้ฟังหน่อยว่า มันได้ผลจริงๆ หรือเปล่า
ภาพจาก pixabay.com