แค่ ‘วิ่ง’ จะดีอย่างไร?

ไลฟ์สไตล์
แค่ ‘วิ่ง’ จะดีอย่างไร?

การวิ่ง เป็นหนึ่งแอคทิวิตี้ที่นอกจากจะเพิ่มการมีกิจกรรมทางกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นการคาร์ดิโอ เผาผลาญร่างกายแล้ว ยังเป็นการช่วยเปลี่ยนระบบอวัยวะในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น

เรื่องโดย : ดนยา สุเวทเวทิน Team Content www.thaihealth.or.th
ข้อมูลจาก : เว็บไซต์ thaihealthcenter.org/exhibitions/run/
 
ในวันที่ร่างกายไม่แข็งแรงเหมือนตอนเด็กๆ กับวันที่ต้องปวดไมเกรน ยิ่งอากาศเปลี่ยนนิดเปลี่ยนหน่อย หรือพาตัวเองไปอยู่ตรงที่มีฝุ่นเยอะๆ ภูมิแพ้ก็มาเยือนแบบไม่ทันรู้ตัวจนทิชชู่พกพาแทบจะหมดห่อ อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ฉุกคิดว่า ‘ถึงเวลาแล้วรึยัง ที่เราจะเริ่มหันมารักตัวเอง?’
 
รักตัวเอง ที่ไม่ใช่การปรุงแต่งแต่เพียงภายนอก ไม่ใช่การนึกถึงแต่ตัวเองจนลืมมองคนอื่น แต่ยังรวมถึงการเติมเต็มจากภายใน ทั้งการเติมทักษะความสามารถในส่วนต่างๆ ที่ยังขาด ไม่ว่าจะเป็นทักษะที่เกี่ยวข้องกับการเรียนหรือสายอาชีพ ทำอาหาร เก็บเงิน การควบคุมอารมณ์และจิตใจ รวมไปถึงการดูแลสุขภาพและร่างกายของตัวเราเอง ด้วยการเริ่มออกกำลังกาย สะสมไปวันละนิดวันละหน่อย
 
โดย องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ว่า คนเราควรมีกิจกรรมทางกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เนื่องจากการขาดกิจกรรมทางกายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ ทั้ง ความดันโลหิต เบาหวาน มะเร็งชนิดต่างๆ และโรคหัวใจ
 
ซึ่ง 'การวิ่ง' ก็เป็นหนึ่งแอคทิวิตี้ที่นอกจากจะเพิ่มการมีกิจกรรมทางกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นการคาร์ดิโอ เผาผลาญร่างกายแล้ว ยังเป็นการช่วยเปลี่ยนระบบอวัยวะในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น แถมยังเป็นสิ่งที่เราๆ ต่างก็คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ขอแค่มีรองเท้า 1 คู่ มีพื้นที่ที่พอให้วิ่งรอบได้ คุณก็สามารถมีสุขภาพดีได้แล้ว
 
วิ่งดีอย่างไร
 
เว็บไซต์ thaihealthcenter.org/exhibitions/run/ ยังกล่าวถึงประโยชน์ของการวิ่งที่อิงจาก ทำไมเราจึงควรวิ่ง” womenshealththailand.com ว่า การวิ่ง เปลี่ยนร่างกายและจิตใจได้อย่างไร ไว้ดังนี้
 
สุขใจ >> การวิ่งกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน สารเคมีธรรมชาติ ซึ่งมีฤทธิ์บรรเทาอาการปวด และทำให้รู้สึกสุขสบาย
 
สมองดี >> นักวิจัยจากฟินแลนด์พบว่า หนูทดลองที่วิ่งเก่ง มีผลทดสอบด้านการเรียนรู้สูง และนักวิจัยคาดว่า การทดสอบในมนุษย์ก็น่าจะให้ผลแบบเดียวกัน
 
หัวใจฟิต >> ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือด ปอด และหัวใจทำงานดีขึ้น แถมยังช่วยลดไขมันในเลือดด้วย
 
ชนะภูมิแพ้ >> งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่เป็นโรคภูมิแพ้ เมื่อออกไปวิ่ง 30 นาที พบว่า อาการจาม น้ำมูกไหลลดลง 70%
 
เบิร์นดี >> เมื่อวิ่งแล้วจะไม่ค่อยหิว และแม้จะหยุดวิ่ง ร่างกายก็ยังคงเบิร์นพลังงานในระดับสูงกว่าปกติไปอีกหลายชั่วโมง
 
กระดูกแข็งแกร่ง >> พร้อมช่วยลดภาวะกระดูกพรุน
 
อดทนขึ้น >> การวิ่งช่วยให้มีจิตใจเข้มแข็ง สร้างระเบียบวินัยให้ตัวเอง เพราะการวิ่งให้ถึงเส้นชัยก็คือความสำเร็จเล็กๆ ที่เราสร้างเองได้ง่ายๆ
 
ป่วยยาก >> เพราะช่วยปรับภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานดีขึ้น
 
วิ่งดีอย่างไร
 
นอกจากนี้ เว็บไซต์ thaijoggingclub.or.th ยังแนะนำ การวิ่งอย่างไรให้ถูกท่า? เพื่อลดอาการบาดเจ็บเอาไว้ด้วย
 
ศีรษะ >> ตั้งตรงเป็นแกนเดียวกับลำตัว ไม่เงย ไม่ก้ม สายตามองไปข้างหน้า จะทำให้กล้ามเนื้อคอผ่อนคลาย
 
หายใจ >> สูดลมหายใจเข้าเป็น 2-3 ช่วงต่อการหายใจเข้า 1 ครั้ง แล้วปล่อยลมหายใจออก จะทำให้วิ่งได้นานขึ้น
 
มือและแขน >> กำมือหลวมๆ แขนแกว่งขึ้นลงตามจังหวะแกว่งแขนขึ้น ทำมุม 70-80 องศา แกว่งลงทำมุม 100 องศา
 
ลำตัว >> ลำตัวเป็นเส้นตรงตั้งแต่ศีรษะลงไปถึงเท้า ทิ้งน้ำหนักตัวและเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
 
เท้า >> วางเท้าเป็นธรรมชาติ ดัดปลายเท้าให้เป็นเส้นตรงตามทางวิ่ง ไม่เฉเข้าเฉออกนอก ลำตัวไม่จิกลงด้วยปลายเท้า งอเข่าลงเล็กน้อย
 
วิ่งดีอย่างไร
 
อยากวิ่งเพื่อสุขภาพ ต้องทำอย่างไร?
 
ไม่วิ่งลงปลายเท้า >> เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อหน้าแข้ง น่อง และเอ็นร้อยหวายอักเสบได้ง่าย ควรใช้กล้ามเนื้อโคนขามากกว่าปลายเท้า
 
วิ่งยาวสัปดาห์ละครั้ง >> การวิ่งนานๆ จนปวดกล้ามเนื้อแบบสุดๆ จะทำให้กล้ามเนื้อใช้ 'ไกลโคเจน' จนหมด กล้ามเนื้อจะเริ่มสะสมใหม่ และสะสมได้มากกว่า ทำให้เราวิ่งได้ไกลกว่าเดิม
 
วิ่งเร็วสัปดาห์ละครั้ง >> จะทำให้เส้นเลือดไปเลี้ยงหัวใจขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นกลไกที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้เป็นอย่างดี
 
ฝึกหายใจด้วยกระบังลม >> เพื่อให้หายใจได้ลึกและยาวขึ้น ฝึกได้โดยการนอนหงาย เอาหนังสือวางบนหน้าท้อง แล้วถ้าหนังสือขยับขึ้นก่อนสูดลมหายใจเข้า ลดลงตอนหายใจออก จะถือว่าใช้ได้
 
เพราะในหลายๆ โรคก็ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะบาปบุญ แต่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นหลัก ดังนั้นหากใครที่ชอบบ่นว่าป่วยออดๆ แอดๆ แถมยังไม่มีเวลาเหลือเฟือ ก็ลองให้ ‘การวิ่ง’ เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงกว่าที่เป็นอยู่ได้นะคะ
 
สำหรับใครที่ลงทะเบียนงานวิ่งครั้งใหญ่แห่งปี กับงาน Thaihealth Day Run 2018 อย่าลืมเตรียมฟิตร่างกายให้พร้อมก่อนมาเจอกันจัดในงานวันที่ 11 เดือน 11 ณ สนามศุภชลาศัย นี้
 
โดยในปีนี้มีความพิเศษตรงที่จัดให้มี คลินิก เดลิเวอรี่ วิ่งสู่ชีวิตใหม่ 10K โปรแกรมการฝึกวิ่งที่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายและออกกำลังกายเป็นประจำ ให้สามารถไปถึงเป้าหมายเดินวิ่ง 10K ได้ สามารถดาวน์โหลด “คู่มือ วิ่ง 10 สัปดาห์ สู่ชีวิตใหม่” ได้ที่ http://llln.me/Y7lov19


ขอบคุณข้อมูลจาก สสส