ไม่เคยคิดว่าตัวเองมาไกลขนาดนี้! คุย 'ต่าย อรทัย' สาวดอกหญ้ากับความสำเร็จ

บันเทิง : มีคลิป
ไม่เคยคิดว่าตัวเองมาไกลขนาดนี้! คุย 'ต่าย อรทัย' สาวดอกหญ้ากับความสำเร็จ

เป็นศิลปินสาวอีกหนึ่งคนที่ยังคงความสวย อ่อนน้อม ถ่อมตน เสมอต้นเสมอปลายอยู่เสมอ สำหรับ 'ต่าย อรทัย' ศิลปินที่อยู่ในใจแฟนเพลงยาวนานกว่า 16 ปี มีเพลงฮิตมาให้ฟังมากมาย

ดอกหญ้าในป่าปูน, กินข้าวหรือยัง, อยู่ในใจเสมอ, ซังได้ซังแล้ว ฯลฯ ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นคือรายชื่อเพลงฮิตของเธอ และรู้หรือไม่ว่าสาวคนนี้กำลังจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรก  “ต่าย อรทัย ดอกหญ้ากลางเมืองใหญ่”
 
TTM VARIETY ไดโอกาสสุด EXCLUSIVE เราขอพาไปบุกห้องซ้อม ฟังเพลงสดๆ เป็นน้ำจิ้ม พร้อมทั้งยังได้พูดคุยถึงเคล็ดลับการอยู่ในวงการเพลงลูกทุ่ง การตามล่าหาความฝันของนักร้องสาวราชินีลูกทุ่งคนนี้ บอกเลยว่าเต็มไปด้วยข้อคิดและอิ่มเอมใจกับความคิดบวกของเธออย่างแน่นอน

 
 
"มันคือความฝันร่วมกัน"
 
ต่าย อรทัย เริ่มเล่าให้เราฟังว่า อยู่ในวงการเพลงลูกทุ่งมา 15-16 ปีแล้ว  ถ้ามองว่าเคล็ดลับคืออะไรมันก็ไม่ใชเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ การก้าวมาได้ถึงทุกวันนี้มันไม่ได้อยู่ที่เราคนเดียวมันมาจากหลายๆ ส่วนที่ช่วยเหลือกัน ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นถ้าเราไม่ได้โอกาสจากผู้ชักนำเข้าวงการที่เขามีความรู้สึกอยากสร้างนักร้อง  มันอาจจะเป็นโชคชะตาที่ทำให้มาเจอกัน ต้องขอบคุณ 'พี่บ่าวข้าวเหนียว กับพี่สาวบ้านเชียง' ตั้งแต่แรกเลยที่พาเข้ามาในวงการ เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ท่านได้ดูแลก็ถือว่าเป็นช่วงที่สำคัญ

พอได้รับโอกาสจากตรงนั้นปุ๊บ โอกาสที่มีต่อจากความที่เขาอยากส่งต่อให้เราประสบความสำเร็จก็พยายามนำผลงานเพลงที่ทำกันอยู่ไปนำเสนอค่ายเพลง มันคือความฝันร่วมกัน จริงๆ ไปหลายๆ ค่าย หนึ่งในนั้นก็คือแกรมมี่ ซึ่งเราก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาอยู่แกรมมี่  แต่ก็เกิดการแนะนำกันต่อเรื่อยๆ จาก พี่บ่าวพี่สาวที่รู้จักกับครูสลา  หลังจากนั้นก้ได้รับโอกาสจากครูได้พูดคุยและมีโอกาสมาเทสต์ที่แกรมมี่ว่าจะยังไง หลังจากนั้นเราก็ได้มาเป็นศิลปินฝึกหัด มีเพลง มีอัลบั้ม เริ่มโปรโมท มีเรื่องของทีมงานช่วยเหลือกันว่าจะเป็นที่รู้จักได้ยังไง เราก็มาในแนวเพลงธรรมดาๆ บ้านๆ เด็กต่างจังหวัด ผู้ใหญ่ให้โอกาสผู้ใหญ่เมตตา ได้ไปนำเสนอ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ เ วลาที่ไปโปรโมทตัวเองก็เป็นเรื่องสำคัญ นอกเหนือจากนั้นก็เป็นแฟนเพลง อาจจะพูดยาวนิดนึงแต่นี่คือสิ่งเริ่มต้นต้นที่ทำให้เรามาได้ไกลขนาดนี้
 
 
"ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาไกลขนาดนี้"
 
"ถามว่าตอนเด็กๆ เคยฝันไหมว่าอยากเป็นอะไร ความฝันอ่ะมีอยู่แล้วตอนเด็กๆ เพราะเราชื่นชอบศิลปินมีอยู่ในดวงใจตั้งแต่เด็ก ร้องเพลงพวกเขาได้ เราก็คิดว่าเขาทำกันยังไงนะ เราก็มีความฝันตามประสาเด็กๆ มากกว่า แล้วก็ร้องเพลงไปตามความเข้าใจของตัวเอง แล้วก็ไม่คิดว่าที่ทุกคนได้ยินเขาชื่นชมว่าที่เราร้องมันเพราะ แต่เราไม่รู้ว่าสิ่งที่ร้องเพราะ ไม่รู้ว่าถูกหลักการร้องเพลงจริงๆหรือเปล่า มันก็เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เราอยากเป็นนักร้องจริงๆ  ก้ไปหาวิธีประกวด เป็นตัวแทนของโรงเรียนบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาไกลขนาดนี้"
 
 
" ทุกคนมีสิทธิที่จะฝัน แต่ทุกอย่างมันไม่ได้มาแบบง่ายๆ"
 
"คือจริงๆ ทุกหัวใจมีความฝันมีแรงบันดาลใจ มีการต่อสู้ในชีวิตที่ไม่เหมือนกัน แต่ว่าคือชีวิตของเราก็เลือกเกิดไม่ได้ว่าจะไปเกิดที่ตรงไหน  แต่ในมุมของต่ายคือ แค่มีชีวิตเกิดมาบนโลกใบนี้ก็ถือว่าโชคดีแล้วจะเกิดในครอบครัวแบบไหนก็ตาม ในมุมของต่ายคือเราเกิดในครอบครัวชาวไร่ ชาวนา เราก็เรียนหนังสือไปโรงเรียน เสาร์ อาทิตย์ ดำนา เกี่ยวข้าว เราก็ทำอย่างนี้กับพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก  แต่สิ่งหนึ่งที่ปลูกฝังเราอยู่ในนั้นคือ ความลำบากนั่นเอง ความลำบากแบบที่เราไม่รู้ว่าลำบาก  คือเราอยู่กับมันตั้งแต่เด็ก มันสอนให้เรารู้สึกอดทนกับอาชีพที่พ่อแม่เราทำ เราได้โดยเราไม่รู้สึกตัวเลย 
 
ซึ่งมาจนถึงวันนี้ ทุกคนอาจจะมีความฝัน อยากจะเป็นนักร้อง อยากจะเป็นดารา อยากจะศิลปิน อยากจะเป็นอะไรก็ตามบนโลกใบนี้  คือทุกอย่างมันไม่ได้มาแบบง่ายๆ แล้วสิ่งที่เราคิดฝันไว้อาจจะดูสวยหรูมาก ทุกคนมีสิทธิคิดได้  ทุกคนมีสิทธิที่จะฝันได้ นั่นคือเป็นแรงบันดาลใจ ในมุมของต่ายมันไม่่ได้ผิดนะคะ แต่ปลายทางที่เราจะไปกับความฝันนั้นผลมันจะออกเป็นอย่างไรก็ช่างมัน แต่ขอให้ทุกคนมีความฝัน มีแรงบันดาลใจ มันเป็นอะไรที่จะสร้างพลังให้เรามีเป้าหมายที่จะก้าวต่อไป แล้วเราจะทำทุกอย่าง ทุกคนจะได้มีการเรียนรู้แบบไม่รู้ตัว ถึงวันนี้คุณจะไม่ได้เป็นนักร้องที่ดังระดับประเทศ ไม่ได้เป็นนักธุรกิจ ไม่ได้เป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่บอกได้เลยว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามาก เราอย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่นว่าเราไม่ได้รวยเหมือนเขานู้นนี่ ขอให้คุณเก็บเกี่ยวช่วงระหว่างทางนั่นคือสำคัญที่สุด"
 
 
"คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในชีวิต"
 
"ไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกพิเศษเหมือนต่ายหรือเปล่า แต่อะไรก็ตามที่เป็นครั้งแรกในชีวิตเราจะจดจำได้ดีมาก มันที่สุดกแล้วของเส้นทางการเป็นนักร้อง ครั้งหนึ่งมีคอนเสิร์ตใหญ่เป็นของตัวเอง ซึ่งก็คิดมาตลอดว่าเราไม่ได้มีความสามารถมากอย่างพี่เบิร์ด พี่ติ๊นา หรือใครหลายๆ คน เราก็เริ่มต้นจากที่ไม่มีต้นทุนอะไรเยอะ ต้องขอบคุณบริษัท ขอบคุณผู้ใหญ่  ในมุมของตัวเองไม่เคยรุ้สึกมั่นใจในตัวเองเลยว่าเราจะมีศักยภาพมากพอที่จะมีคอนเสิร์ตใหญ่ของตัวเองได้ แต่เราก็ซ้อมหนัก เต็มที่ทั้งตัวต่ายเอง แทั้งแบนด์ ทั้งโชว์ มีมากกว่าการร้องเพลงปกติ พยายามทำการบ้านในจุดที่ตัวเองไม่มั่นใจ นั่งซ้อมเช้าเย็นทุกวัน เราพยายามจะนำเสนอในสิ่งที่ทุกคนออยากเห็นบนเวทีคอนเสิร์ตของต่าย อรทัย นอกจากนั้นยังมีแขกรับเชิญ  ไผ่ พงศธร , ตรี ชัยณรงค์ และยังอุบไว้มีอีก 3 ท่าน สำหรับแฟนๆ ที่ซื้อบัตรคอนเสิร์ตแล้วก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ไปฟังเพลง ไปดูโชว์ของต่าย อรทัย กันเด้อ"
 


 
สำหรับใครที่ยังไม่มีบัตรก็รีบกันนิดนึงนะคะเพราะบัตรเหลือน้อยเต็มที ซื้อบัตรคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของสาวดอกหญ้า “ต่าย อรทัย ดอกหญ้ากลางเมืองใหญ่”  คลิก  >> https://bit.ly/2VpdINL