โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

กีฬา
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ นักเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ผู้เป็นผลผลิตจากทีมเยาวชนของเฟเยนูร์ด ตกลงย้ายจากอาร์เซน่อลมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในวันที่ 15 สิงหาคม 2012

Man Utd

ชื่อ: โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ 
วันเกิด:  6 สิงหาคม 1983
เมิองเกิด: ร็อตเตอร์ดัม
ตำแหน่ง: ศูนย์หน้า
หมายเลข: 20
เข้าร่วมทีม: 17 สิงหาคม 2012
ทีมชาติ: เนเธอร์แลนด์

โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ นักเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ผู้เป็นผลผลิตจากทีมเยาวชนของเฟเยนูร์ด ตกลงย้ายจากอาร์เซน่อลมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในวันที่ 15 สิงหาคม 2012

ฟาน เพอร์ซี่ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 14 ปีกับทีม SBV เอ็กเซลซิเออร์ ในประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่ก็เล่นได้เพียงปีเดียว จากนั้นเขาก็ย้ายไปร่วมทีมเฟเยนูร์ด และด้วยวัยเพียง 17 ปี เขาก็ได้ร่วมเล่นในทีมชุดใหญ่ในปี 1990 เนื่องจากอาการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลักในทีมหลายๆ คน และในฤดูกาล 2001/02 เขาก็ได้รับรางวัลนักเตะอายุน้อยผู้มีพรสวรรค์จากสมาคมฟุตบอลดัชท์ (the KNVB Best Young Talent award) ในฤดูกาลถัดมาเขาก็ได้เซ็นสัญญาเล่นฟุตบอลอาชีพกับสโมสรเฟเยนูร์ด แต่เนื่องมีปัญหากับผู้จัดการทีมในขณะนั้นซึ่งก็คือ เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ ทำให้เขาไม่ค่อยได้ลงสนามในทีมชุดใหญ่มากนัก ตลอดฤดูกาล 2003/04 เขาก็ต้องนั่งเป็นตัวสำรองข้างสนามตลอดทั้งฤดูกาล แต่ด้วยความสามารถอันโดดเด่นในฐานะนักเตะ (แม้ผู้จัดการทีมจะบอกว่าเขาแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมอยู่เสมอ) เขาก็ยังคงได้เปลี่ยนตัวลงสนามเพื่อช่วยทีมถึง 28 นัดในฤดูกาลนี้ และทำประตูได้ 6 ประตูในเกมลีก

ในฤดูกาล 2004/05 อาร์เซน่อลได้เริ่มมองหานักเตะใหม่เพื่อเป็นตัวแทนนักเตะรุ่นเก๋าอย่าง เดนนิส เบิร์กแคมป์ และพวกเขาก็ได้คว้าตัวฟาน เพอร์ซี่ไปร่วมทีมด้วยสัญญา 4 ปีในค่าตัว 2.75 ล้านปอนด์ อาร์เซน เวงเกอร์ ได้พยายามสร้างให้ฟาน เพอร์ซี่ สามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งกองกลางตัวรุก และศูนย์หน้า อย่างที่เขาเคยปั้น เธียร์รี่ อองรี มาแล้ว

ฟาน เพอร์ซี่ ลงเล่นนัดแรกให้อาร์เซน่อลในเกมเอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่อาร์เซน่อลเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ด ไปได้ 3 - 1 ในวันที่ 8 สิงหาคม 2004 แต่ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล เขายังคงต้องนั่งในม้านั่งสำรองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเขาก็ได้โอกาสลงสนามไปเล่นแทนตำแหน่งของอองรี ในช่วงที่อองรีมีอาการบาดเจ็บที่น่อง ทำให้ในฤดูกาลแรกของเขาในอังกฤษ เขาได้ลงสนาม 41 นัดและยิงได้ 10 ประตูในทุกถ้วย

ในฤดูกาล 2005/06 ฟาน เพอร์ซี่ มีโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงมากขึ้นและเขาก็โชว์ฟอร์มได้ดีตั้งแต่ต้นฤดูกาล จนถูกเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนพฤศจิกายน 2005 หลังจากยิงได้ถึง 8 ประตูจากการลงเล่น 8 นัด จากนั้นทีมก็ต่อสัญญาให้เขาไปจนถึงมกราคม 2011

ในฤดูกาล 2007/08 หลังจากที่อองรี ย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลนา ทำให้ฟาน เพอร์ซี่ มีโอกาสได้ยึดตำแหน่งศูนย์หน้าตัวจริงของอาร์เซน่อล แต่เขาก็กลับมาอาการบาดเจ็บรบกวนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นกระดูกเท้าแตก และการบาดเจ็บที่หัวเข่าในเกมทีมชาติ ทำให้เขาต้องพลาดการลงสนามให้ทีมไปหลายนัด

ฤดูกาล 2008/09 เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของฟาน เพอร์ซี่ เมื่อเขาสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าจะได้ใบแดงแรกในเกมกับสโต๊ค ซิตี้ แต่ในเกมเอฟเอ คัพรอบ 3 วันที่ 3 มกราคม 2009 จากการที่ เชส ฟาเบรกาส กัปตันทีมมีอาการบาดเจ็บ ทำให้ฟาน เพอร์ซี่ ได้รับหน้าที่กัปตันทีมอาร์เซน่อลเป็นครั้งแรก และพวกเขาก็เอาชนะทีมพลายเมาท์ อาร์กายล์มาได้ 3 - 1 โดยฟาน เพอร์ซี่ ยิง 2 ประตูในเกมนี้ และทั้งฤดูกาลนี้เขาทำประตูได้มากถึง 20 ประตู และส่งบอลให้เพื่อนทำประตูได้ 15 ครั้ง ทำให้เขาได้รับการโหวตจากแฟนๆ อาร์เซน่อลให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี

หลังจากอาการบาดเจ็บที่เป็นๆ หายๆ ตลอดช่วงฤดูกาลแรก เขาก็เริ่มขยับขึ้นมาเป็นนักเตะตัวหลักของอาร์เซน่อล เป็นนักเตะหัวใจสำคัญในทุกเกมของอาร์เซน่อล และเมื่อเข้ารับตำแหน่งกัปตันทีม เขาก็เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในทีมของอาร์เซน เวงเกอร์ และเป็นนักเตะที่ดีที่สุดคนหนึ่งในฤดูกาล 2011/12 โดยเวงเกอร์ได้เคยให้สัมภาษณ์หลังจากที่ฟาน เพอร์ซี่ทำแฮตทริกได้ในเกมที่ชนะเชลซี 5 - 3 ว่า "ความฉลาดในการเคลื่อนที่ของเขาไปรอบๆ กรอบเขตโทษ และความแม่นยำในการจบสกอร์ของเขานั้นโดดเด่นไม่เหมือนใคร"

ฟาน เพอร์ซี่ ทำประตูได้ทั้งสองนัดที่พบกับแมนฯ ยูไนเต็ดในฤดูกาล 2011/12 และยืนยันว่าเขาคือศูนย์หน้าระดับโลกคนหนึ่งที่มีฟอร์มการเล่นที่เฉียบขาดและมีส่วนร่วมในชัยชนะของทีมอยู่เสมอ นอกจากนี้ ความเชี่ยวชาญในการเปิดลูกตั้งเตะของเขาก็เป็นอีกความสามารถหนึ่งที่ยอดเยี่ยม และเขาก็ยังแสดงถึงความไม่เห็นแก่ตัว ด้วยการเปิดบอลให้เพื่อนทำประตูได้จำนวนมากเช่นกัน

ในเกมกับทีมชาติ เขาทำประตูให้เนเธอร์แลนด์ได้ในเกมที่พ่ายต่อเยอรมันในศึกยูโร 2012 ซึ่งถือเป็นรายการหนึ่งที่น่าผิดหวัง

เดนนิส เบิร์กแคมป์ ผู้ซึ่งเป็นรุ่นพี่ทั้งในทีมชาติ และในทีมอาร์เซน่อล ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ยกย่องฟอร์มการเล่นของฟาน เพอร์ซี่ว่า "เขาสามารถสร้างความแตกต่างให้ทีมได้หลายต่อหลายครั้ง ในความเห็นของผมนะ และผมคิดว่านี่แหละคือคำอธิบายถึงความเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม มันเหลือเชื่อจริงๆ ที่เขาพัฒนาตัวเองได้ขนาดนี้ และนักเตะแบบนี้สมควรที่จะได้ถ้วยรางวัลกับทีม บุคลิกและรูปแบบการเล่นของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก"

แม้ว่าจะพ่ายต่อสเปนในฟุตบอลโลกปี 2010 แต่เขาก็เคยชูถ้วยแชมป์ยูฟ่า คัพกับเฟเยนูร์ดในปี 2002 และเคยชูถ้วยเอฟเอ คัพ ในอีก 3 ปีให้หลังกับอาร์เซน่อล ในเกมที่พวกเขาเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ดได้ในนัดชิงชนะเลิศจากการยิงลูกโทษที่คาร์ดิฟฟ์ ในเกมนี้เขาลงสนามในฐานะตัวสำรองและสามารถยิงบอลผ่านมือ รอย คาร์โรลล์ เข้าไปได้ แต่นอกจากถ้วยนี้แล้ว และไม่นับถ้วยการกุศลอย่างคอมมิวนิตี้ ชิลด์ เขาก็ไม่เคยชูถ้วยใดๆ กับอาร์เซน่อลอีกเลย

แม้จะได้ลงสนามเป็นนักเตะตัวหลักอย่างสม่ำเสมอ และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับอาร์เซน่อลมาโดยตลอด แต่ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2012 ฟาน เพอร์ซี่ก็ออกมาประกาศต่อสื่อว่าเขาจะไม่ต่อสัญญากับอาร์เซน่อล และนั่นก็ส่งผลให้ทีมยักษ์ใหญ่หลายทีมจ้องที่จะคว้าตัวเขาไปเสริมทีม รวมทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแล้ววันที่ 15 สิงหาคม 2012 เว็บไซต์ของทีมปีศาจแดงก็ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าได้ตกลงกับอาร์เซน่อล ในการคว้าตัวโรบิน ฟาน เพอร์ซี่มาร่วมทีมเรียบร้อยแล้ว

โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เพิ่งได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของอาร์เซน่อล หลังจากโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลที่ผ่านมา นักเตะดัชท์ผู้นี้เป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ ลีก ในปีที่ผ่านมาด้วยจำนวน 30 ประตู มากกว่าอันดับสองคือ เวย์น รูนี่ย์ อยู่ 3 ประตู ซึ่งในฤดูกาล 2012/13 นี้ทั้งคู่จะได้เล่นด้วยกัน และคาดว่าจะได้ร่วมกันสร้างสรรค์ประตูอีกมากมาย

ข้อมูลจาก : http://www.redarmyfc.com/