แต่หากอยากจัดสวนให้ได้บรรยากาศเรือนไทยแบบในละครเรืองนี้แล้ว ไม่ต้องย้อยยุคเข้าไปสมัยกรุงศรีฯ ก็สามารถเลือกสรรพรรณไม้ที่มีจำหน่ายในปัจจุบันมาตกแต่งรอบๆ บ้านได้

 

สวนรอบๆ เรือนไทยในละคร บุพเพสันนิวาส ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด ปลูกเลี้ยงดูง่าย และเป็นเพียงส่วนหนึ่งของฉากในละครเท่านั้น แต่หากอยากจะลองลงมือจัดสวนเอง เกณฑ์ในการเลือกพรรณไม้ ควรเลือกใช้พรรณไม้ที่บ่งบอกถึงความเป็นสวนเมืองร้อน (Tropical Garden) ซึ่งหากเป็นไม้ดอกหอมด้วยแล้ว จะยิ่งสร้างบรรยากาศให้สวนได้อรรถรสของความเป็นไทยมากขึ้น อย่างที่นิยมปลูกได้แก่ ลีลาวดี วาสนา โมก พุดพิชญา เป็นต้น

 

 

นอกจากต้นไม้ที่จะนำมาแนะนำกันนี้ สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือเรือนไทย ซึ่งลักษณะเป็น “เรือนหมู่” ที่รวมเรือนหลังเล็กหลายๆ หลังเข้าไว้ด้วยกัน เรียกเรือนหลังเล็กว่า หอนอน หรือเรือนนอน เมื่อลูกหลานแต่งงานออกเรือนมีครอบครัวของตนเอง พ่อแม่มักจะสร้างเรือนหลังเล็กแยกให้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน เชื่อมต่อกันเป็นกลุ่มหลายๆ หลัง ซึ่งผู้ที่จะสร้างเรือนหมู่ขนาดใหญ่ต้องมีฐานะร่ำรวยและมักจะเป็นขุนนางคหบดีชั้นสูงอย่างเช่นตัวละครในเรื่องบุพเพสันนิวาส

 

 

ในแต่ละฉากของละครเรื่องนี้มีต้นไม้ชนิดใดบ้าง เราคัดส่วนหนึ่งมาจากละครจาก mello.me มาให้ชมกัน กดดูที่รูปภาพจะมีชื่อต้นไม้ขึ้นบอกด้วย

 

 

1. ยี่โถ 

 

เป็นอีกหนึ่งพรรณไม้ปลูกประดับคู่บ้านคนไทย ปลูกง่ายดูแลง่าย มักจะเห็นปลูกประดับหน้าบ้าน ริมถนน ทางเดิน ลานจอดรถ สวนสาธารณะทนแล้งและสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดี แต่ลำต้นมียางเป็นพิษ จึงไม่ควรปลูกใกล้สนามเด็กเล่น

 

 

2. แสงจันทร์

 

โทนสีอ่อนนุ่มนวลตาให้ความรู้สึกคล้ายมองดวงจันทร์ ต้นแสงจันทร์จึงเป็นอีกหนึ่งต้นไม้ที่ช่วยให้ส่วนดูมีมิติ ด้วยโทนสีที่แตกต่างจากพรรณไม้อื่นๆ ใบอ่อนของแสงจันทร์ประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น ผัด หรือรองห่อหมก ใบจะมีรสจืดคล้ายผักกาดหอม มีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ หรือตำพอกแก้แผลอักเสบ เชื่อกันว่า ควรปลูกต้นแสงจันทร์ไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เพื่อใช้ประโยชน์ทางใบ ปลูกวันอังคาร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง

 

 

3. ทองอุไร

 

เป็นดอกไม้ยอดนิยมในตอนนี้ ปลูกเลี้ยงง่าย ชอบแดดจัด ปริมาณน้ำ ปานกลาง ลักษณะใบเรียวยาว ดอกมีสีเหลืองสว่างรูประฆังมี 5 กลีบ นอกจากนี้ชื่อ ทองอุไรยังมีความหมายเชิงมงคลอีกด้วย ส่วนใหญ่จึงนิยมปลูกประดับหน้าบ้าน เช่นเดียวกับต้นไม้ยอดนิยมอื่นๆ

 

 

4. เฟื่องฟ้า

 

สำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบรดน้ำต้นไม้ ต้นเฟื่องฟ้าคงเป็นพรรณไม้ที่ถูกใจยิ่งนักเพราะ เฟื่องฟ้าดูแลง่าย ทนแล้งได้ดี หากอยากชื่มชมดอกมีเทคนิคทำให้ต้นออกดอกคือ งดให้น้ำ 5 – 7 วัน ใบจะเริ่มร่วง จากนั้นให้น้ำอย่างเต็มที่ ต้นจะผลิดอกบานสะพรั่ง กลีบประดับนำมาชุบแป้งทอดกินเป็นของว่างได้ 

 

 

5. ว่านสาวน้อยประแป้ง
 

อีกหนึ่งไม้มงคลที่เชื่อว่าเป็นว่านเสี่ยงทายโชคลาภ เสน่ห์เมตตามหานิยม หากปลูกไว้หน้าบ้านจะช่วยให้ค้าขายดี แต่ทุกส่วนของต้นมีสารแคลเซียมออกซาเลต เมื่อถูกน้ำยางจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างแรง การเลือกปลูกประดับบ้านจึงไม่ควรอยู่ในตำแหน่งสัญจรไปมา

 

 

6. ดอนญ่า

 

ดอนญ่าเป็นพันธุ์ไม้พุ่มที่สวยงามสดุดตามาก ปลูกเลี้ยงและขยายพันธุ์ง่าย ชอบดินร่วนซุย ต้องการความชื้นสูง และส่วนมากชอบขึ้นในที่กลางแจ้งรับแสงแดดโดยตรง ในเมืองไทยมีดอนญ่าที่นิยมปลูกคือ ดอนญ่า ออโรร่า ซึ่งมีใบสีเขียวอ่านไปจนถึงขาวนวล แตกพุ่มสวย ในขณะเดียวกันก็มี ดอนญ่าควีนสิริกิตติ์ อีกชนิดที่มีใบสีชมพูอ่อนซึ่งเป็นลูกผสมระหว่าง Mussaenda ‘Dona Luz’ กับ M. philippica  var. aurorae ที่มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ทดลองผสมเกสรและคัดเลือกต้นที่ดีที่สุด เพื่อขอพระราชทานพระนามสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ มาตั้งเป็นชื่อพันธุ์ เมื่อครั้งเสด็จเยือนฟิลิปปินส์ปี พ.ศ. 2506

 

 

 

7. พุดเศรษฐีสยาม
 

ดอกพุดในเมืองไทยมีหลายชนิดและนิยมปลูกเพื่อเก็บดอกบูชาพระ ดอกพุดจึงมีความหมายถึงความนอบน้อมเคารพบูชา แต่ละชนิดก็ส่งกลิ่นหอมแตกต่างกัน อย่างพุดเศรษฐีจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ส่วนพุดพิชญาจะไม่มีกลิ่นแต่ออกดอกทั้งปี พุดเศรษฐีสยามยังเชื่อว่าเป็นไม้มงคลด้วยชื่อที่สื่อความหมายของความร่ำรวยด้วย

 

8. จั๋งจีน

 

จั๋ง เป็นอีกหนึ่งไม้พุ่มที่นิยมปลูกประดับริมรั้วบ้าน ทั้งปลูกง่ายดูแลง่าย รูปใบพัดแผ่กว้างเหมาะที่จะบังสายตาจากเพื่อนบ้านเป็นอย่างดี จั๋งที่ปลูกในไทยมีหลายชนิดลักษณะใบก็จะแตกต่างกัน อย่างจั๋งจีนคล้ายจั๋งญี่ปุ่น ต่างกันที่จั๋งจีนมีเส้นรยางค์ตามลำต้นหนาแน่น ปลายใบย่อยเรียวแหลมและลู่ลงมากกว่า ส่วนจั๋งใต้จะมีใบสีเขียวเข้ม รูปพัด ขอบใบจักเว้าลึกถึงสะดือ แตกเป็นใบย่อยขนาดใบเล็กกว่าจั๋งจีน
 

 

9. การะเกด 
 

ชื่อของแม่นายการะเกดนั้น เป็นชื่อของต้นไม้ริมน้ำชนิดหนึ่ง ต้นการะเกดคล้ายกับต้นเตยด่าง มีใบเรียวยาวมีหนามแหลม ใบสีเขียวอ่อน ออกดอกเป็นช่อขนาดใหญ่ที่ซอกใบ และจะออกดอกเมื่อต้นโตเต็มที่ สามารถเจริญได้ในที่มีน้ำทะเลท่วมถึงและชายหาด เพราะมีรากค้ำขนาดใหญ่ สำหรับการปลูกประดับในสวนนิยมปลูกริมบ่อน้ำ และใช้เป็นต้นไม้ริมรั้วบังสายตาจากเพื่อนบ้านได้

 

 

10. พลับพลึง

 

เป็นอีกหนึ่งพรรณไม้ดอกหอมที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วงใกล้ค่ำถึงเช้ามีกลิ่นหอม ออกดอกตลอดปี และออกดอกดกในช่วงฤดูฝน ที่นิยมปลูกในไทยมีหลายชนิด อย่างที่คุ้นเคยกันคือพลับพลึงตีนเป็ด พลับพลึงทอง พลับพลึงดอกแดง รวมถึงพลับพลึงดอกขาวที่มีใบหนาเรียว ปลูกในที่แสงแดดจัดควรรดน้ำให้มาก ส่วนใบย่างไฟให้ร้อนใช้พันแก้ฟกช้ำ เคล็ดขัดยอก หรือใช้อยู่ไฟหลังคลอดก็ได้