เชื่อว่ามีน้อยคนที่จะเคยมีประสบการณ์อย่างการได้ทดสอบรสชาติไวน์และเรียนรู้ขั้นตอนการผลิตต่างๆ กว่าจะได้ไวน์ออกมาแต่ละขวดนั้นเป็นอย่างไร รวมถึงเมื่อมาที่นี่ก็ยังมีของอร่อยให้ได้ทานกันแบบจุใจ และที่ว่ามานี้หาได้ที่ พีบี วัลเล่ย์ เขาใหญ่
|
มาถึง เขาใหญ่ กันทั้งทีจะมีอะไรดีไปกว่าการได้รับประทานสเต็กเนื้อคุณภาพซักจานไปพร้อมๆ กับการได้ชิมไวน์ในบรรยากาศสบายๆ ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามอีกล่ะ ซึ่งสถานที่ที่กำลังจะแนะนำในวันนี้คือ พีบี วัลเล่ย์ เขาใหญ่ไวน์เนอร์รี่ (PB Vallay Khao Yai Winery) ที่ให้บริการอาหารเลิศรสท่ามกลางบรรยากาศของไร่องุ่น ณ ห้องอาหาร “เกรท ฮอร์นบิล กริลล์” (The Great Hornbill Grill) รวม ไปถึงกิจกรรมทัวร์ไร่องุ่นเพื่อเรียนรู้กระบวนการในการผลิตไวน์ เริ่มตั้งแต่การปลูก ขั้นตอนการเก็บเกี่ยว กระทั่งวิธีการบ่มไปจนถึงขั้นตอนการบรรจุขวดสำหรับจำหน่าย และปิดท้ายด้วยการทดลองชิมไวน์แต่ละประเภทที่ผลิตได้จากไร่แห่งนี้ ซึ่งไวน์แต่ละประเภทก็มีรสชาติที่ต่างกันออกไป ถ้าพร้อมแล้วก็ไปทัวร์ไร่พีบี วัลเล่ย์กันก่อนเลย
|
|
|
|
สำหรับกิจกรรมแรกของเราก็คือ “การทัวร์ไร่องุ่น” ซึ่งทาง พีบี วัลเล่ย์ ได้เปิดให้บริการวันละ 3 รอบ เพื่อเยี่ยมชมและดูกระบวนการในการผลิตไวน์อย่างใกล้ชิด โดยจะมีไกด์นำชมและคอยให้ข้อมูลในส่วนต่างๆ อย่างเพลิดเพลิน ไล่ตั้งแต่การเพาะปลูกดูแลองุ่นให้ออกมาได้ผลผลิตตามต้องการซึ่งจะมีการ อธิบายให้เราได้รู้ว่ามีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง จากนั้นก็จะนำไปชมขั้นตอนต่อๆ ไป เช่น การพาชมห้องบ่มไวน์ที่เต็มไปด้วยถังไม้โอ๊คขนาดอ้วนกลมที่เรียงซ้อนกันหลาย ชั้น ซึ่งในห้องนี้จะอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของน้ำองุ่นชื่นใจดีทีเดียวและน้ำองุ่น ในถังไม้โอ๊คเหล่านี้แหละที่จะมาเป็นไวน์แสนอร่อยให้เราได้ลิ้มรสกันเมื่อ ได้เวลาอันเหมาะสม แต่การทัวร์ครั้งนี้ไม่ต้องใช้เวลารอนาน เพราะเราจะได้ชิมไวน์ที่บ่มได้ที่แล้วในช่วงท้ายของการทัวร์ที่หลายคนรอคอย นั่นคือการทดสอบรสชาติของไวน์ ซึ่งขั้นตอนก็ไม่ซับซ้อนจนยากเกินจะเข้าถึงแต่อย่างใด เริ่มต้นด้วยการจับบริเวณก้านหรือฐานของแก้วขึ้นมาแล้วแกว่งให้ไวน์ตื่นตัว เพื่อที่มันจะได้เผยกลิ่นเฉพาะตัวออกมามากขึ้น แล้วจึงสูดกลิ่น ดมความหอมของไวน์ อมไวน์ไว้ในปากเพื่อให้ลิ้นได้รับรสได้อย่างเต็มที่ และกลืนไวน์ในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งจินตนาการที่ได้จากกลิ่นและรสชาติของไวน์แต่ละประเภทนั้น จะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่คนว่าจะนึกไปถึงสิ่งใดบ้าง รวมไปถึงความชมชอบส่วนบุคคลในไวน์แต่ละชนิด ซึ่งแน่นอนว่าย่อมต่างกันออกไปจึงทำให้เกิดบทสนทนาที่น่าสนใจขึ้นอีกคราหลัง จากได้จิบไวน์กันไปแล้ว และนี่จึงเป็นความสนุกอีกอย่างหนึ่งที่ได้รับจากกิจกรรมนี้
|
|
|
|
|
|
หลังจากเรียกน้ำย่อยกับการเที่ยวชมไร่องุ่นพร้อมกับสูด ดม อม กลืนทดสอบรสชาติไวน์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็มาต่อกันด้วยของอร่อยหนักท้องกันที่ห้องอาหาร เดอะ เกรท ฮอร์นบิล กริลล์ โดยเมนูแรกที่ใครก็ตามเมื่อมาถึงแล้วห้ามพลาดเลยก็คือ “เมี่ยงใบองุ่น” ตามด้วย “ยำแฮมรมควัน” และ ที่ลืมไม่ได้เลยก็ต้องเป็นเมนูสเต๊ก เราจึงขอจัดเต็มด้วยเนื้อจากออสเตรเลียเกรดเอในปริมาณ 600 กรัม ซึ่งสเต็กจานนี้มีชื่อเท่ห์ๆ ว่า “ฟรินสโตน สเต็ก” (The Flintstone Rib) เชื่อได้เลยว่าใครที่ได้เห็นสเต็กจานนี้มาเสิร์ฟคงเกิดอาการตาโตอ้าปากค้างกับขนาดของชิ้นเนื้อที่ได้เห็นอย่างแน่นอน
|
|
|
|
เริ่มกันที่จานแรกกับ “เมี่ยงใบองุ่น” ที่ใช้ใบองุ่นสายพันธุ์บราซิลซึ่งลักษณะของใบจะหยักน้อยกว่า แต่ให้รสชาติดีกว่า ส่วนไส้ในที่ถูกห่อนั้นก็เป็นการผสมกันของหอมเจียว กุ้งแห้ง พริกแห้ง ถั่วและสมุนไพรอีกหลายชนิดนำมาคั่วและป่นเข้าด้วยกัน เวลารับประทานก็เพียงหยิบเอาเครื่องเคียงอันได้แก่ องุ่น มะนาว พริก และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ใส่เพิ่มลงไปแล้วส่งเข้าปาก ความหอมมันของไส้นั้นจะโดดเด่นขึ้นมา เวลาเคี้ยวได้รสเปรี้ยวๆ หวานๆ ตามสไตล์เมี่ยงแบบไทยๆ จานนี้เชื่อว่าอร่อยถูกปากคนไทยแน่นอน จานที่สองเป็น “ยำแฮมรมควัน” ซึ่งเมนูนี้ความจัดจ้านอาจจะไม่มากเท่าที่ ควร นั่นก็เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ดังนั้นใครที่คุ้นเคยกับชาติจัดจ้านถึงใจก็แนะนำให้กระซิบต่อท้ายตอนสั่ง อาหารว่าขอยำรสจัดๆ หน่อย ก็คงทำให้เมนูนี้ถูกปากขึ้นอีกไม่น้อย
|
|
|
|
แล้วก็มาถึงเมนูสเต๊กเนื้อชิ้นใหญ่สะใจอย่าง “ฟรินสโตนสเต๊ก” ที่ย่างมาในระดับมีเดียม แรร์ (Medium Rare) พร้อมด้วยน้ำเกรวี่เข้มข้น เสิร์ฟคู่กับมันฝรั่งติดเปลือกทอดที่ตกแต่งมาอย่างสวยงามแถมยังอร่อยอีกด้วย ส่วนพระเอกอย่างเนื้อออสเตรเลียชิ้นนี้บอกได้เลยว่า แต่ละคำที่นำเข้าปากนั้นนุ่มชุ่มลิ้นได้ใจจริงๆ แต่ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าสำหรับใครที่รับประทานไม่จุ ก็ควรชวนเพื่อนฝูงมาช่วยกันลิ้มรสชาติหลายๆ คน เพราะจะยิ่งช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับประทานขึ้นได้แบบไม่รู้ตัว และถ้าใคร ที่รู้ตัวว่าเป็นสมาชิกชมรมคนรักของหวานก็พลาดไม่ได้กับ “Peach Melba” ไอศครีมวนิลาที่มาพร้อมลูกพีชราดด้วยซอสเบอร์รี่ ด้านบนโรยอัลมอนต์พร้อมกับแท่งน้ำตาลคาราเมล ซึ่งรสชาติของตัวไอศครีมนั้นหอมหวานกำลังดี ที่สำคัญไม่ว่าจะรับประทานมากแค่ไหนก็ไม่รู้สึกเลี่ยนแต่อย่างใด เพราะได้ความเปรี้ยวจากลูกพีชและซอสเบร์รี่มาคอยตัดรสหวาน จึงทำให้รสชาติของเมนูนี้ลงตัวเป็นที่สุด
ทว่าถึงตอนนี้ใครที่ยังติดใจกับรสชาติไวน์จากเมื่อครั้งทดสอบรสชาติในโรง บ่มไวน์ แล้วอยากจะได้ไวน์ติดไม้ติดมือกลับไปละเลียดต่อที่บ้านหรือจะใช้เป็นของฝาก ก็ลองเข้าไปเลือกหาขวดที่ใช่และชอบได้ยังร้านจำหน่ายของฝาก นอกจากไวน์แล้วยังมีน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ เช่น น้ำเสาวรส น้ำองุ่น และอื่นๆ อีกมากมาย ก่อนจากกันคราวนี้ ขอส่งท้ายไว้นิดว่า ถ้าใครที่กำลังลังเลกับจุดหมายปลายทางอย่างเขาใหญ่อยู่ละก็ บอกได้เลยถ้ามาแล้วรับรองไม่ผิดหวัง เพราะอย่างน้อยที่ พีบี วัลเล่ย์ แห่งนี้ก็พร้อมสรรพทั้งอาหารรสอร่อย รวมถึงไปถึงกิจกรรมเกี่ยวกับการผลิตไวน์ทั้งกระบวนที่ให้เราได้สัมผัสกัน อย่างใกล้ชิด ซึ่งเราก็เชื่อเหลือเกินว่าคุณคงประทับใจไม่น้อยกับประสบการณ์ดีๆ เช่นนี้
|
|
|
จากกรุงเทพฯ สามารถใช้เส้นทางถนนมิตรภาพมุ่งหน้าสู่นครราชสีมา กระทั่งมาถึงกิโลเมตรที่ 39 ให้กลับรถแล้ววิ่งเข้า ถนนผ่านศึก-กุดคล้า เข้าไปประมาณ 10 กิโลเมตร จะพบกับทางแยกให้เลี้ยวขวาเข้าซึ่งจะมีป้ายบอกเป็นระยะ หรือจะมาจากถนนธนะรัชต์ก็ได้เช่นกัน
ข้อมูลเเละภาพประกอบจาก