เศียรพระพุทธรูปกว่าร้อยปีในรากไม้ วัดมหาธาตุ พระนครศรีอยุธยา

กินเที่ยว
เศียรพระพุทธรูปกว่าร้อยปีในรากไม้ วัดมหาธาตุ พระนครศรีอยุธยา

การเดินทางนี้ ได้เริ่มขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากโปสการ์ดแผ่นหนึ่งที่เป็นรูปของเศียรพระพุทธรูป ซึ่งถูกรากไม้ขึ้นมาปกคลุมจนแทบจะกลืนไปเหมือนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน บอกคำเดียวได้ว่า “อะเมซซิ่งไทยแลนด์” จริงๆ


ทุกครั้งที่ได้ไปเที่ยว ไปไหว้พระ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะรู้สึกได้ถึงความมีเสน่ห์ และมนต์ขลังของความเป็นกรุงเก่าแทบทุกครั้ง บ่อยครั้งที่อยากจะย้อนอดีตนั่งไทม์แมชชีนกลับไปดูว่า บ้านเมืองที่เต็มไปด้วยเจดีย์ทองเหลืองอร่ามไปทั้งเมืองเหมือนในจดหมายเหตุต่างๆ ของทั้งชาวไทย ชาวฝรั่งในสมัยนั้นบันทึกไว้มีหน้าตาเป็นแบบไหน อลังการขนาดไหน งดงามขนาดไหน แต่น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ พระนครศรีอยุธยา เป็นเพียงความทรงจำ และภาพในกระดาษบันทึกเก่าที่เราไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา เหลือเพียงซากปรังหักพังของสถานที่ต่างๆ ที่มีมากว่าร้อยปี นับเป็นมรดกโลกในประเทศไทยของเราที่ทรงคุณค่ามากค่ะ




และแล้วการเดินทางวันนี้ก็ได้เริ่มขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากโปสการ์ดแผ่นหนึ่งที่เป็นรูปของ เศียรพระพุทธรูปซึ่งถูกรากไม้ขึ้นมาปกคลุมจนแทบจะกลืนไปเหมือนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน บอกคำเดียวได้ว่า “อะเมซซิ่งไทยแลนด์” จริงๆ ค่ะ ขนาดเราเป็นคนไทยแท้ๆ ยังรู้สึกตะลึงขนาดนี้เมื่อได้เห็นภาพนั้นแม้ในโปสการ์ด คงไม่ต้องพูดถึงชาวต่างชาติที่ได้เห็นภาพนี้เช่นเดียวกัน  เพราะฉะนั้น สองมือคว้ากล้อง ออกเดินทางไป “วัดมหาธาตุ” พระนครศรีอยุธยา กันค่ะ


วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่เชิงสะพานป่าถ่าน ทางทิศตะวันออกของวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดมหาธาตุเป็นวัดที่มีความสำคัญยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยาค่ะ เพราะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเป็นที่พำนักของ สมเด็จพระสังฆราช นั่นเองค่ะ และวัดมหาธาตุนี้ก็ได้ถูกทำลายลงหลังจากสงครามการเสียกรุงในครั้งที่ 2 นั่นเอง
 







โซนด้านหน้าของวัดมหาธาตุจะเป็นโซนขายของที่ระลึก และของอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้แก่นักท่องเที่ยวค่ะ ถัดมาจะเป็นโซนที่ขายตั๋วเข้าชม เข้ามาด้านในแต่ละจุดที่มีความสำคัญภายในวัดจะมีป้ายแนะนำความเป็นมา และความสำคัญบอกให้แก่นักท่องเที่ยว ตอนนี้ยิ่งไฮเทคไปกว่าเดิม เพราะสามารถรับเครื่องโสตทัศนศึกษาซึ่งสามารถฟังได้หลายภาษาบริการแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วยค่ะ

สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดมหาธาตุ คือ
1.พระปรางค์ขนาดใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันพังทลายลงมาหมดแล้ว แต่ราชทูตลังกาที่ได้เคยมาเยี่ยมชมวัดมหาธาตุ ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศไว้ว่า ที่ฐานของพระปรางค์ มีรูปราชสีห์ หมี หงส์ นกยูง กินนร โค สุนัขป่า กระบือ มังกร เรียงรายอยู่โดยรอบ รูปเหล่านี้อาจหมายถึงสัตว์ในป่าหิมพานต์ที่รายล้อมอยู่เชิงเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นแกนกลางของจักรวาล
2.เจดีย์แปดเหลี่ยม เป็นเจดีย์ลดหลั่นกัน 4 ชั้น 8 เหลี่ยม ชั้นบนสุดประดิษฐานปรางค์ขนาดเล็ก ซึ่งเจดีย์องค์นี้จัดว่าเป็นเจดีย์ที่แปลกตา พบเพียงองค์เดียวในอยุธยา
3.วิหารที่ฐานชุกชี ของพระประธานในวิหาร กรมศิลปากรพบว่ามีผู้ลักลอบขุดลงไปลึกถึง 2 เมตร จึงดำเนิน การขุดต่อไปอีก 2 เมตร พบภาชนะดินเผาขนาดเล็ก 5 ใบ บรรจุแผ่นทองเบาๆรูปต่างๆ
4.พระปรางค์ขนาดกลาง ภายในพระปรางค์ มีภาพจิตรกรรม เรือนแก้วซึ่งเป็นตอนหนึ่งในพุทธประวัติ
5.ตำหนักพระสังฆราช บริเวณพื้นที่ว่างทางด้านทิศตะวันตก เป็นสถานที่ที่เป็นที่ตั้งพระตำหนักพระสังฆราช ราชทูตลังกาได้บอกไวว่า เป็นตำหนักที่สลักลวดลายปิดทอง มีม่านปักทอง พื้นปูพรม มีขวดปักดอกไม้เรียงราย เป็นแถวเพดานแขวนอัจกลับ (โคม) มีบังลังก์ 2 แห่ง
และ 6.เศียรพระพุทธรูปหินทราย ซึ่งมีรากไม้ต้นโพธิ์ปกคลุมอยู่ โดยเศียรพระพุทธรูปนี้ เป็นพระพุทธรูปหินทรายเหลือแค่ส่วนเศียร สำหรับองค์พระนั้นหายไป และเป็นเศียรพระพุทธรูปศิลปะอยุธยา วางอยู่ในรากโพธิ์ข้างวิหาร คาดว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ ในสมัยเสียกรุง จนรากไม้ขึ้นปกคลุมทำให้มีความงดงามแปลกตา จนเลื่องลือกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกสิ่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาค่ะ ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของวัดมหาธาตุ โด่งดังไปทั่วโลก

หลังจากเว็บไซต์ Tripadvisor (เว็บไซต์ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก) จัดอันดับว่าเศียรพระพุทธรูปหินทราย ที่ถูกห่อหุ้มด้วยรากของต้นโพธิ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และนักท่องเที่ยวอยากเดินทางมาพิสูจน์ด้วยตาตนเอง จึงทำให้แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แวะเวียนมาถ่ายภาพ เศียรพระพุทธรูปหินทราย อย่างไม่ขาดสายเลยทีเดียว

วัดมหาธาตุ
ตั้งอยู่ เชิงสะพานป่าถ่าน ทางทิศตะวันออกของวัดพระศรีสรรเพชญ์
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท และตั้งแต่เวลาประมาณ 19.30น.-21.00น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน ค่ะ
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ เข้าตัวเมืองอยุธยาแล้วข้ามสะพานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตรงไปจนถึงสี่แยกไฟ แดงที่ 2 เลี้ยวขวาตรงไปไม่ไกลนัก ผ่านบึงพระราม จะเห็นวัดมหาธาตุอยู่ทางซ้ายมือ

ที่มา :