การคว้าแชมป์โลกของฝรั่งเศสในครั้งนี้ ถือเป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 2 ของพวกเขา โดยก่อนหน้านี้ทีมตราไก่เคยคว้าแชมป์โลกครั้งแรกได้เมื่อปี 1998 ซึ่งตอนนั้นพวกเขาเป็นเจ้าภาพ

 

ในขณะที่โครเอเชีย แม้จะต้องผิดหวังทำได้เพียงแค่รองแชมป์ แต่นี่ถือเป็นการจบอันดับสูงที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลโลก โดยก่อนหน้านี้ โครเอเชีย เคยคว้าอันดับสามในฟุตบอลโลกปี 1998 ซึ่งพวกเขาได้เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในปีนั้น

 

ส่วนอันดับสามตกเป็นของ เบลเยี่ยม ที่เอาชนะ อังกฤษ ไปได้ 2-0 ซึ่งทำให้ เบลเยี่ยม จบอันดับที่ดีที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลโลกเช่นเดียวกัน

สำหรับฟุตบอลโลกครั้งต่อไปจะมีขึ้นในอีกสี่ปีข้างหน้า คือปี 2002 โดยประเทศกาตาร์ จะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ

 

เก็บตก 5 ประเด็น หลัง ฝรั่งเศส คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018

 

1. เกมนัดชิงระหว่าง ฝรั่งเศส กับ โครเอเชีย เป็นนัดชิงชนะเลิศที่ทำประตูรวมกันได้มากที่สุด เท่ากับ นัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 1966 ที่ อังกฤษ เอาชนะ เยอรมนี ไปได้ 4-2 เช่นกัน

 

2. เอ็มบั๊บเป้ ดาวโรจน์ทีมชาติฝรั่งเศส ในอายุ 19 ปี 207 วัน กลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสอง ที่ลงเล่นในเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกและยิงประตูได้ โดยเป็นรองเพียง เปเล่ ซึ่งเคยทำได้ในปี 1958 ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุเพียง 17 ปี 249 วัน

 

3. อิวาน เปริซิช ปีกทีมชาติโครเอเชีย กลายเป็นผู้เล่นคนที่สองที่ทั้งทำประตูได้และทำให้ทีมเสียจุดโทษ ในเกมชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก หลังจากที่ มาร์โก มาเตรัซซี่ ของอิตาลี เคยทำแบบเดียวกันในเกมนัดชิงปี 2006

 

4. มาริโอ มานด์ซูคิช กลายเป็นนักเตะคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ยิงประตูได้และทำเข้าประตูตัวเองในเกมนัดชิงฟุตบอลโลก โดยก่อนหน้านี้ เออร์นี่ แบรนดท์ส ของทีมชาติฮอลแลนด์เคยทำแบบกันนี้ในเกมนัดชิงกับอิตาลี เมื่อปี 1978

 

5. พอล ป็อกบา กลายเป็นนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนแรกที่สามารถยิงประตูในเกมนัดชิงฟุตบอลโลกได้ โดยนักเตะในเวทีพรีเมียร์ ลีก คนแรกที่ยิงประตูได้ในเกมฟุตบอลโลกนัดชิงคือ เอ็มมานูเอล เปอตีต์ (ซึ่งอยู่กับ อาร์เซน่อล ตอนนั้น) ที่ยิงให้กับฝรั่งเศสเมื่อปี 1998

เครดิตภาพ : www.telegraph.co.uk